ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 13 ความเกี่ยวข้องในอดีต
สุดท้ายฉินหรูเหลียงก็กังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของหลิ่วเหมยอู่ จึงทิ้งเฉินเสียนเอาไว้และโอบกอดนางที่รักก้าวยาวๆ ออกไป
ตั้งแต่ผู้หญิงคนนี้กลับมา จวนแม่ทัพก็ไม่เคยสงบอีกเลย!
คิดไม่ถึงว่าทันทีที่ออกมาจากลานซอมซ่อนั่น ฉินหรูเหลียงจะปะทะเข้ากับใครบางคน เขาขมวดคิ้วขณะจ้องคนผู้นั้นและเอ่ยออกมาว่า “เจ้านั่นเอง มาทำอะไรที่นี่หรือ”
เขาผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเหลียนชิงโจที่พาเฉินเสียนกลับมาเมื่อสองวันก่อนนั่นเอง
วันนี้เขามาเยี่ยมเยียนถึงที่และพ่อบ้านกำลังนำทางมาที่สวนหลังบ้านพอดี ตามกฎแล้วเหลียนชิงโจวจะเข้ามาที่ลานด้านในไม่ได้ ทว่าคราวนี้พ่อบ้านพาเขาเข้ามาเป็นกรณีพิเศษ
ประการแรกคือพ่อบ้านรู้ว่าฉินหรูเหลียงมาก่อความยุ่งยากให้เฉินเสียนตั้งเช้าตรู่ ถ้ามีคนอื่นมาเกี่ยวข้อง เขาอาจจะช่วยปกป้องลูกของท่านแม่ทัพได้ ประการที่สองคือเหลียนชิงโจวผู้นี้เป็นคนใจกว้าง ทันทีที่มาถึงก็นำของมีค่ามามอบให้ตั้งมากมาย
เมื่อรู้ว่าเหลียนชิงโจวเป็นแขกขององค์หญิง พ่อบ้านจึงรีบพาเขาเข้ามา
ฉินหรูเหลียงไม่พอใจเป็นอย่างมากและเอ่ยกับพ่อบ้านว่า “เจ้านึกจะพาใครเข้ามาก็พามาได้หรือ ใครอนุญาตให้เจ้าทำเช่นนี้”
“บ่าวแค่…”
“หุบปาก ข้าไม่อยากฟัง พาเขาออกไปเดี๋ยวนี้!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของฉินหรูเหลียง เฉินเสียนก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงประตูและเอนตัวพิงบานประตูไว้ เธอกอดอกอย่างสบายอารมณ์ “เขาเป็นแขกของข้า และข้าจะพบกับเขาที่นี่”
เหลียนชิงโจวเก็บมือและกล่าวด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ “ดูเหมือนข้าน้อยจะมาผิดเวลา ท่านแม่ทัพคงจะยุ่งตั้งแต่เช้า ข้าว่าท่าทางนายหญิงน้อยดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ท่านแม่ทัพจะไม่รีบตามหมอมาดูอาการหรอกหรือขอรับ”
ฉินหรูเหลียงหรี่ตามองเขา ทำเสียงฮึในลำคออย่างเย็นชาก่อนจะสาวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว
เฉินเสียนเชิญเหลียนชิงโจวเข้าไปในลานบ้าน
สถานที่เล็กๆ แห่งนี้แม้จะเรียบง่ายและคร่ำครึ ทว่าก็เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาที่หาได้ยาก
รอยยิ้มของเหลียนชิงโจวจืดจางลง “องค์หญิงอาศัยอยู่ในสถานที่เช่นนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนถามกลับอย่างไม่ออกความเห็นใดๆ “เจ้ามาที่นี่มีอะไรหรือ”
เหลียนชิงโจวจึงตอบว่า “องค์หญิงทรงพระครรภ์ มีเหตุผลอะไรที่กระหม่อมจะไม่มาเยี่ยมล่ะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำยาและอาหารสำหรับคนตั้งครรภ์ไว้แล้ว ตอนนี้วางไว้ที่หน้าลาน องค์หญิงค่อยไปตรวจดูนะพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบใจนะ”
ทันทีที่เข้าไปในบ้านก็เห็นว่าด้านในเต็มไปด้วยข้าวของระเกะระกะที่ยังไม่ทันได้เก็บกวาดให้เรียบร้อย
เหลียนชิงโจวเอ่ยอย่างตกใจ “ท่านแม่ทัพฉินมาสร้างปัญหาให้องค์หญิง?”
เฉินเสียนชำเลืองมองเขา “เมื่อครู่นี้เจ้าก็เห็นหลิ่วเหมยอู่แล้วนี่ ดูแล้วนางน่าจะมีปัญหามากกว่าข้าไม่ใช่หรือ”
เหลียนชิงโจวขบคิดก่อนจะยิ้มน้อยๆ “เป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย ตอนนี้องค์หญิงไม่ใช่คนที่จะถูกใครรังแกง่ายๆ แล้ว”
“กลับเข้าเรื่องกันเถอะ ดูท่าทางเหมือนฉินหรูเหลียงจะรู้จักเจ้า?”
