ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family - ตอนที่ 217.1
บทที่ 217 พลิกกลับ 3 (1)
ปราสาทลีโอน่ามีขนาดใหญ่กว่าปราสาทหลักในอาณาเขตเฮนิตัสประมาณ 2.5 เท่า ทุกสายตามองเห็นคลื่นสีดําขนาดใหญ่ที่กําลังพุ่งตัวเข้าหาพวกเขาหลังจากเสียงระเบิดดังขึ้น
องค์ชายวาเลนติโน่แห่งอาณาจักรคาโรรู้สึกหวาดกลัวเมื่อสายตาปะทะเข้ากับของเหลวสีดํา
ดินแดนที่ปกคลุมไปด้วยพลังเวทย์แห่งความตาย
ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถเติบโตหรือมีชีวิตบนพื้นที่ดังกล่าวได้
ทหารคนใดก็ตามเมื่อสัมผัสเข้ากับพลังเวทย์แห่งความตายจะต้องจบชีวิตลงในทันที
อย่างไรก็ตามคําที่ออกจากของเขากลับเป็นอย่างอื่นโล่”
บูมมมมมม!พบู๊มมมมมม!!
เรือขนาดเล็กหลายสิบลําชนเข้ากับโล่ป้องกัน
บูมมมมมมมมม!!!!
ทั่วทั้งบริเวณดังสนั่นหวั่นไหว กําแพงปราสาทก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างแรง
อย่างไรก็ตามมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่สั่นสะเทือนแต่อย่างใด
วาเลนติโน่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ดูเหมือนโล่ป้องกันของเราจะสามารถปิดการทํางานได้แล้วสินะ”
มันให้ความรู้สึกราวกับมีภูเขาลูกใหญ่มาขวางหน้าปราสาทลีโอน่าเอาไว้ อย่างไรก็ตามนั่นคือโล่ป้องกันไม่ใช่ภูเขาแต่อย่างใด มันเป็นโล่เงินขนาดใหญ่ที่มีตรารูปหัวใจประทับอยู่โล่เงินขนาดใหญ่กําลังทําหน้าที่ปกป้องปราสาทลีโอน่าจากทุกๆสิ่งที่จะเข้ามาทําอันตรายมันแสงสีเงินสว่างจ้าราวกับโล่มีการซ้อนทับหลายๆชั้น
แน่นอนว่าทางฝั่งคาร์ลนั้นกําลังฟังเสียงของราอนที่ตะโกนเข้ามาในหัวอยู่
– ข้าคิดว่าตัวเองเป็นมังกรที่ยอดเยี่ยมและมีพลังร้ายกาจยิ่งนัก! มันคือโล่เงินสี่ชั้น! พลังเวทย์แห่งความตายจะไม่สามารถทําอันตรายเราได้! เราจะช่วยทุกคน!
