ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 2 อาเสียนไม่ได้โง่
เฉินเสียนกำเศษผ้าไว้แน่น เรือนร่างของนางถูกปกคลุมด้วยความมืด ไม่เห็นสีหน้าและไม่มีเสียงพูดใดๆ
หลิ่วเหมยอู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก็แค่อดีตองค์หญิง ทั้งยังบ้าๆ บอๆ ที่ในพระราชวังยังเลี้ยงดูท่านจนเติบใหญ่มาถึงตอนนี้ก็นับว่าเป็นความกรุณามากแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่องค์จักรพรรดิจะโยนตัวปัญหาอย่างเจ้าทิ้งมาให้ท่านแม่ทัพ”
หลิ่วเหมยอู่ปัดเสื้อผ้าและยืนขึ้นตรงหน้าเฉินเสียน ทันใดนั้นนางก็เอื้อมมือมาบีบคางของเฉินเสียนและบังคับให้นางหันมาสบตาตนเอง ดวงตาที่สวยงามนั้นเต็มไปด้วยกระแสแห่งความเกลียดชัง “ท่านรู้ไหมว่ามันเป็นเพราะท่าน ท่านยืนกรานจะแต่งงานกับท่านแม่ทัพ ทั้งที่เดิมทีแล้วข้าต่างหากที่ควรจะเป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ! ท่านแม่ทัพชนะศึกกลับมา แต่รางวัลตอบแทนคุณงามความดีกลับเป็นการแต่งงานและได้คนโง่อย่างท่านเป็นภรรยา!”
เล็บที่แหลมคมจิกลงบนผิวของเฉินเสียน หลิ่วเหมยอู่กล่าวต่อไปว่า “แต่ไม่เป็นไร ถึงตอนนี้ท่านสมควรแล้วที่จะต้องทนรับความเจ็บปวดไปชั่วชีวิต”
หลิ่วเหมยอู่ไม่คิดว่าหญิงโง่ผู้นี้จะตอบโต้กลับ
อยู่ๆ นางก็เงยหน้าขึ้นมา นัยน์ตาแดงก่ำ ทันใดนั้นนางก็โถมตัวเข้าหาหลิ่วเหมยอู่ทันที
หลิ่วเหมยอู่ถูกผลักจนล้มลงไปกองอยู่บนพื้น นางกรีดร้องและต่อสู้กันอยู่ตรงนั้น
เฉินเสียนไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น นางพยายามจะเตะหลิ่วเหมยอู่อีกสักสองสามทีขณะที่ฉินหรูเหลียงเข้ามาแยกพวกนางออกจากกัน นางตะโกนถามว่า “ทำไมเจ้าถึงต้องตัดเสื้อผ้าที่ข้ามอบให้หรูเหลียง! ใครสั่งให้เจ้าตัดมัน!”
เพี้ยะ!
ภายในห้องเงียบสงัดลงทันที มีเพียงเสียงสะอึกสะอื้นของหลิ่วเหมยอู่เท่านั้นที่ยังคงดังอยู่
ฉินหรูเหลียงตบเฉินเสียนจนหน้าหัน
เขากล่าวว่า “พอได้แล้ว ข้าเป็นคนขอให้นางตัดมันเอง ท่านจะทำไม”
นางคิดว่าตัวเองอาจจะทำอะไรผิดไปและขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ไม่พูดไม่จา
ฉินหรูเหลียงพาหลิ่วเหมยอู่ที่ร่างกายอ่อนแอออกไป เมื่อเดินไปถึงประตูเขายังสั่งอีกว่า “หาใครมาคอยเฝ้านังผู้หญิงบ้าคนนี้ไว้ อย่าปล่อยให้นางออกจากห้องแม้แต่เพียงก้าวเดียว!”
