ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 15 ข้าจะทำให้เจ้าทรมานยิ่งกว่านี้
เฉินเสียนไม่แม้แต่จะกะพริบตา ดวงตาสีเข้มเหลือบมองจางซื่อช้าๆ ไม่มีร่องรอยของความหวาดกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว
กลับกัน ความเยือกเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากแววตาคู่นั้นทำให้จางซื่อตกใจจนนางต้องลดกำปั้นลง
เฉินเสียนลอบยิ้ม นางทาสต่ำช้า รังแกแต่คนไม่มีทางสู้! รอไปเถอะ รอให้เธอกินอิ่มเสียก่อนแล้วค่อยมาเก็บถ้วย!
อาหารดูจืดชืดและมีแต่ผัก เฉินเสียนตักกินไปหนึ่งคำโดยไม่พูดอะไร
แต่ยังไม่ทันจะเคี้ยว ต่อมรับรสของเธอก็สัมผัสได้ถึงความเหม็นเปรี้ยว เฉินเสียนขมวดคิ้วก่อนจะคายอาหารทั้งหมดออกมา
รสชาตินี้ช่างคุ้นเคยและน่าสะอิดสะเอียนมาก เฉินเสียนเพิ่งจะตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้ลิ้มรสรสชาติเช่นนี้ ก่อนหน้านี้จางซื่อมักจะบังคับให้เธอกินอาหารแบบนี้อยู่เสมอ!
เมื่อเห็นเฉินเสียนคายอาหารออกมาจนเลอะไปทั่วพื้น จางซื่อก็ลุกขึ้นแล้วผลักเฉินเสียนเข้าเต็มแรงด้วยความโมโหโทโส
นางไม่เพียงแค่ผลัก แต่ยังหยิกเฉินเสียนเสียจนเนื้อเขียว
จางซื่อสำรากออกมาว่า “โอ๊ย ซวยจริงๆ! คายออกมาเต็มพื้นแบบนี้ใครจะเก็บกวาดให้ ฮะ! ท่านจะกินหรือไม่กิน ถ้าไม่กินก็เอาคืนมา! ให้มันหิวตายไปเลย!”
จางซื่อคว้าตะเกียบในมือของเฉินเสียนมาทันทีราวกับว่าอาหารเน่าเสียเหล่านี้เป็นความกรุณาปรานีที่ยิ่งใหญ่คับฟ้า ทั้งยังด่าอีกว่า “แต่ก่อนก็กินอาหารเสียๆ พวกนี้ได้นี่ แถมยังช่วยให้จวนแม่ทัพประหยัดเสบียงอาหารไปเยอะ ดัดจริตเสียจริง!”
ทว่าจางซื่อกลับแย่งตะเกียบไปไม่ได้เพราะเฉินเสียนขยับตะเกียบอย่างรวดเร็วและหนีบนิ้วของจางซื่อไว้อย่างไม่คาดคิด
จางซื่อถลึงตาใส่ ขณะที่นางกำลังจะเปิดปากด่า นางก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา
นางมองเฉินเสียนอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง “ท่านกล้าหนีบนิ้วข้ารึ”
เฉินเสียนยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง มือนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ออกแรงมากนัก แต่เรี่ยวแรงกลับยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความเจ็บปวดทบทวีจนจางซื่อแทบทนไม่ไหว
นางสลัดเท่าไหร่ก็สลัดไม่หลุด
เฉินเสียนพอใจที่ร่างกายนี้บังเอิญมีพละกำลังที่มากมายอย่างไม่มีเหตุผล
ไม่ดีรึที่จะใช้จัดการกับสาวใช้เจ้าเล่ห์คนนี้
จางซื่อหน้าซีดเผือด เหงื่อเย็นๆ ผุดพรายขึ้นเต็มหน้าผาก นางคิดว่าเฉินเสียนอาจจะคีบนิ้วนางจนขาดเลยก็เป็นได้