คาร์ลฟังเสียงตื่นเต้นของมังกรน้อยวัยหกขวบในขณะที่เขาเพียงเปิดใช้งานโล่เงินที่มีพลังปานกลางไว้ใต้โล่เงินอันแข็งแกร่งของราอนเท่านั้น โล่ของเขาไม่ได้แข็งแกร่งพอจะสร้างโล่เงินขนาดใหญ่แบบที่ราอนทําได้ ถึงแม้โล่ของเขาจะแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนแต่มันก็ไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องปราสาททั้งหลังได้
“มังกรช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”
โล่เงินสี่ชั้นของราอนช่วยส่งให้โล่ของคาร์ลสว่างไสวกว่าที่เคย
พันธมิตรไร้พ่ายและพวกขยะโสโครกเช่นจักรวรรดิได้สร้างสิ่งที่อันตรายและแข็งแกร่งกว่าโล่ที่คาร์ลเคยทําไว้ในอาณาเขตเฮนิตัสถึงสามเท่า มันไม่เหมือนกับดาบทําลายล้างของนักล่ามังกรที่พุ่งโจมตีคาร์ลเพียงจุดเดียว แต่ครั้งนี้พวกมันวางแผนให้มีการระเบิดพร้อมกันหลายๆจุด พวกมันคาดว่าสิ่งนี้จะแข็งแกร่งเกินกว่าที่คาร์ลจะรับมือไหว มันจะสามารถสร้างช่องทางหลบหนีหรืออย่างน้อยก็ยื้อเวลาให้ฝั่งของคาร์ลตกเป็นรองได้นานขึ้น
“ตลกชะมัด
อย่างไรก็ตามคาร์ลมีมังกรน้อยที่ไม่มีความแข็งแกร่งใดๆจะต่อกรกับมันได้ อาจยกเว้นแค่เพียงนักล่ามังกรเท่านั้น คาร์ลผุดรอยยิ้มพอใจบนใบหน้าของตน
แน่นอนว่าองค์ชายรัชทายาทวาเลนติโน่ไม่มีทางรู้ในสิ่งที่คาร์ลคิดอยู่ในตอนนี้ได้ วาเลนติโน่รู้สึกโล่งใจผสมไปกับความหวาดกลัว
“วีรบุรุษคือผู้ที่จะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์
พวกเขาคือกลุ่มคนที่เปลี่ยนเส้นทางของทวีปผ่านชัยชนะของพวกเขา มีเฉพาะคนเหล่านี้เท่านั้นที่จะถูกยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษ
ผู้บัญชาการคาร์ลบอกกับเขาว่าตัวเองได้นําวีรบุรุษมาด้วย ถ้าเช่นนั้นใครกันเล่าคือผู้นําของวีรบุรุษเหล่านี้ถ้าไม่ใช่
“องค์ชายพะยะค่ะ!”
วาเลนติโน่เรียกสติตัวเองกลับมาในที่สุดเมื่อมีคนตะโกนเรียกเขาขึ้นมา จากนั้นเขาก็หันไปสั่งผู้บัญชาการประจําอาณาจักรคาโรทันที
“ไปตามนักบวชมาเดี๋ยวนี้! ตรวจสอบให้มั่นใจว่านักบวชเหล่านั้นมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับพลังแห่งแสงสว่าง!”
ศัตรูกําลังหลบหนีหลังจากทําให้ทั่วชายฝั่งเต็มไปด้วยน้ําขังจากพลังเวทย์แห่งความตาย ฝั่งอาณาจักรคาโรจําเป็นต้องสร้างเส้นทางเล็กๆผ่านพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพลังเวทย์แห่งความตายเพื่อไล่ตามศัตรูไปให้ทัน การจะทําเช่นนั้นได้จะต้องอาศัยความสามารถของวิหารที่เกี่ยวข้องกับแสงสว่าง เท่านั้นโดยเฉพาะวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวันซึ่งพวกเขาจะต้องสร้างเส้นทางแห่งแสงตะวัน”เหมี อนเมื่อครั้งอดีตที่พวกเขาเคยสร้างมันเพื่อกําจัดหมอผีพวกเขาต้องการเส้นทางเดินที่มาจาก พลังศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า
องค์ชายวาเลนติโน่สังเกตเห็นบางอย่าง เขามั่นใจว่าศัตรูไม่ได้หลบหนีแต่พวกเขากําลังมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งทางตอนเหนือต่างหาก สิ่งนี้เดาได้ไม่ยาก มันคือเหตุผลที่เขาไม่สามารถปล่อยให้ศัตรูหลุดรอดไปได้ อาณาจักรคาโรและพันธมิตรจะต้องป้องกันไม่ให้ศัตรูไปถึงชายฝั่งทางตอนเหนือจนสําเร็จได้
หากอาณาจักรคาโรไม่สามารถกําจัดศัตรูทั้งหมดได้ก็ต้องพยายามหยุดยั้งพวกมันให้ได้นานที่
บูมมมมมมแบูมมมมมม!!
การระเบิดเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งจนดังก้องไปทั่วบริเวณ แสงจ้าของโล่เงินก็เริ่มหรี่ลงเช่นกัน
“อ่า….”
เขาส่งเสียงพึมพําในลําคอ
“อีก…อ๊ากกกกกก!!!”
“เฮือก..อ๊ากกกก!!!”
พื้นดินทั่วชายฝั่งถูกชโลมย้อมเป็นสีดํา ของเหลวสีดําที่มีลักษณะเหนียวหนืดปกคุลมไปทั่วพื้นดินราวกับมันคือบึงขนาดย่อมที่เต็มไปด้วยน้ําสีดําและด้านบนของบึงสีดํานั้นคือซากของเรือที่ถูกทําลายลงรวมไปถึงทหารของศัตรูที่กําลังจะตายจากแรงระเบิดและพลังเวทย์แห่งความตาย
“อ่า..ฝ.ฝันร้าย”
องค์ชายวาเลนติโน่หันไปมองยังขอบกําแพงปราสาททันที เขามองเห็นร่างสั่นเทาของทหารนายหนึ่งในขณะที่ปากของทหารนายนั้นก็เอาแต่พึมพําว่ามันคือฝันร้าย
เป็นเพราะอาณาจักรคาโรจําเป็นต้องเกณฑ์ทหารอย่างเร่งด่วนทําให้ทหารส่วนใหญ่มีอายุประมาณ 15 ปีเท่านั้น ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าแสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังของสงครามอย่างแท้จริง
โหดร้ายที่สุด?
ไหล่ของวาเลนติโน่เริ่มสั่นไหวเมื่อคิดว่าพันธมิตรไร้พ่ายสามารถละทิ้งทหารของตนเองเพื่อไปฆ่าคนอื่นได้อย่างไร เขารู้สึกถึงความกลัวที่แล่นไปทั่วร่างของเขา
“หากข้าต้องการที่ชนะในสงครามจําเป็นต้องส่งทหารของตัวเองไปตายด้วยหรือ?”
นี่คือสงครามครั้งแรกขององค์ชายรัชทายาทวาเลนติโน่เช่นกัน อย่างไรก็ตามในฐานะองค์ชายรัชทายาทเขาต้องการทําหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เช่นเดียวกับขุนนางคนอื่นๆที่มาร่วมรบกับเขาในครั้งนี้
พวกเขาต้องพยายามต่อสู้เพื่อไม่ให้ทหารของตนเองต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น
เสียงของผู้บัญชาการทหารลอดเข้ามาในหูของเขา
“องค์ชายพะยะค่ะ! เราไม่สามารถปล่อยให้ศัตรูหนีรอดไปได้”
เรือของศัตรูส่วนหนึ่งเริ่มหลุดออกจากชายฝั่งไปทุกทีๆ ทั้งเผ่าหมี ทหารและอัศวินของศัตรูกลับขึ้นไปบนเรือที่ตนประจําการอยู่และมุ่งหน้าสู่ผืนมหาสมุทรอย่างรวดเร็ว มีเรือหลายสิบลําออกจากฝั่งไปไกลแล้วเช่นกัน
ผู้บัญชาการทหารแห่งอาณาจักรคาโรเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“เราต้องรีบแล้วพะยะค่ะ! แม้ว่านักบวชจะกําจัดพลังเวทย์ที่ตายไปแล้วได้แต่การที่จะฝ่าซากศพและซากเรือที่ถูกทําลายก็เป็นไปได้ยากเช่นกัน”
สิ่งที่ผู้บัญชาการทหารพูดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง พลังเวทย์แห่งความตายเป็นสิ่งที่ขวางทางพวกเขาเอาไว้แต่ซากเรือและซากศพก็เป็นสิ่งกีดกั้นพวกเขาเอาไว้เช่นกัน
“นักบวช!ไม่สิ!? เรียกหัวหน้านักบวชมาเดี๋ยวนี้!”
