ข้าคือหงส์พันปี - ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 23 สี่ตำลึงปาดพันชั่ง
ด้านนอกเสื้อคลุมแขนยาวมีผ้าตาข่ายสีฟ้าซ้อนอยู่อีกชั้นหนึ่ง ชายผ้าที่ห้อยลงมาพลิ้วไหวน้อยๆ เส้นผมนุ่มสลวยแผ่กระจายอยู่บนเก้าอี้ ดูสลัวราวกับอยู่ในม่านหมอก
เป็นสตรีที่งดงามราวกับภาพวาด นอกจากรอยแผลเป็นบนใบหน้า ผิวพรรณส่วนอื่นช่างเปล่งปลั่งสดใส
นี่คือผู้หญิงที่ฉินหรูเหลียงเกลียดที่สุด เป็นครั้งแรกที่เขาตั้งใจมองเฉินเสียนอย่างเอาใจใส่เช่นนี้
เมื่อเห็นภาพที่สงบเงียบตรงหน้า เขาก็หยุดมองไม่ได้
ตั้งแต่กลับมาเขาก็อยู่ข้างกายหลิ่วเหมยอู่ตลอดไม่ได้หยุดพักเลย
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลิ่วเหมยอู่ ฉินหรูเหลียงก็ตรงมาหาเฉินเสียนเพื่อถามความจริงพร้อมพกพาความโกรธที่เอ่อล้นมาด้วย
ด้วยเหตุนี้ฉินหรูเหลียงจึงมายืนข้างๆ เฉินเสียนและมองดูเธออย่างเหยียดหยาม ยังไม่ทันจะพูดอะไรเฉินเสียนก็ขมวดคิ้วเพราะรู้สึกได้ว่ามีคนอยู่ข้างๆ
เธอเกียจคร้านมากจนไม่อยากขยับเขยื้อน
เธอคิดว่าอวี้เยี่ยนกลับมาแล้วและไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นดู เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าอย่างคนงัวเงียทว่าเป็นน้ำเสียงที่นุ่มนวลและไพเราะจับใจ “คุ้นเคยกับแม่นมจ้าวแล้วเหรอ”
โดยไม่รอคำตอบของอวี้เยี่ยน เฉินเสียนก็พูดต่อว่า “ชีวิตประจำวันของข้าไม่มีอะไรพิเศษ แค่กินอาหารครบสามมื้อและกินยาบำรุงทารกในครรภ์ ถ้าคนอื่นไม่มายุ่งกับเรา เจ้าก็ไม่ต้อง…”
ยังพูดไม่ทันจบเฉินเสียนก็หยุดไป ความที่มีสติรู้ตัวอยู่เสมอทำให้เธอสังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ และเมื่อลืมตาขึ้นเธอก็สบตากับสายตาที่แข็งกระด้างของฉินหรูเหลียงพอดี
นัยน์ตากลมโตของเธอสงบนิ่งยากจะหยั่งถึง ปฏิกิริยาทั้งหมดของฉินหรูเหลียงสะท้อนอยู่ในแววตาอย่างชัดเจน
ถึงแม้เธอจะขมวดคิ้วแค่เพียงเล็กน้อยก่อนจะคลายออกอย่างรวดเร็ว ทว่าฉินหรูเหลียงก็ทันเห็นมัน
ฉินหรูเหลียงตระหนักได้ว่านางไม่ได้ชอบการมาเยือนของเขาเหมือนดั่งแต่ก่อน
อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความรังเกียจเล็กน้อย
ความโกรธของฉินหรูเหลียงที่เดิมทีถูกระงับไปแล้วอยู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง
เฉินเสียนลุกขึ้นนั่ง เธอเลิกคิ้วน้อยๆ และเอ่ยอย่างเกียจคร้านเสียเหลือเกินว่า “อา… แขกพิเศษที่นานๆ จะมาที่นี่เสียที ข้าได้ยินว่าตอนนี้เหมยอู่เลือดกำเดาไหลไม่ใช่หรือ ท่านแม่ทัพดูว่างๆ นะ ไม่คิดว่าจะยังมีเวลามาหาข้าที่นี่”
ฉินหรูเหลียงสบตากับเธอตรงๆ และเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ท่านไม่รู้หรือว่าข้ามาทำไม”
เฉินเสียนทัดผมที่ระอยู่บริเวณใบหูด้วยกิริยาที่น่ามอง ก่อนจะหันไปมองเขาและเอ่ยว่า “บอกตามตรงว่าข้าไม่รู้จริงๆ”
“ข้าได้ยินมาว่าหลิ่วเหมยอู่พบกับท่านตลอดช่วงสองสามวันมานี้”
“ทุกคนอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันก็ต้องเจอกันเป็นเรื่องธรรมดา”