นางยกมืออีกข้างเพื่อขัดขวาง แต่ถูกเฉินเสียนจับมือนั้นกดลงบนโต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว จนมือของนางสัมผัสกับคราบมันที่เปื้อนอยู่บนนั้น
หลังจากต่อสู้ดิ้นรนอยู่พักหนึ่งจนอาหารกระจัดกระจายไปทั่ว จางซื่อก็ยังคงดิ้นไม่หลุด
ในที่สุดจางซื่อก็ทนไม่ไหวและกรีดร้องอย่างทรมาน
เฉินเสียนเลิกคิ้วขึ้นโดยไม่แม้แต่จะมองนางด้วยซ้ำ ใบหน้าที่มีรอยแผลพาดผ่านเต็มไปด้วยความสงบแต่กลับก่อให้สาวใช้เจ้าเล่ห์ผู้นี้หวาดกลัวสุดขีด
เฉินเสียนกล่าวว่า “ข้าต้องการเพิ่มฟืน เจ้าบอกว่ามันไม่จำเป็น ข้าระมัดระวังเด็กในท้อง เจ้าบอกว่าข้าฝันกลางวัน ข้าไม่กินอาหารเน่าเสียเจ้าก็บอกว่าข้าไม่ไว้หน้าเจ้า ถูกต้องไหม”
มือของจางซื่อสั่นเทา นางพยายามจะดึงนิ้วออกจากตะเกียบ ทว่าดูเหมือนนิ้วจะติดเหนียวแน่นอยู่บนนั้นและปล่อยให้ตะเกียบคู่นั้นบดขยี้จนพอใจ
เฉินเสียนถามอย่างปราศจากอารมณ์ว่า “ตกลงเจ้าหรือข้ากันแน่ที่เป็นนาย หือ?”
ใบหน้าของเฉินเสียนฉาบไปด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นเธอก็ออกแรงกดจนตะเกียบหักเป็นสองท่อน เสี้ยนไม้แหลมคมเจาะเข้าสู่ผิวหนังบริเวณนิ้วมือของสาวใช้ทันที “เจ้ายังมีหน้ามาบอกข้าว่าตัวเองเป็นคนต้มยาทำแท้งนั่นอีกเหรอ หรือเจ้าเบื่อที่จะมีชีวิตต่อไปแล้ว?”
จางซื่อไม่สามารถระงับความเจ็บปวดไว้ได้และพูดออกไปโดยไม่คิดว่า “ปล่อยข้านะ นังโง่อัปลักษณ์!”
เฉินเสียนปล่อยตะเกียบทิ้งก่อนจะลุกขึ้นปัดเสื้อผ้าของตนเอง เธอก้มลงมองจางซื่อและยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน “ในเมื่อเจ้าคิดว่าการที่เอาอาหารที่สุนัขไม่รับประทานแบบนี้มาให้ข้าคือการให้เกียรติ งั้นตอนนี้ข้าก็ขอให้เกียรติเจ้าบ้างละกัน ให้เจ้าดื่มด่ำทั้งหมดนี่เลย ทางที่ดีเจ้าควรกินให้เกลี้ยงอย่าให้มีเหลือ ไม่อย่างนั้นข้าจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมานกว่านี้”
จางซื่อเสียขวัญจนคิดอะไรไม่ออก นางมองเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างตกตะลึง
เฉินเสียนชำเลืองมองมืออีกข้างของนาง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย “มืออีกข้างของเจ้ายังดีอยู่ไม่ใช่หรือ หรือเจ้าอยากให้ข้าป้อน? เอ… หรือข้าควรจะหักมืออีกข้างของเจ้าด้วยเลยดีนะ”
ต่อให้จางซื่อปัญญาอ่อนนางก็ยังเข้าใจความหมายของเฉินเสียนได้ไม่ยาก
ไม่ว่าจะอย่างไรวันนี้นางก็ต้องกินอาหารที่อยู่ตรงหน้า ถ้านางไม่กินเฉินเสียนก็คงจะหักมืออีกข้างของนางและป้อนนางจนได้อยู่ดี!
จางซื่อไม่เคยรู้สึกตื่นกลัวเท่านี้มาก่อน ความกำแหงและความหยิ่งยโสก่อนหน้านี้ไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ว สุดท้ายนางก็พยักหน้าอย่างลุกลี้ลุกลน “กินแล้ว ข้ากินแล้ว!”