ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 1 หรูเหลียง มันเจ็บ
อดีตเฉินเสียนเป็นคนโง่เขลา
แต่เป็นคนโง่เขลาที่คว้าคนรักในฝันของผู้หญิงนับไม่ถ้วนในต้าฉู่มาได้… นางแต่งงานกับฉินหรูเหลียงแม่ทัพใหญ่แห่งต้าฉู่
ได้ยินมาว่าการแต่งงานครั้งนี้นางเป็นคนขอให้เกิดขึ้นอย่างโง่ๆ ฉินหรูเหลียงผู้เป็นแม่ทัพใหญ่มีคนที่เขารักอยู่แล้ว
ในวันแต่งงานมีหิมะตกในเมืองหลวง ทำให้บรรยากาศของงานเฉลิมฉลองในจวนแม่ทัพจืดชืดลงไปมาก
ฉินหรูเหลียงยืนอยู่ท่ามกลางสายลมและหิมะ สวมเสื้อผ้าสำหรับพิธีมงคลแบบไหล่กว้างเอวแคบ ชายเสื้อสีแดงดูสวยงามวิจิตรตระการตา ลำตัวสูงสง่า รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา
แต่สายตาที่เขามองเฉินเสียนกลับเต็มไปด้วยความรังเกียจที่สั่งสมมาเนิ่นนาน เขากล่าวว่า “ชั่วชีวิตนี้ข้าจะไม่มีวันรักคนโง่ ในเมื่อตอนนี้ท่านแต่งงานเข้ามาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องชีวิตความเป็นอยู่อีก แค่อยู่เฉยๆ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ”
ยิ่งมองนางเขาก็ยิ่งหงุดหงิด พูดจบจึงสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
ในคืนวันแต่งงาน เทียนสีแดงภายในเรือนหอเผาไหม้จนดับมอดและตกอยู่ในความมืด
ทุกคนต่างคิดว่าภรรยาที่เพิ่งแต่งงานเข้ามาใหม่ของท่านแม่ทัพคงหลีกเลี่ยงชะตากรรมที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยไร้เงาของสามีไม่ได้ และพวกเขาก็ไม่สนใจรับใช้ภรรยาที่ไม่ได้รับความโปรดปรานผู้นี้
ระเบียงทางเดินที่ว่างเปล่าดูเงียบเหงาวังเวง มีเพียงโคมไฟไม่กี่ดวงที่ยังคงสว่างไสว ส่องสว่างเพียงเลือนรางในค่ำคืนอันหนาวเหน็บ
เงาของร่างสูงร่างหนึ่งถลันเข้ามาในเรือนหอ
เขากอดเฉินเสียนไว้และปิดกั้นริมฝีปากของนาง พลิกร่างเล็กๆ นั้นและกดลงบนเตียง จากนั้นมือหนาจึงเริ่มฉีกชุดแต่งงานที่นางกำลังสวม
เฉินเสียนมองเห็นหน้าเขาไม่ชัด นางว่าง่ายและคล้อยตามอย่างง่ายดาย
แม้แต่คนโง่ยังรู้ว่านางชอบฉินหรูเหลียง
ริมฝีปากเอ่อล้นไปด้วยลมหายใจอันแผ่วเบาของชายหนุ่ม และทันใดนั้นเขาก็บุกเข้ามาอย่างไร้ความปรานี เฉินเสียนก้มตัวลงด้วยความเจ็บปวด น้ำตาคลออยู่ที่ขอบตา นางขมวดคิ้วและกลืนน้ำลายก่อนจะพูดว่า “หรูเหลียง มันเจ็บ…”
ชายหนุ่มหยุดไปนิดหนึ่ง เขาเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดของนางและใช้ฝ่ามือรวบมือทั้งสองข้างของนางไว้อย่างง่ายดาย เขาพันธนาการมือนั้นไว้เหนือศีรษะ ปฏิบัติกับนางอย่างดุดัน ระราน และอาละวาดเป็นการใหญ่
เตียงทั้งเตียงยุ่งเหยิงเมื่อตื่นขึ้นตอนรุ่งสาง เหลือเพียงเฉินเสียนที่ตกอยู่ในสภาพยับเยินแค่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
หลังจากนั้นนางก็ไม่ได้พบกับฉินหรูเหลียงอีกเลย ฉินหรูเหลียงทอดทิ้งนางเหมือนรองเท้าเก่าๆ ที่พอหันหนีแล้วก็ลืมสิ้น
นางเป็นภรรยาของแม่ทัพแค่ในนาม ฉินหรูเหลียงค่อยๆ ยกความรับผิดชอบในการดูแลจวนแม่ทัพให้หลิ่วเหมยอู่
