ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family - ตอนที่ 218.1
บทที่ 218 พลิกกลับ 4 (1)
การเคลื่อนตัวของดาร์กเอลฟ์กลุ่มใหญ่ราวกับกําลังเหาะผ่านทะเลทรายต้องของคุณธาตุลมที่ ทําให้พวกเขาเคลื่อนไหวได้เร็วมากเพียงชั่วพริบตาดาร์กเอลฟ์ที่เป็นทัพหน้าก็เดินทางมาถึงปราสาทลีโอน่าแล้ว
พี่บเฟืบเฟืบเฟืบ!
เธอย่างเท้าลงบนพื้นดินที่ชโลมไปด้วยของเหลวสีดําเธอเดินผ่านบริเวณที่เต็มไปด้วยพลังเวทย์แห่งความตายโดยไม่มีอาการสะทกสะท้านแต่อย่างใด ไม่มีอะไรสามารถหยุดการก้าวเดินของเธอได้
เธอมาถึงจุดใต้กําแพงปราสาทซึ่งเต็มไปด้วยเศษซากเรือที่ถูกทําลายลงเธอยืนอยู่บนพื้นสีดําในขณะที่กล่าวรายงานต่อคาร์ล
“ท่านผบ.คาร์ล…พวกเราทั้งหมดเดินทางมาถึงที่นี่โดยสวัสดิภาพ!”
วาเลนติโน่ถึงกับทําตัวไม่ถูก เขาตกตะลึงแทบตาค้าง
“ดาร์กเอลฟ์
พวกเขาหาตัวเจอได้ยากกว่าพวกไลท์เอลฟ์และยังต้องอยู่กันอย่างหลบๆซ่อนๆในทวีปตะวันตกมาจนถึงปัจจุบันแน่นอนว่าที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะพวกเขาถูกมนุษย์รังเกียจดาร์กเอฟล์เป็นที่รู้ จักกันดีว่าชอบอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีซากศพฝังอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ทําร้ายใครแต่การที่อาศัยอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความมืดเช่นนั้นทําให้มนุษย์หวาดระแวงต่อพวกเขา
พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมันไม่สิ? เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผบ.คาร์ลอย่างนั้นหรือ??
สายตาที่วาเลนติโนใช้มองคาร์ลเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อคําว่าหมอผีผุดเข้ามาในหัวของเขา
“น่ากลัว”
ทันใดนั้นเขาก็เริ่มกลัวผู้บัญชาการคาร์ล ไม่ใช่เพราะคาร์ลเป็นคนเลว อันที่จริงแล้วต้องบอกว่าคาร์ลเป็นคนดีจริงๆ อย่างไรก็ตามการเชื่อความเป็นคนดีของผู้อื่นโดยไร้ข้อกังขาใดๆย่อมเป็นสิ่งที่น่ากลัวต่อฐานะองค์รัชทายาทของเขา แน่นอนว่าวาเลนติโน่ไม่มีทางรู้ว่าดาร์กเอลฟ์เหล่านี้มีถิ่นอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งความตาย เขารู้สึกพึ่งต่อการทํางานของคาร์ลและอาณาจักรโรมันนอกจากนี้เขายังรู้สึกตกใจกับความใจกล้าที่จะนําเสนอสิ่งที่น่ารังเกียจระหว่างการทําสงครามในครั้งนี้
“องค์ชายพะยะค่ะ”
“ผบ.คาร์ล”
เขาหันไปตามเสียงเรียกของคาร์ล
“พวกกระหม่อมสามารถเริ่มโจมตีได้เลยหรือไม่?”
คําว่า โจมตี และไม่ใช่คําว่า “ป้องกันที่ออกมาจากปากคาร์ลนั้นทําให้วาเลนติโน่เริ่มยิ้มบางๆ
“ทําไมเจ้าถึงถามข้าเช่นนั้น ข้าไม่เคยบอกเจ้าเอาไว้งั้นหรือ?”