วาเลนติโน่ออกคําสั่งให้ตามตัวหัวหน้านักบวชมาโดยด่วนก่อนจะหันไปสั่งนักเวทย์ที่รับผิดชอบอุปกรณ์เวทย์สื่อสารต่อ
“เชื่อมต่อสัญญาณไปยังหอคอยทิศเหนือและทิศใต้โดยด่วน!”
“พะยะค่ะ!”
ในตอนนั้นเองที่วาเลนติโน่ได้ยินเสียงฝีเท้ากําลังเดินขึ้นบันไดหินขึ้นมา
ตึกโตึกโตึกโตึกโตึก!ตึก!ตึก!ตึก!
เมื่อมั่นใจว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นใครสีหน้าของเขาก็ดูสดใสขึ้นทันที
กลุ่มคนเหล่านี้คือนักบวชที่มีความสัมพันธ์กับแสงสว่างโดยตรง พวกเขาได้รับมอบหมายให้ ประจําการอยู่ภายในปราสาทลีโอนาโดยมีหัวหน้านักบวชแห่งวิหารพระเจ้าแสงตะวันเป็นผู้นํา
ตั้งแต่ที่เขาไม่พอใจการกระทําของหัวหน้านักบวชเมื่อครั้งประชุมวางแผนยุทธศาสตร์ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่วาเลนติโนรู้สึกดีใจที่ได้เห็นหน้าเขาในวันนี้ วาเลนติโนรีบสาวเท้าเข้าไปหาหัวหน้านักบวชอย่างรวดเร็ว
“ท่านหัวหน้านักบวช!”
“ถวายบังคมพะยะค่ะองค์ชาย”
หัวหน้านักบวชโค้งคํานับต่อวาเลนติโน่อย่างนอบน้อม อย่างไรก็ตามวาเลนติโน่ไม่มีเวลามาสนใจพิธีการเหล่านี้ เขารีบแตะไปที่ไหล่ของหัวหน้านักบวชและเจ้งความต้องการของตนเองออกไปทันที
“โปรดสร้างเส้นทางเดินผ่านพลังเวทย์แห่งความตายโดยด่วน..ข้าได้ยินมาว่ามีเพียงนักบวชที่เกี่ยวข้องกับแสงสว่างเท่านั้นที่จะทําได้…พวกท่านรีบลงมือตามที่ข้าขอเถิด”
“แน่นอนพะยะค่ะ..เราต้องกําจัดมันอย่างแน่นอนมันเป็นพลังเวทย์ที่สกปรกยิ่งนัก!”
วาเลนติโนรู้สึกพอใจกับการตอบรับของหัวหน้านักบวช อย่างน้อยเขาก็สามารถไว้ใจคนผู้นี้ได้ในตอนนี้เส้นทางแห่งแสงตะวัน
มันคือเส้นทางเดินที่เล่าลือกันว่าวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวันสร้างขึ้นในพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยพลังเวทย์แห่งความตายเมื่อครั้งที่พวกเขากําจัดหมอผีให้หายสาบสูญไปจากโลกใบนี้อัศวินศักดิ์สิทธิ์ผู้ที่เป็นทั้งนักบวชและอัศวินได้ใช้เส้นทางเดินนี้เป็นสนามในการต่อสู้กับกลุ่มหมอผีกลุ่มสุดท้าย
หนึ่งในอุปกรณ์เวทย์สื่อสารได้เชื่อมต่อสัญญาณเสร็จสิ้นในจังหวะนั้นพอดี
“อ๊ะ!.ท่านดยุคฮเต็น”
เป็นฝั่งของดยุคฮเด็นจากอาณาจักรโมโกรหรือจักรวรรดิซึ่งรับผิดชอบหอคอยทางทิศเหนือที่เชื่อมต่อสัญญาณได้ก่อน
[“กระหม่อมดีใจยิ่งนักที่ทุกคนปลอดภัย”]
วาเลนติโนรู้สึกขอบคุณดยุคฮเต็นในใจหลังจากได้ยินประโยคดังกล่าว ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“นักบวชจะสร้างเส้นทางเดินฝาพลังเวทย์แห่งความตายได้ในเร็วๆนี้เราไม่สามารถปล่อยให้พันธมิตรไร้พ่ายหลบหนีไปได้…ข้าคงต้องขอความช่วยเหลือจากท่านแล้วล่ะ”
[ “แล้วแต่พระองค์จะทรงรับสั่งพะ]
“องค์ชายพะยะค่ะ”
ช่วงจังหวะที่ดยุคฮเด็นกําลังตอบกลับวาเลนติโน่ หัวหน้านักบวชก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน
“มีอะไรหรือท่านหัวหน้านักบวช?”
“มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนพะยะค่ะ”
“อะไรนะ?”
ในที่สุดวาเลนติโน่ก็มองเห็นความอึดอัดในรอยยิ้มสุภาพของหัวหน้านักบวช
“เราต้องใช้เวลารวบรวมพลังอันบริสุทธิ์เพื่อกําจัดพลังเวทย์แห่งความตายโดยเฉพาะอีกทั้งยังต้องเตรียมการหลายๆขั้นตอนให้แล้วเสร็จ.ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนพะยะค่ะ”
“ท่านกําลังจะบอกข้าว่าไม่มีทางที่จะสร้างเส้นทางเดินเพื่อตามล่าศัตรูในตอนนี้ได้”
“อะแฮ่ม…เป็นเช่นนั้นพะยะค่ะ”
ใบหน้าของวาเลนติโน่เริ่มมืดครึ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะเอ่ยถามต่อ
“แล้วเส้นทางแห่งแสงตะวันล่ะ?”
“ต้องเป็นนักบวชผู้ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นพะยะค่ะที่จะสามารถทําได้”
นักบวชผู้ศักดิ์สิทธิ์
คําตอบนั้นทําให้วาเลนติโน่ถึงกับพูดอะไรไม่ออก เขาจ้องเขม็งไปที่หัวหน้านักบวชซึ่งพยายามหลบสายตาเขาและนักบวชคนอื่นๆที่รีบก้มศีรษะหลบหน้าเขาทันที วาเลนติโน่เอ่ยถามเหล่ านักบวชขึ้นมาอีกครั้ง
“แล้วเส้นทางเดินแห่งแสงขนาดเล็กล่ะจะพอทําได้หรือไม่? พลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกท่านพอจะแผดเผาพลังเวทย์แห่งความตายให้มอดไหม้ไปได้หรือเปล่า?”
วาเลนติโน่เอ่ยถามอย่างไม่ยอมหมดหวัง
“เราต้องการเส้นทางเดินขนาดเล็กเพียงพอที่จะให้อัศวินของเราฝาออกไปหาข้าศึกได้เราสามารถเคลื่อนย้ายอัศวินด้วยเวทย์ลอยตัวได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น..มันพอจะเป็นไปได้หรือไม่?”