“ท่านทำอะไรนาง” ฉินหรูเหลียงถามอย่างคาดคั้น
เฉินเสียนตอบนิ่งๆ ว่า “เป็นไปได้ไหมว่าข้าจะชนจมูกนางจนเบี้ยว” เธอหรี่ตาและยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ถ้าถูกชนจนจมูกเบี้ยวละก็คงไม่น่ามองสักเท่าไหร่ ใบหน้านั้นงามมากแท้ๆ”
น้ำเสียงของฉินหรูเหลียงเคร่งขรึมยิ่งขึ้น “เรื่องคราวก่อนข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับท่าน ข้าเคยบอกไปแล้วว่าถ้าท่านกล้าแตะต้องนางอีก ข้าจะไม่ปล่อยท่านไปแน่ คราวนี้ทำไมนางจึงเลือดกำเดาไหล ท่านกล้าพูดไหมว่าท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง”
เฉินเสียนกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ฉินหรูเหลียง ความโหดร้ายเลือดเย็นของท่านช่างไม่เป็นสองรองใคร”
ไฟโกรธในใจของฉินหรูเหลียงเริ่มลุกโชน
เธอสบตาเขาตรงๆ และเอ่ยต่อไปว่า “ท่านนำอาหารบำรุงร่างกายของข้าไปให้นาง พอนางกินของบำรุงมากเกินไปผลลัพธ์จึงไม่เป็นอย่างที่คิด แล้วท่านก็มาโทษข้า?”
ฉินหรูเหลียงเองก็เพียงแต่ฟังมาจากคำบอกเล่าของเซียงซั่นว่าสองสามวันมานี้หลิ่วเหมยอู่พบกับเฉินเสียนทุกวัน ทว่าในความเป็นจริงเขาไม่มีหลักฐานอะไรเลย
เฉินเสียนกำลังใช้เล่ห์สี่ตำลึงปาดพันชั่ง(คือการใช้แรงเพียงเล็กน้อยเพื่อเอาชนะแรงที่มากกว่าได้นั่นเอง) นางใช้มือของเขาตบหน้าของเขาเองโดยที่นางแทบไม่ต้องออกแรง
ใบหน้าของฉินหรูเหลียงบิดเบี้ยว เขาเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เหมยอู่ร่างกายอ่อนแอ และมันก็เป็นเพราะท่าน การให้นางกินอาหารเหล่านั้นเพื่อบำรุงร่างกายจึงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร” พูดจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อหันหลังเตรียมจะจากไป “เรื่องนี้ถ้าให้ดีท่านอย่ามายุ่งเกี่ยวดีกว่า”
ยิ่งอยู่ที่นี่นานๆ เขาก็ยิ่งเอียนเต็มที
ทว่าไม่คิดเลยว่าเฉินเสียนที่อยู่ด้านหลังจะตะโกนเรียกเขาไว้
เธออมยิ้มก่อนจะถามว่า “ท่านรู้ใช่ไหมว่าวันนี้คุณชายเหลียนมาที่นี่”
ตอนนั้นฉินหรูเหลียงยุ่งอยู่กับการดูแลหลิ่วเหมยอู่จึงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้ ทว่าเขาก็ยังได้ยินมาว่าเหลียนชิงโจวมาที่นี่ นอกจากนี้ยังพาสาวใช้คนหนึ่งมาหาเฉินเสียนด้วย
ฉินหรูเหลียงหยุดชะงัก
เฉินเสียนเอ่ยเรียบๆ ว่า “ตอนที่คุยกันเราพูดถึงเรื่องของบำรุงนั่นด้วย ในเมื่อหมอบอกว่าข้ากินของบำรุงที่ล้ำค่าเหล่านั้นไม่ได้ วันนี้ข้าจึงบอกเขาไปว่าจะนำของทั้งหมดที่เขาให้มากลับไปคืน แล้วเขาก็ตอบตกลง”
ฉินหรูเหลียงหายใจเข้าลึกๆ และโกรธจนสุดจะทน
เมื่อหันกลับมาเขาจึงเห็นว่าเฉินเสียนกำลังยิ้มอย่างเบิกบาน “ข้าแจ้งไว้ว่าจะส่งของกลับไปที่จวนของเขาในอีกสามวันข้างหน้า”
เธอลุกขึ้นและขยับร่างกายไปมาก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “ท่านไปหาวิธีจัดการเถอะ ถึงอย่างไรข้าก็พูดไปแล้ว ถ้าไม่มีของไปคืนผู้คนคงจะคิดว่าที่จวนแม่ทัพของเราละโมบคิดอยากจะฮุบของเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น”
“เฉินเสียน!” ฉินหรูเหลียงกัดฟันกรอด