วาเลนติโน่นึกถึงสิ่งที่เขาบอกคาร์ลเอาไว้ก่อนที่จะเริ่มเปิดศึกการสู้รบ
“ข้าปล่อยให้เจ้าจัดการได้ตามใจชอบ
“กระหม่อมจะไม่ทําให้พระองค์ผิดหวังพะยะค่ะ”
คาร์ลเป็นคนที่เขาสามารถไว้วางใจได้
ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกของคุณองค์ชายรัชทายาทอัลเบิรก์ อาณาจักรโรมันได้ส่งสิ่งที่ดีที่สุดมาช่วยเหลือพวกเขา
คําสั่งที่คาร์ลมอบหมายให้กับดาร์กเอลฟ์ลอดเข้ามาในหูของวาเลนติโนในทันที
“อย่าปล่อยให้ศัตรูหลบหนีไปได้ตรวจสอบให้มั่นใจว่าจะสามารถจัดการพวกเขาได้ทั้งหมด!”
ดาร์กเอลฟ์ไม่ได้ตอบสิ่งใดกลับมา พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวในทันทีเพื่อแสดงความสามารถผ่านการการกระทําของพวกเขา กองกําลังดาร์กเอลฟ์จํานวนหลายร้อยตนเริ่มเคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็ว
ดิน น้ํา ลมและไฟ องค์ประกอบของธาตุที่สําคัญเริ่มแสดงพลังเพื่อเข้าช่วยเหลือดาร์กเอลฟ์ลูกธนูไฟถูกยิงไปที่ชายฝั่ง ในขณะที่ลูกระเบิดน้ําถูกเล็งไปที่ศีรษะของสมาชิกจากเผ่าหมีนดินก็เริ่มสั่นสะเทือนและยุบตัวลงจนทหารที่มุ่งหน้าไปยังเรือไม่สามารถขยับเขยื้อนไปต่อได้ ร่างอันดําทมิฬของกองกําลังดาร์กเอลฟ์นับร้อยๆตนเริ่มออกห่างจากตัวปราสาท ผู้ที่โดดเด่นที่สุดก็คือทาช่าผู้เป็นหัวหน้ากลุ่ม
เธอเปล่งเสียงออกมาดังลั่น
“อย่าปล่อยให้ศัตรูแม้แต่คนเดียวหนีรอดไปได้!”
ลมที่มีพลังรุนแรงกว่าดาร์กเอลฟ์ตนอื่นๆกําลังโหมกระพืออยู่ข้างๆกายเธอ ลูกธนูลมกรดจํานวนห่าใหญ่รวมตัวกันเป็นลูกธนูขนาดความยาวกว่าสองเมตร มันลอยขึ้นสู่อากาศก่อนจะพุ่งไปยังเรือลําใหญ่ที่กําลังเตรียมตัวออกห่างจากชายฝั่ง
บั้งงงงงง!!
ดาดฟ้าเรือลําใหญ่แตกกระจายทันที
“อ๊ากกกกกกกกก!!!!”
“อีกกกกกกก!!”
เสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่วเรือ หมีจ้องไปที่ดาดฟ้าเรือที่พังลงก่อนจะหันไปมองดาร์กเอลฟ์ด้วยสีหน้าตกใจ
“อะไรกัน..? ดาร์กเอลฟ์พวกเขายังอาศัยอยู่ในทวีปตะวันตกอยู่รึเ”
“ทําไมจู่ๆพวกเขาก็ปรากฏตัวออกมา?!”
“อย่าบอกนะว่ามนุษย์ร่วมมือกับดาร์กเอลฟ์?!”
ทหารและสมาชิกของเผ่าหมีส่วนหนึ่งต่างตะโกนออกมาด้วยความสับสน พวกเขาทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่ไม่คาดคิดเช่นนี้ ทันใดนั้นเสียงตวาดก็ดังขึ้นมา
“พวกเจ้าทุกคนหุบปาก! กรรจ์!!”
เสียงคํารามของสัตว์ปาดังตามหลังคําสั่งนั่นทันที ในที่สุดทหารของพันธมิตรไร้พ่ายก็เริ่มมีสติ และหันไปมองทางต้นเสียงนั้น
หมีขั้วโลกในร่างมนุษย์ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่มีลําตัวสูงเกือบ 3 เมตร มันก้าวออกมาข้างหน้าและตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง
“เราจะดําเนินการตามแผนของเราต่อไป! นักเวทย์จะเปิดใช้โล่เพื่อป้องกันการโจมตีของดาร์กเอลฟ์! นักรบแห่งเผ่าหมีเตรียมตัว!”