“เอ่อ…”
หัวหน้านักบวชมีท่าทางลังเลอย่างเห็นได้ชัด นั่นทําให้วาเลนติโนรู้สึกสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นเขาได้ยินเสียงของดยุคฮเต็นแว่วผ่านออกมาจากอุปกรณ์เวทย์สื่อสารในจังหวะนั้น
“นักบวชที่มีความเกี่ยวข้องกับแสงสว่างโดยตรงจะรู้สึกว่าร่างกายของตนร้อนราวกับถูกไฟแผดเผาเมื่อใช้พลังอันศักดิ์สิทธิ์ชําระล้างพลังเวทย์แห่งความตาย”]
ชําระล้างพลังอันสกปรกให้กลับคืนสู่ความบริสุทธิ์
พระเจ้าไม่อนุญาตให้มนุษย์ใช้พลังของตัวเองฟรีๆ ทุกอย่างต้องมีค่าใช้จ่ายเสมอ
“อ่า”
ในที่สุดวาเลนติโน่ก็เข้าใจว่าทําไมหัวหน้านักบวชถึงมีอาการเช่นนั้น เสียงของดยุคฮเต็นยังคงเอ่ยต่อไป
“นักบวชเมื่อครั้งอดีตถูกกล่าวไว้ว่าพวกเขาได้รับความเจ็บปวดเจียนตายเมื่อครั้งที่ใช้พลังอันบริสุทธิ์กําจัดหมอผีแต่พวกเขาก็ยินดีที่จะทําเพื่อความสงบสุขของโลก..แม้จะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในช่วงเวลานั้นแต่ผลจากเหตุการณ์นั้นก็กลายเป็นอาการเรื้อรัง..นักบวชจํานวนมากต้องทนเจ็บปวดทรมานจนกระทั่งพวกเขาเสียชีวิตลงในที่สุด”
นักบวชที่ได้ยินสิ่งที่ดยุคฮเต็นพูดถึงกลับหน้าซีดไปตามๆกัน วาเลนติโน่และคนอื่นๆก็หันไปมองกลุ่มของนักบวชทันที นั่นคือสาเหตุที่พวกเขาไม่ทันได้เห็นใบหน้าเย้ยหยันของดยุคฮเด็น
“ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเพราะโล่ป้องกันของคาร์ล เฮนิตัสแข็งแกร่งกว่าที่พวกเราคาดเอาไว้
แต่มันก็ถือว่าประสบความสําเร็จเพราะเราสามารถขัดขวางไม่ให้พวกเขาทําการเคลื่อนไหวใดๆได้
“แม้แต่หมอผีของอาณาจักรโรมันก็ไม่สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ด้วยตัวคนเดียว”
ศัตรูมีจํานวนมากเกินไป มันเกินกว่าที่อาณาจักรโรมันจะใช้เพลังเวทย์เข้าปะทะได้ แม้แต่อัศวินที่จะถูกเคลื่อนย้ายด้วยเวทย์ลอยตัวก็ไม่สามารถจัดการกับศัตรูได้ทั้งหมดเช่นกันดยุคฮเต็นบัดสิ่งที่ตัวเองคิดออกไปเพื่อไม่ให้เผยพิรุธจนคนอื่นสังเกตเห็น เขารีบปรับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยเมื่อมองไปที่องค์ชายวาเลนติโน่และคนอื่นๆในอาณาจักรคาโร เขาทําราวกับว่าตัวเองกําลังห่วงอาณาจักรคาโรด้วยใจจริง
หัวหน้านักบวชเริ่มเอ่ยกับองค์ชายวาเลนติโน่
“เอ่อ.มันยากที่จะจัดการได้ในทันทีพะยะค่ะถึงอย่างไรก็มีวิธีที่ปลอดภัยอยู่แล้วอาจจะช้าไปบ้างแต่กระหม่อมอยากให้พระองค์ทรงเข้าใจพะยะค่ะ”
“…แต่ศัตรูกําลังจะสังหารชาวบ้านและเหล่าพ่อค้าหากพวกมันหลุดไปถึงชายฝั่งทางตอนเหนือได้แล้วถ้าเรือพวกนั้นมีระเบิดที่ทํามาจากพลังเวทย์แห่งความตายล่ะ…”
ดดดดดดดด!!
วาเลนติโน่ได้ยินเสียงแตรของศัตรูจากระยะไกลๆ
“ดินแดนทางตอนเหนืออาจจะปกคุลมไปด้วยพลังเวทย์แห่งความตายเช่นเดียวกับที่นี่”
มันคือหายนะอย่างแท้จริง