ฉินหรูเหลียงผู้นี้ชอบฉีกหัวใจของนางจนเป็นรูเสมอ
เห็นได้ชัดว่านางชอบเขามาก
หลังจากนั้นนางก็ถูกกักขังอยู่ในเรือนหลังนี้ อาหารสามมื้อในแต่ละวันไม่ทำให้นางอิ่ม นางต้องอยู่อย่างหิวโหยและหนาวเหน็บเช่นนี้ทุกวัน
นางไม่เคยเจอฉินหรูเหลียงอีกเลย
หลังจากแต่งงานมาแล้วประมาณสองเดือน ฉินหรูเหลียงก็เป็นฝ่ายมาหาเฉินเสียนเป็นครั้งแรก เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “เดือนหน้าข้าจะแต่งงานกับหลิ่วเหมยอู่ วันนี้ข้ามาเพื่อจะบอกให้ท่านรู้ไว้ วันพิธีถูกกำหนดไว้แล้ว”
ใบหน้าของเฉินเสียนไร้สีเลือด
ฉินหรูเหลียงหันหลังและเดินกลับไป ทว่าเขาหยุดนิดหนึ่งเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้และกล่าวว่า “ยังมีอีกอย่าง แม้ว่านางจะแต่งเข้ามาทีหลัง แต่หลังจากแต่งเข้ามาแล้วนางจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งอนุภรรยา แต่จะมีสถานะเช่นเดียวกับท่าน”
ฉินหรูเหลียงยังไม่เดินออกไปจากประตูเรือน เขายืนอยู่ที่กรอบประตูราวกับเป็นภาพวาด
และไม่คิดว่าอยู่ๆ เฉินเสียนจะเอ่ยบางอย่างขึ้นมา “หรูเหลียง ท่านคิดว่าข้าเป็นคนโง่ที่จะรังแกได้ง่ายๆ ใช่ไหม”
ฉินหรูเหลียงขมวดคิ้วและหันกลับไปมองนางอย่างไร้ความรู้สึก
ในขณะนั้นนางเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งผยอง น้ำตาไหลอาบแก้ม “ท่านคิดว่าข้าเป็นเพียงคนโง่ที่ไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือ หรูเหลียง คนอย่างอาเสียนไม่ได้โง่”
หลังจากที่ฉินหรูเหลียงจากไป ความเจ็บปวดที่ซึมลึกเข้าไปถึงกระดูกและความรักที่ผันแปรก็รุมบดขยี้นางอย่างโหดร้าย นางเริ่มคลื่นไส้และก้มหน้าอาเจียนออกมาอย่างรุนแรง รู้สึกเหน็ดเหนื่อยไปทั้งกายและใจและพึมพำออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า “อาเสียนไม่ได้โง่… อาเสียนไม่ได้โง่… อาเสียนไม่ใช่คนโง่…”
การแต่งงานของฉินหรูเหลียงและหลิ่วเหมยอู่ถูกกำหนดไว้แล้ว
แม้ว่าเขาเพิ่งจะแต่งงานกับองค์หญิงได้เพียงสามเดือน
องค์หญิงไม่ใช่องค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานเช่นวันนั้นอีกแล้ว นางเป็นธิดาของจักรพรรดิองค์ก่อน และอำนาจของต้าฉู่ก็เปลี่ยนผ่านจากจักรพรรดิองค์ก่อนมาอยู่ในมือของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน และมันค่อนข้างเป็นปัญหา
แม้ว่าเฉินเสียนจะไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ แต่นางก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน
แต่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอำนาจการปกครอง จักรพรรดิองค์ใหม่ได้แสดงธรรมาภิบาลในการปกครองด้วยการไว้ชีวิตเฉินเสียนและให้นางอยู่ในฐานะองค์หญิงดังเดิม
และตั้งแต่ตำหนักเปลี่ยนไปเมื่อหลายปีก่อนเฉินเสียนก็ดูเลอะเลือนเล็กน้อย จักรพรรดิองค์ใหม่เคยทดสอบอยู่หลายครั้งจนในที่สุดก็พบว่านางกลายเป็นคนโง่ไปแล้วจริงๆ จึงเลิกระแวดระวังนาง
แต่คนที่มีฐานะน่าอึดอัดเช่นนี้ย่อมจะทำให้รู้สึกรำคาญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อนางต้องการจะแต่งงานกับฉินหรูเหลียง จักรพรรดิจึงอนุญาตให้จัดงานอภิเษกขึ้นได้
ตอนนี้ฉินหรูเหลียงกำลังจะแต่งงานกับอนุภรรยา แม่ทัพใหญ่จะมีภรรยาสักสามหรือสี่คนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก และจักรพรรดิจะไม่เข้ามาแทรกแซงเพียงเพื่อคนโง่เขลา
ไม่กี่วันก่อนจะถึงวันแต่งงานของฉินหรูเหลียงและหลิ่วเหมยอู่ ฉินหรูเหลียงต้องออกไปราชการนอกเมืองหลวง