เสียงตะโกนของหมีขั้วโลกทําให้ทุกความวุ่นวายหยุดชะงักทันที
พวกเขามองเห็นหมีขั้วโลกกําลังฉีกยิ้มเหี้ยมเกรียม
“เราจะฆ่าพวกดาร์กเอลฟ์ทันที่ที่พวกมันก้าวออกมาจากเขตพลังเวทย์แห่งความตาย!”
ความโกลาหลสงบลงเพราะการกลายร่างของเผ่าหมี ร่างมนุษย์ของหมีขั้วโลกเริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นร่างหมีโดยสมบูรณ์ในขณะที่ปากของมันก็ตะโกนอย่างต่อเนื่อง
“ฉีกทิ้งพวกมันให้เป็นชิ้นๆ! นี่จะเป็นครั้งแรกที่ข้าจะได้ฆ่าดาร์กเอลฟ์.ฟังดูน่าสนุกยิ่งนัก!ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆ”
หมีตัวอื่นก็เริ่มหัวเราะเช่นกัน
แม้ว่าพวกดาร์กเอลฟ์จะแข็งแกร่งแต่หมีที่อยู่ในสภาพกลายร่างก็แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่ากันเผ่าหมีจํานวนมากกว่าดาร์กเอลฟ์เกือบสองเท่าพากันออกมายืนปักหลังรอดาร์กเอลฟ์อยู่ข้างๆเรือ
พวกเขาไม่กลัว จริงๆแล้วพวกดาร์กเอลฟ์ต่างหากที่ต้องกลัว
หมีขั้วโลกตะโกนออกมาอีกครั้ง
“หากยังอยากมีชีวิตอยู่..พวกเจ้าก็คงไม่กล้าก้าวมาหาพวกข้าสินะ!ทันทีที่พวกเจ้าก้าวออกมาจากเขตพลังเวทย์แห่งความตาย..กรงเล็บของเราจะฉีกร่างของพวกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ!”
ดาร์กเอลฟ์วิ่งออกมาจากพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพลังเวทย์แห่งความตายและไปถึงจุดชายฝั่งที่กําลังสั่นสะเทือนอยู่
รอยยิ้มของหมียิ่งกว้างขึ้นไปอีกเมื่อทหารเริ่มพากันวิ่งขึ้นเรือไปอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเกือบจะเสร็จสิ้นแล้วและเรือหลายร้อยลําก็พร้อมจะออกเดินทางแล้วเช่นกัน
ดาร์กเอลฟ์พากันลดฝีเท้าของตนลงก่อนจะหยุดนิ่งอยู่กับที่พลางหันศีรษะกลับไปมองปราสาทลีโอน่าช้าๆ ทาช่ายืนอยู่หน้าสุดพร้อมกับพึมพําออกมาเบาๆด้วยความงุนงง
“พวกเขาพากันโง่หรืออะไรกัน?”
“พวกหมีไม่ได้ฉลาดใช่มั้ย? ถ้าฉลาดจริงก็คงไม่พูดแบบนั้นออกมา”
“หมีตนนั้นโง่จริงๆสินะ?”
ทาช่าเอียงศีรษะของตนไปด้านข้างด้วยความสับสนก่อนจะออกคําสั่งต่อไป ลมรอบๆกายเธอโหมกระพืออย่างบ้าคลั่งและขยายเสียงของเธอให้ดังขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้ยินเสียงของเธอ
“ชุบชีวิต!”
พวกหมีต่างก็ชะงักไปตามๆกัน
ตั้งเต็งเต็งเต็งเต็งตึง!
กลุ่มดาร์กเอลฟ์ที่พากันหยุดวิ่งอย่างกะทันหันจู่ๆก็พากันหันมากระทืบเท้าลงพื้นดิน สมของทาช่าเข้าโอบล้อมรอบๆบริเวณและหอบเอาพลังเวทย์แห่งความตายพุ่งออกจากพื้นดิน
ร่างของดาร์กเอลฟ์ถูกชโลมไปด้วยพลังเวทย์แห่งความตาย แม้ว่าร่างของพวกเขาจะมีดสนิทแต่ดวงตาของดาร์กเอลฟ์ที่มองผ่านของเหลวสีดําเข้าไปกลับดูสว่างไสวกว่าที่เคยพวกเขารู้สึกถึงพลังที่ไหลผ่านร่างกายของพวกเขาทาช่าเริ่มยิ้ม
ขณะนี้พวกเขาอยู่บนพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยพลังเวทย์ที่ล้ําค่าและหาได้ยากยิ่งนัก
“ช่างเป็นสนามรบที่ยอดเยี่ยมเสียจริง”
ไม่มีสถานที่ใดที่ดีสําหรับดาร์กเอลฟ์ไปมากกว่านี้อีกแล้ว
เธอหันไปมองดาร์กเอลฟ์ตนอื่นที่ร่างกายเปียกโชกไปด้วยพลังเวทย์แห่งความตายเช่นกันจากนั้นเธอก็ฉีกยิ้มเย็นให้กับศัตรูที่ไม่รู้จักความมืดมิดที่แท้จริงของดาร์กเอลฟ์
มีเหตุผลที่พวกเขาถูกปฏิเสธจากโลกภายนอกแต่ก็ยังสามารถอยู่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้ พวกเขามีพลังที่สามารถอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่เผ่าพันธุ์อื่นๆไม่สามารถทําได้
เธอเริ่มเอ่ยขึ้น
“โจมตี!”