ทันทีหลังจากถามออกไป เธอก็ได้รู้ว่านางกับเหลียนชิงโจวรวมถึงฉินหรูเหลียงมีความเกี่ยวข้องกันตั้งแต่ตอนที่พวกเขายังเด็ก
ตอนที่บิดาของเฉินเสียนยังดำรงตำแหน่งเป็นจักรพรรดิแห่งต้าฉู่ ตอนยังเด็กเฉินเสียนกับเหลียนชิงโจวเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนกัน ส่วนเหลียนชิงโจวก็เป็นเพื่อนเล่นกับฉินหรูเหลียง
น่าเสียดายที่เมื่อเติบใหญ่ต่างก็แยกย้ายไปคนละทาง เจ้าเดินข้ามสะพานไม้ของเจ้า ข้าเดินบนถนนหลวงของข้า
คนหนึ่งกลายเป็นแม่ทัพ คนหนึ่งกลายเป็นพ่อค้า คนหนึ่งจากที่เคยเป็นองค์หญิงผู้ได้รับความโปรดปรานมากที่สุด แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นองค์หญิงผู้ตกอับ
เหตุผลที่องค์หญิงผู้นี้ทำตัวไร้ประโยชน์เช่นนี้เพราะนางเป็นพระธิดาของจักรพรรดิองค์ก่อน
เดิมทีนางมีชีวิตอยู่เพียงเพื่อเป็นเครื่องแสดงความเมตตาของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน นางไม่จำเป็นต้องมีลูก
เฉินเสียนกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเจ้าถึงยังต้องปล่อยข่าวอีกล่ะ”
เหลียนชิงโจวตอบว่า “ยิ่งคนรู้มากขึ้นก็ยิ่งมีหูตาช่วยสอดส่องมากขึ้น ด้วยเหตุนี้องค์จักรพรรดิจะกำจัดเด็กคนนี้อย่างโจ่งแจ้งไม่ได้”
เฉินเสียนยิ้มหยัน ข้างหน้ามีหมาป่า ข้างหลังมีเสือ… ทำไมในยุคโบราณแบบนี้การจะท้องสักทีหนึ่งถึงลำบากนักนะ
แค่ต้องรับมือกับฉินหรูเหลียงคนเดียวก็เกินพอแล้ว นี่ยังต้องรับมือจักรพรรดิอีกหรือ
เหลียนชิงโจวเอ่ยด้วยความจริงใจว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม องค์หญิงจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเด็กเอาไว้ จะไว้ใจผู้ใดในจวนแม่ทัพไม่ได้อีกต่อไป องค์หญิงจะต้องให้ความสำคัญกับตัวเองและลูกเป็นอันดับแรก”
หลังจากเหลียนชิงโจวกลับไป เฉินเสียนต้องทำความสะอาดบ้านด้วยตนเองเพราะที่นี่ไม่มีสาวใช้คอยปรนนิบัติ
องค์หญิงผู้สง่างามเอ๋ย นึกไม่ถึงเลยว่าจะต้องอยู่ในสภาพที่ตกอับจนต้องมาทำความสะอาดบ้านเอง เห็นได้ชัดว่าในจวนแม่ทัพไม่มีใครสนใจเธอเลย พอได้ยินว่าหลิ่วเหมยอู่กินยาผิดจนล้มหมอนนอนเสื่อ ตอนนี้ทุกคนก็ไปรุมล้อมนาง
เธออดถอนหายใจให้กับตัวเองไม่ได้ ก่อนหน้านางมีช่องว่างอยู่ในใจ
ดูเหมือนว่าฉินหรูเหลียงจะเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของนาง คิดไม่ถึงเลยว่านางจะกล้าแต่งงานเข้ามาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง
หลังจากแต่งงานเข้ามาหันซ้ายแลขวาก็ไม่มีใคร ทั้งยังมีแต่คนปฏิบัติต่อนางอย่างโหดร้าย
เฉินเสียนขยับข้อมือไปมา เริ่มอยากรู้เกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกายนี้อย่างละเอียด
เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าวันนี้เธอจะจัดการกับหลิ่วเหมยอู่ได้อย่างง่ายดายราวกับคนมีทักษะ ร่างกายนี้ดูเผินๆ เหมือนจะอ่อนแอ แต่ความจริงแล้วแข็งแกร่งมาก
คิดๆ ดูแล้วก่อนหน้านี้คงจะทุ่มเทอย่างหนักเพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพทางร่างกาย
ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้ตอนที่ได้รับความเจ็บปวดมากมายตอนอยู่ในจวนแม่ทัพ เด็กคงจะไม่ปลอดภัยเป็นแน่
เฉินเสียนอยากรู้เหลือเกินว่าสัญชาตญาณการตอบสนองของร่างกายที่เพิ่งพัฒนาขึ้นนี้ใครเป็นคนสอนนาง