ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 12 ท่านมันเลวยิ่งกว่าเดรัจฉาน
“ท่านตั้งใจจะทำอะไรกันแน่” ฉินหรูเหลียงไม่กล้าทำบุ่มบ่าม
“ข้าตั้งใจจะทำอะไร?” เฉินเสียนหัวเราะเยาะแล้วเหลือบมองหลิ่วเหมยอู่ก่อนจะพูดว่า “ข้าไม่ได้จะทำอะไรทั้งนั้น มันก็แค่ยาบำรุงร่างกาย ไม่รู้ว่าทำไมนางจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองใหญ่โตเช่นนี้ จะบำรุงเลือดไม่ใช่หรือ เราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าคิดว่าเหมยอู่ก็ควรได้รับการบำรุงเหมือนกัน เวลามีสิ่งดีๆ ก็ควรแบ่งปันกันไม่ใช่หรือ ท่านแม่ทัพ”
ฉินหรูเหลียงกัดฟันกรอด เส้นเลือดที่หลังมือนูนขึ้นมา
แท้จริงแล้วนางกำลังขุดหลุมพรางดักเขาและรอจนเขาเข้ามาติดกับ
“หรือว่านี่จะไม่ใช่ยาบำรุง” เมื่อเฉินเสียนเห็นเขาไม่พูด เธอจึงถามต่อว่า “มันคือยาทำแท้ง? ท่านไม่ต้องการเด็กคนนี้หรือ”
ฉินหรูเหลียงมองเธออย่างเมินเฉยและเอ่ยอย่างรังเกียจว่า “ท่านคิดเช่นไรล่ะ? ข้าไม่รู้ว่าท่านท้องลูกของใคร และข้าฉินหรูเหลียงก็ไม่ต้องการให้ท่านให้กำเนิดลูกให้ข้า!”
“เพื่อจะหลอกให้ข้าดื่มยา ก็เลยอ้างว่านี่คือยาบำรุง? ฉินหรูเหลียง ท่านช่างทำได้ลง แม้แต่เสือที่ว่าร้ายก็ยังไม่กินลูกของมันเอง ท่านมันเลวยิ่งกว่าเดรัจฉานเสียอีก”
หลิ่วเหมยอู่ร้องไห้จนหน้าซีด ดูน่าเวทนายิ่งนัก
ฉินหรูเหลียงเม้มริมฝีปาก “ข้าจะพูดอีกครั้ง ปล่อยนางซะ”
“ถ้าข้าไม่ปล่อยล่ะ”
ไม่รู้ว่าหลิ่วเหมยอู่เอาความกล้ามาจากไหน นางฉวยโอกาสตอนที่เฉินเสียนกำลังพูดใช้ขาออกแรงเต็มกำลังเพื่อดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการ
เฉินเสียนคว้าผมยาวๆ ของนางไว้และกระชากนางกลับมา ทำให้ใบหน้าของหลิ่วเหมยอู่ยับย่นและซีดเผือดเพราะความเจ็บปวด
“ท่านแม่ทัพ ช่วยข้า… ท่านแม่ทัพ…”
ดวงตาของหลิ่วเหมยอู่เบิกกว้าง
เฉินเสียนเอื้อมมือไปดึงปิ่นปักผมของหลิ่วเหมยอู่ออกมาและกดมันลงบนใบหน้าของนางอย่างเฉยชา
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “ถ้ากล้าขยับอีกละก็ อย่าหาว่าข้าลงมือหนักไปละ ถ้าใบหน้าเล็กๆ นี้เสียโฉมขึ้นมา ไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพจะเจ็บปวดใจขนาดไหน”
“ท่านหยุดนะ เฉินเสียน!”
เฉินเสียนชำเลืองมองฉินหรูเหลียงและกล่าวว่า “ท่านไม่รู้หรอกว่าตอนที่นางทำลายใบหน้าของข้าจนเสียโฉม มันไม่ได้น้อยไปกว่าที่ข้าทำเลย ข้าควรจะเอาคืนนางเป็นสองเท่าเสียด้วยซ้ำ”
“ข้าเปล่า… ข้าไม่ได้ทำ…”
เฉินเสียนกล่าวว่า “ตอนนี้พวกท่านกำลังจะคร่าชีวิตลูกของข้า ถึงอย่างไรข้าก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว ฉินหรูเหลียง ท่านไม่ต้องการเด็กคนนี้ แต่ข้าต้องการให้กำเนิดเขา ในเมื่อพวกท่านปรารถนาจะให้ข้าตายๆ ไปซะ ข้าก็ต้องลากใครสักคนไปตายกับข้าอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าท่านยอมปล่อยข้าไปวันนี้ ข้าก็จะปล่อยนางไป ถ้าวันหน้าท่านยังกล้าคิดจะกำจัดลูกของข้าอีก ข้าจะทำให้ท้องของนางสูญพันธุ์ตามไปด้วย และจะทำให้ท่านไร้ทายาทสืบสกุล!”