ดาร์กเอลฟ์ที่ทั่วร่างถูกปกคลุมไปด้วยพลังเวทย์แห่งความตายพร้อมทั้งถูกล้อมรอบไปด้วยธาตุประจําตัวรีบทําตามคําสั่งของเธอทันที พวกเขาเริ่มออกวิ่งไปยังชายฝั่งอีกครั้ง ศัตรูจะต้องวิ่งหนีไปจากพวกเขาหากไม่อยากถูกสังหารโดยธาตุหรือถูกพิษจากพลังเวทย์แห่งความตาย
* อีก”
“เราไม่สามารถพุ่งโจมตีพวกเขาได้หากร่างของพวกเขาเต็มไปด้วยพลังเวทย์แห่งความตายเช่นนี้”
ร่างของหมีเริ่มสั่นไหว
“เร็วเข้า! รีบขึ้นมาเร็วเข้า!”
“เร็ว!”
อัศวินของกลุ่มพันธมิตรไร้พ่ายต่างตะโกนให้ทหารรีบขึ้นมาบนเรืออย่างรวดเร็ว ลูกเรือทั้งหมดต่างวิ่งไประจําที่และเตรียมพร้อมที่จะหลบหนีไป พวกดาร์กเอลฟ์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยพลังเวทย์แห่งความตายในความรู้สึกของทหารราวกับปีศาจร้าย ความหวาดกลัวทําให้ทหารที่อยู่ด้านหลังรีบผลักเพื่อนที่อยู่ด้านหน้าให้รีบขึ้นไปบนเรือเร็วขึ้นอีก
พวกเขาสามารถมีชีวิตรอดได้หากเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
แม้แต่องค์ชายวาเลนติโน่และผู้บัญชาการทหารแห่งอาณาจักรคาโรก็ตระหนักได้ถึงความกลัวในสายตาของศัตรู พวกเขาทั้งคู่ต่างสบตาเข้าหากันก่อนที่วาเลนติโน่จะตะโกนออกมา
“นักเวทย์ทั้งหมดเตรียมตัวให้พร้อม! เราจะใช้พลังโจมตีไปที่เรือของศัตรู!”
พวกเขาไม่จําเป็นต้องใช้เวทย์ลอยตัวเพื่อส่งอัศวินออกไปปะทะกับศัตรู ดาร์กเอลฟ์กําลังทําสิ่งที่แม้แต่อัศวินก็ไม่สามารถทําแบบที่พวกเขาทําได้
พวกเขากําลังจะบดขยี้เผ่าหมีและจัดการเรือของศัตรูให้ย่อยยับ ในระหว่างนี้อาณาจักรคาโรจําเป็นต้องทําสิ่งที่พวกเขาสามารถทําได้โดยการใช้พลังเวทย์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกัน
ครืนนนนนนนนน!!!ครีนนนนนนนนน!!!