พวกบ่าวรับใช้ในจวนแม่ทัพต่างก็ให้เกียรติหลิ่วเหมยอู่ด้วยการแอบเรียกนางว่านายหญิง
หลิ่วเหมยอู่เป็นคนรักของฉินหรูเหลียง
วันนี้เฉินเสียนไปที่เรือนหลักของฉินหรูเหลียง
นางไม่ได้พกร่มมาด้วย เกล็ดหิมะที่ตกลงมาบนเส้นผมและคิ้วของนางทำให้นางดูงดงามอย่างน่าประหลาด
เสียงที่มีเสน่ห์และอ่อนหวานของหญิงชายดังมาจากในห้อง
นั่นคือช่วงเวลาดีๆ ระหว่างฉินหรูเหลียงกับหลิ่วเหมยอู่
หิมะเริ่มตกหนักขึ้น เมื่อฉินหรูเหลียงเปิดประตูออกมาเขายังนึกว่ามีตุ๊กตาหิมะอยู่ข้างนอก
เขาดูเฉื่อยชาเล็กน้อยและภายใต้รูปร่างยากที่จะซ่อนรัศมีอันองอาจผึ่งผาย ครู่ต่อมาเขาเพิ่งจะจำได้ว่านี่คือเฉินเสียน คิ้วที่อ่อนโยนของเขาเย็นชาราวกับหิมะในทันที “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ใครปล่อยให้เจ้าเข้ามา”
ในเวลาเดียวกันนั้นเสียงการเคลื่อนไหวของหลิ่วเหมยอู่ก็ดังมาจากในห้อง “ใครอยู่ข้างนอกเจ้าคะท่านแม่ทัพ”
ฉินหรูเหลียงชายตามองเฉินเสียนอย่างเหยียดหยามและกล่าวว่า “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไร”
เมื่อฉินหรูเหลียงกำลังจะเข้าไปในห้อง เฉินเสียนพูดขึ้นมาทันทีว่า “หรูเหลียง เสื้อผ้า” นางยื่นมือออกไปและส่งเสื้อผ้าที่พับไว้อย่างเรียบร้อยให้เขา
ที่แท้นางก็รู้ว่าอากาศเย็นขึ้นและกลัวว่าฉินหรูเหลียงจะหนาว ดังนั้นจึงเรียนรู้ที่จะตัดเย็บเสื้อผ้า
วันนี้เป็นครั้งแรกที่นางเหยียบย่างเข้ามาที่เรือนหลัก มาเพื่อมอบเสื้อผ้าให้เขา
ในตอนนั้นเอง หลิ่วเหมยอู่ก็เดินออกมาราวกับต้นหลิวที่อ่อนแอ ฉินหรูเหลียงยื่นมือออกไปคว้าเอวแล้วกอดนางไว้แนบกาย
ฉินหรูเหลียงมองดูเสื้อผ้าของเฉินเสียนด้วยความรังเกียจตลอดจนมือบวมแดงจากรอยเข็มที่อยู่ใต้เสื้อผ้าชุดนั้น “จวนแม่ทัพยังไม่ได้ตกอับขนาดต้องอาศัยให้องค์หญิงมาเย็บเสื้อผ้าให้! แทนที่จะทำอะไรที่ไร้ประโยชน์สู้ไปเรียนให้ฉลาดขึ้นก่อนเสียยังจะดีกว่า”
หลิ่วเหมยอู่เลื่อนมือไปไว้ตรงหน้าอกของฉินหรูเหลียงและเกลี้ยกล่อมอย่างอ่อนหวาน “ท่านแม่ทัพอย่าโกรธไปเลย องค์หญิงเพียงแต่ปรารถนาดีตัดชุดให้ท่านแม่ทัพด้วยตัวเอง หายากนักนะเจ้าคะ ข้าคิดว่าท่านน่าจะรับเอาไว้”
พูดจบหลิ่วเหมยอู่ก็เดินลงบันไดมาและหยุดอยู่ตรงหน้าเฉินเสียน คล้ายกับว่ากลิ่นอายแห่งความรักยังคงติดตัวนางมาด้วย ราวกับยั่วยุ หลิ่วเหมยอู่มองไปที่เฉินเสียนแล้วยิ้มน้อยๆ จากนั้นจึงเอื้อมมือไปรับและเอ่ยอย่างอ่อนหวานว่า “องค์หญิงช่างมีน้ำใจจริงๆ”
จิตใต้สำนึกของเฉินเสียนไม่ต้องการมอบเสื้อผ้าให้ผู้หญิงคนนี้ นางไม่ต้องการให้กลิ่นกายของผู้หญิงคนนี้ปนเปื้อนเสื้อผ้าที่นางเป็นคนทำ ดังนั้นนางจึงไม่ยอมปล่อย
แต่อย่างไรก็ตาม เฉินเสียนยังไม่ได้ออกแรงใดๆ น่าจะเป็นเพราะหิมะตกหนักจนพื้นลื่น หลิ่วเหมยอู่จึงอุทานอย่างตกใจก่อนจะเซถอยหลังไป
จากมุมมองของฉินหรูเหลียงทำให้คิดไปได้ว่าเฉินเสียนเป็นคนผลักหลิ่วเหมยอู่
เฉินเสียนตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหลิ่วเหมยอู่ล้มลงไปกองอยู่บนพื้นและลุกขึ้นมาไม่ได้ ชั่วพริบตาเดียว แสงเงาเหนือศีรษะก็ถูกบดบัง อุณหภูมิหนาวเย็นยิ่งกว่าหิมะที่ตกลงมาจากฟากฟ้า
ทันทีที่เงยหน้าขึ้นนางก็เห็นดวงตาของฉินหรูเหลียงที่จ้องมาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ นางกระถดถอยหลัง
ฉินหรูเหลียงโกรธมาก เขาปัดนางออกไปโดยไม่สนใจว่ามันจะแรงขนาดไหน เฉินเสียนรู้สึกเจ็บบริเวณที่ถูกฉินหรูเหลียงตบและเซถลาลงไปอย่างแรง
เฉินเสียนรู้สึกเจ็บปวดที่จะลุกขึ้นมาและรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งหัวใจ นางหายใจหอบและไม่สนว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร เสื้อผ้าที่ตัดใหม่หลุดออกจากมือและหล่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
นางกำลังจะคลานไปหยิบมันขึ้นมา ทว่าทันทีที่นิ้วสัมผัสชายเสื้อ รองเท้าบูตสีดำคู่หนึ่งก็เหยียบลงมาอย่างไร้ความปรานี รองเท้าบูตสีดำนั้นไม่ได้ตั้งใจจะเหยียบลงบนเสื้อผ้า มันยกขึ้นอีกครั้งและเหยียบลงบนมือที่เรียวบางของนาง
พื้นรองเท้าปาดมาโดนข้อต่อที่นิ้วมือจนทำให้เจ็บแปลบขึ้นมาทันใด เฉินเสียนขดตัวเป็นลูกบอลและส่งเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ
ฉินหรูเหลียงกอดหลิ่วเหมยอู่และมองดูนางอย่างเหยียดหยามราวกับกำลังมองมดตัวเล็กๆ แล้วพูดว่า “หากมีคราวหน้า อย่าหาว่าข้าโหดร้ายที่ทำลายมือของท่าน”
พูดจบเขาก็หันหลังและกลับเข้าห้องอย่างไร้เยื่อใย กระโปรงของหลิ่วเหมยอู่พลิ้วไหวออกมาผสานกับเอวของเขา ทำให้แผ่นหลังที่แข็งกระด้างดูนุ่มนวลขึ้นมา ทว่าสิ่งที่เขาพูดกลับเป็นเหมือนมีดที่กรีดใจคน
“ออกไปให้พ้น ต่อไปนี้ถ้าข้าไม่อนุญาตห้ามเหยียบเข้ามาที่นี่อีก”
“ท่านแม่ทัพอย่าโกรธไปเลย เป็นเหมยอู่เองที่ไม่ระวัง อย่าโทษองค์หญิง…”
เฉินเสียนลุกขึ้นอย่างช้าๆ หยิบเสื้อผ้าที่เปียกโชกเพราะหิมะขึ้นมาพับอย่างทะนุถนอม สูดลมหายใจแล้วนำไปวางไว้หน้าประตูห้องของฉินหรูเหลียงก่อนจะหันหลังเดินจากไป
เฉินเสียนไม่คิดว่าเสื้อผ้าจะถูกส่งคืนในวันต่อมา และหลิ่วเหมยอู่เป็นคนนำมาส่งด้วยตัวเอง
ทันใดนั้นเฉินเสียนก็เห็นว่าเสื้อผ้าถูกตัดจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
หลิ่วเหมยอู่เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “ท่านแม่ทัพเป็นขุนนางใหญ่โตมีหน้ามีตา เสื้อผ้าของที่นี่ที่จัดเตรียมไว้ล้วนเป็นแบบที่มีเอกลักษณ์ จะใส่เสื้อผ้ามอซอแบบนี้ได้อย่างไร ข้าขอแนะนำท่านว่าต่อไปนี้ไม่ต้องทำอะไรมาให้ท่านแม่ทัพอีก เมื่อวานนี้เป็นเพียงการลงโทษเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น” ดวงตาที่งดงามเหลือบมองเฉินเสียนอย่างดูถูก “ท่านคิดว่าเมื่อเข้ามาอยู่ในจวนแม่ทัพ ท่านยังเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์อยู่อีกหรือ”