ฉินหรูเหลียงหรี่ตา “นี่ท่านกำลังต่อรองกับข้าอยู่หรือ”
เฉินเสียนยิ้มอย่างไร้หัวจิตหัวใจ “งั้นมาลองดูกันว่าผู้หญิงที่อยู่ในมือของข้าตอนนี้พอจะใช้เป็นข้อต่อรองได้ไหม ข้าไม่ขออะไรมาก ตั้งแต่นี้ไปพวกท่านจะแสดงความรักต่อกันยังไงก็ได้ ข้าจะไม่เข้าไปยุ่ง ท่านกับข้าจะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน แบบนี้เป็นอย่างไร”
หลิ่วเหมยอู่เหมือนดอกสาลี่ที่ต้องหยาดฝน ใครเห็นเป็นต้องรักและสงสาร หลังจากคุมเชิงกันมานาน ในที่สุดฉินหรูเหลียงก็กัดฟันพูดออกไปว่า “ท่านปล่อยนางก่อน”
“ท่านสัญญากับข้าก่อน” เฉินเสียนไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
ฉินหรูเหลียงโกรธเป็นอย่างยิ่ง “ตกลง! ข้าสัญญา! ยังไม่ปล่อยอีก!”
หลิ่วเหมยอู่ร้องห่มร้องไห้ เฉินเสียนยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและโยนปิ่นปักผมลงพื้นก่อนจะพูดว่า “ครั้งนี้ข้าเชื่อท่าน คำสัญญาของท่านแม่ทัพใหญ่นั้นหนักแน่น ท่านคงจะไม่คืนคำ แต่ในวันข้างหน้าหากท่านผิดคำสัญญา ข้าไม่สัญญาว่าข้าจะทำอะไรอีกหรือเปล่า บางทีข้าอาจจะตอบแทนความเกลียดชังที่ฝังรากลึกคืนให้นางเป็นร้อยเท่าพันทวี ท่านจำไว้ให้ดีก็แล้วกัน”
เฉินเสียนเอ่ยทิ้งท้ายและผลักหลิ่วเหมยอู่ไปหาเขา เท่านี้ก็เรียบร้อย
หลิ่วเหมยอู่อ่อนแอจนทนไม่ไหว ยังไม่ทันที่ฉินหรูเหลียงจะประคองนางเอาไว้ นางก็ล้มลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นและร้องไห้อย่างเศร้าโศก
ฉินหรูเหลียงหัวใจแตกสลาย เขารีบเข้าไปคว้านางเข้ามาไว้ในอ้อมกอดและหันไปมองเฉินเสียนอีกครั้งด้วยแววตาที่ดูราวกับสัตว์ร้ายที่หลุดมาจากกรง
ฉินหรูเหลียงฟาดมือลงบนโต๊ะ
ทันใดนั้นเศษไม้ก็ลอยขึ้น โต๊ะตัวนั้นถูกพังลงต่อหน้าต่อตาของเฉินเสียน
ทว่าเฉินเสียนกลับไม่กะพริบตาเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอยืดหลังตรงโดยมีเส้นผมสีดำยาวระอยู่บนบ่า ท่าทีดูหยิ่งยโส เธอเกิดมาพร้อมกับความสูงส่งในฐานะขององค์หญิงและยังดูสูงส่งเสมอ แม้ว่าใบหน้าจะเสียโฉมหรืออยู่ในคราบของสามัญชนก็ตาม
ฉินหรูเหลียงกุมมือหลิ่วเหมยอู่ไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ในขณะที่ฝ่ามือใหญ่อีกข้างคว้าเสื้อคลุมของเฉินเสียนไว้ราวกับกำลังกำลูกไก่ไว้ในมือ ถ้าจะลากนางลงมาเขาก็ทำได้อย่างง่ายดาย
เฉินเสียนสบตาฉินหรูเหลียงด้วยกิริยาที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลยแม้แต่น้อย
ลมหายใจที่เย็นเยียบของเขาปะทะเข้ากับใบหน้าของเธอ เขามองเธอด้วยสายตาที่อึมครึมอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “จำเอาไว้นะ เฉินเสียน”
เฉินเสียนยิ้มน้อยๆ “ท่านแม่ทัพ ความจำของข้าดีมาก ข้ายินดีให้ท่านกลับมาชำระบัญชีเก่าได้ทุกเมื่อ”