วาเลนติโนรู้สึกแรงสั่นสะเทือนใต้ฝ่าเท้าของเขาและรีบมุ่งหน้าไปหาคาร์ลทันที เขารู้ว่ามันน่าละอายแต่เขาต้องการให้คาร์ลใช้โล่ป้องกันของเขาปกป้องปราสาทแห่งนี้หากศัตรูจู่โจมกลับมา
เขาขยับไปยืนใกล้ๆคาร์ลที่กําลังยืนนิ่งอยู่ด้านบนสุดของหอคอยกลางก่อนที่จะกระซิบบางอย่างให้คาร์ลได้ยิน
“ผบ.คาร์ล ข้าขอให้เจ้าเปิดใช้งานโล่ป้องกันได้หรือไม่? หากทําเช่นนี้นักเวทย์ของเราจะสามารถโจมตีศัตรูได้อย่างเต็มที่”
วาเลนติโนรู้ว่าคาร์ลจะกระอักเลือดออกมาทุกครั้งเมื่อใช้พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ นอกจากข้อมูลการใช้โล่ป้องกันของคาร์ลแล้ววาเลนติโน่ยังเห็นอย่างอื่นเมื่อสํารวจร่างกายของคาร์ลได้ถนัด
วาเลนติโน่ตระหนักได้ว่าสภาพของคาร์ลในตอนนี้ดูซีดมากๆ
อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ได้เป็นอะไร เขายังคงแข็งแรงดี คาร์ลเป็นคนที่มีผิวขาวอยู่แล้วดังนั้นเมื่อเขารู้สึกหิวในตอนนี้ก็มีโอกาสที่ผิวของเขาจะซีดลงจนคนอื่นสังเกตเห็น
– มนุษย์! เจ้าหิวหรือเปล่า? ข้าควรเอาพายแอปเปิ้ลให้เจ้ากินมั้ย? –
คาร์ลยืนฟังคําถามของราอนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองวาเลนติโน่ สายตาเรียบเฉยของคาร์ลทําให้วาเลนติโน่รู้สึกขอโทษและขอบคุณในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกขอบคุณชาวอาณาจักรโรมันที่เต็มใจเสียสละตัวเองแม้ว่านักบวชของอาณาจักรคาโรจะไม่ยินยอมทําเช่นนั้นก็ตาม
ช่วงเวลานั้นเอง
“กระหม่อมไม่สามารถสร้างโล่ป้องกันขึ้นมาได้”
“อะไรนะ?”
“ดูเหมือนมันจะใช้เวลามากเกินไปพะยะค่ะ”
“อ่า…”
วาเลนติโน่ถอนหายใจยาว
เข้าเดาว่าเขาคงทํางานหนักเกินไป
“นั่นสินะ?..หากใช้พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณมากเกินไปเจ้าอาจกระอักออกมาเป็นเลือดจนหมดสติได้!”
ผู้บัญชาการคาร์ลจําเป็นต้องมีสติตลอดการทําศึกครั้งนี้ วาเลนติโน่เชื่อว่าทหารยังไม่ ลืมภาพของโล่เงินที่ปกป้องชีวิตพวกเขาเอาไว้และสามารถทําให้พวกเขาเอาชนะความกลัวที่มีต่อพลังเวทย์แห่งความตายไปได้
วาเลนติโน่จึงเอ่ยขอโทษคาร์ลขึ้นมา
“ข้าขอโทษเจ้าจากใจจริง.ข้าขอร้องให้เจ้าทําสิ่งต่างๆมากเกินไป”
“ที่กระหม่อมไม่สามารถเปิดใช้โล่ป้องกันได้ก็เพราะต้องการลงมือทําลายสิ่งต่างๆด้วยตัวกระหม่อมเองพะยะค่ะ”
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
วาเลนติโน่มองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคาร์ล รอยยิ้มนั้นทําให้หัวใจของเขาเต้นรัวขึ้นอีกครั้ง
ไม่ได้มีแค่ดาร์กเอลฟ์?.ยังมีอย่างอื่นด้วยหรือ?”
“ผบ.คาร์ลเจ้าวางแผนจะทําอะไรงั้นหรือ?”
คาร์ลตอบกลับด้วยน้ําเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“จัดการศัตรูตามที่สัญญาเอาไว้พะยะค่ะ”
เขากําลังจะเข้าไปจัดการเรือของศัตรู
แต่ทําด้วยวิธีไหนล่ะ?
มันเป็นช่วงเวลาที่วาเลนติโน่เกิดคําถามนั้นในใจเสียงบางอย่างก็ดังขึ้นก่อน
ตึดแผ็ดเด็ดเด็ด!!
มันเป็นเสียงอุปกรณ์เวทย์สื่อสารที่ยังไม่ได้รับการเชื่อมต่อสัญญาณ
ปั้บ!
ในที่สุดการเชื่อมต่อสัญญาณไปยังหอคอยใต้ก็เชื่อมต่อกันสําเร็จ