เดิมทีหลังจากผ่านพ้นปีใหม่ก็จะเริ่มเข้าฤดูใบไม้ผลิ แต่ไม่คิดว่าปีนี้ฤดูหนาวจะยาวนานเป็นพิเศษ ทันใดนั้นอากาศก็กลับสู่ความหนาวเย็น และหิมะก็ตกลงมาอีกครั้ง
เช้าตรู่วันหนึ่ง ความสงบในเรือนเล็กๆ อันซอมซ่อถูกทำลาย
สาวใช้บุ่มบ่ามเข้ามาลากเฉินเสียนออกจากเตียงและคุมตัวไว้ที่ลานบ้าน นางสวมเพียงชุดบางๆ และหนาวจนร่างกายสั่นสะท้าน ริมฝีปากเย็นจนกลายเป็นสีม่วง
หลิ่วเหมยอู่ต่างจากเฉินเสียน นางแต่งกายอย่างประณีตงดงาม ท่าทางสง่าและเยือกเย็น ใบหน้าของนางดูมีความสุขเหมือนกับผู้หญิงทุกคนที่แต่งงานแล้ว สวยงามและมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล
นางเหลือบมองเฉินเสียนอย่างเย็นชาและเอ่ยอย่างนุ่มนวลว่า “องค์หญิง จำหม่อมฉันได้ไหมเพคะ”
เฉินเสียนไม่ตอบ แม้แต่ความเพียรพยายามที่จะคว้าตัวหลิ่วเหมยอู่ไว้เมื่อครั้งก่อนก็หมดลงไปแล้ว
ตราบใดที่ไม่ก้าวล้ำเข้ามาในเขตของนาง นางก็ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรเลย
หลิ่วเหมยอู่กล่าวว่า “ถึงอย่างไรท่านกับข้าก็ได้รับความเจ็บปวดจากการสูญเสียครอบครัวเหมือนกัน ตอนนี้ช่างน่าสังเวชนัก ข้าไม่ควรทำให้ท่านต้องลำบากใจอีกต่อไป แต่อีกไม่กี่วันข้าก็จะแต่งงานกับท่านแม่ทัพแล้ว เมื่อคิดว่าท่านแม่ทัพจะต้องเลี้ยงดูท่านอยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ ข้าก็ไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง”
นางมองเฉินเสียนและถามตรงๆ ว่า “ท่านจะเป็นฝ่ายไปเองหรือให้ข้าโยนเจ้าออกไป”
เฉินเสียนเป็นดั่งเงาสีเทาจางๆ ที่มักจะขดตัวเงียบๆ อยู่ท่ามกลางหิมะมาโดยตลอด
นางเริ่มมีปฏิกิริยาเล็กน้อยเมื่อได้ยินหลิ่วเหมยอู่พูดถึงแม่ทัพ นางเงยหน้าขึ้นและหรี่ตามองหลิ่วเหมยอู่
ฉินหรูเหลียงคือฟางเส้นสุดท้ายของนาง
นางส่ายหน้า “ข้าไม่ไป”
“งั้นแปลว่าจะให้ข้าโยนท่านออกไปสินะ” หลิ่วเหมยอู่กล่าว “หลังจากท่านจากไป เมื่อท่านแม่ทัพกลับมา ข้าจะบอกว่าเจ้าหนีออกไปด้วยตัวเอง จำเอาไว้ให้ดี ไม่ว่าเจ้าจะอยู่หรือตายที่ข้างนอกนั้นมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา”
“ข้าไม่ไป”
สาวใช้ลากเฉินเสียนออกมาจากลานเล็กๆ
“เดี๋ยวก่อน” หลิ่วเหมยอู่เดินไปหยุดตรงหน้านาง มองนางอย่างพินิจและส่งเสียงฮึในลำคอก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ “ท่านชอบฉินหรูเหลียงมากเลยไม่ใช่หรือ แล้วท่านจะใจแข็งเหนี่ยวรั้งเขาไว้ตลอดกาลหรืออย่างไร หากท่านชอบท่านแม่ทัพจริง ก็ควรไปหาที่สักที่แล้วตายไปอย่างเงียบๆ ซะ”
“ที่ถนนทางทิศตะวันตกมีแม่น้ำอยู่ไม่ใช่หรือ ท่านเจาะน้ำแข็งแล้วลองกระโดดลงไปดูสิ”
“หรือไม่ที่หน้าตลาดสดก็มีต้นไม้เก่าแก่อยู่ต้นหนึ่ง ท่านไปที่นั่นแล้วแขวนคอตัวเองก็ได้” หลิ่วเหมยอู่โหดเหี้ยมมากขึ้นเรื่อยๆ “สรุปก็คือท่านอย่าบังอาจมายุ่งกับผู้ชายของข้าอีก! ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านรัก ข้าจะชิงมันมาจากท่าน!”
หลิ่วเหมยอู่สั่งสาวใช้ว่า “คราวก่อนนังโง่นี่กล้าดึงผมของข้า คราวนี้จัดการใบหน้าของนางแล้วโยนนางออกไปซะ”
พูดจบหลิ่วเหมยอู่ก็หันหลังเดินจากไป
ในลานเล็กๆ เซียงซั่นผู้เป็นสาวใช้ของหลิ่วเหมยอู่ใช้ปิ่นปักผมที่แหลมคมกรีดลงไปบนใบหน้าของเฉินเสียน ทั้งยังถ่มน้ำลายอย่างดูถูกและพูดว่า “คนโง่จะมีใบหน้าที่สวยงามเช่นนี้ไว้เพื่ออะไร ในเมื่อกล้าดูหมิ่นนายหญิงก็สมควรแล้วที่จะต้องกลายเป็นคนอัปลักษณ์!”