ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 3 ข้ามเวลา
เมื่อเฉินเสียนถูกจับโยนออกจากจวนแม่ทัพ ประตูสีแดงชาดก็ค่อยๆ ปิดลงต่อหน้านางอย่างไร้ความปรานี คราบเลือดบนใบทำให้นางมองไม่เห็น นางพยายามยื่นมือไขว่คว้าให้ประตูเปิดออก แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงทิ้งคราบเลือดไว้บนประตูเท่านั้น
หิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เฉินเสียนไม่มีที่ไป นางใช้ความทรงจำที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดหาทางกลับไปพระราชวัง
แต่ยังไม่ทันที่จะถึงประตูวังก็ถูกขับไล่ไสส่ง ใครบ้างจะจำได้ว่านี่คือนาง
แม้ว่าจักรพรรดิจะรู้ว่านางถูกขับไล่ออกจากจวนแม่ทัพ เขาก็คงเลือกปล่อยให้นางแข็งตายดีกว่าที่จะรับนางกลับเข้าวัง
ถ้านางตาย ทุกคนคงสบายใจ
เฉินเสียนเดินโซซัดโซเซไปตามลำพังบนถนนสีขาวที่ว่างเปล่า แต่ละย่างก้าวช่างเป็นไปอย่างลำบากยากเย็น
สายลมพัดโชยมาปะทะใบหน้า นางไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่กลับรู้สึกเย็นสบาย หยาดน้ำตาและหยดเลือดไหลมาผสานรวมกัน นางพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัวขณะล้มลงว่า “อาเสียนไม่ได้โง่…”
สายตาของนางค่อยๆ พร่าเลือน เสียงลมหวีดหวิวดังขึ้นในหู จากนั้นนางก็หมดสติไป
เหมือนมีเสียงกีบม้าดังแว่วเข้ามาใกล้ เฉินเสียนพยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้ง เธอเห็นเงาเลือนรางของใครคนหนึ่ง เขาหรือเธอคนนั้นกำลังพลิกตัวลงจากม้าและรีบวิ่งเข้ามา…
เจ็บเหลือเกิน
เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว
เมื่อลืมตาขึ้นเฉินเสียนก็มีแต่ความงุนงงว่างเปล่า เธอนิ่งตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นฉากในห้องจึงค่อยๆ ปรากฏแก่สายตา
กลิ่นยาเข้มๆ โชยมาในอากาศ เถ้าถ่านสีแดงเพลิงในเตากำลังลุกโชน โต๊ะ เก้าอี้ และเตียงไม้ดูเรียบง่าย และแสงจากภายนอกหน้าต่างที่ส่องเข้ามาก็ทำให้ภายในห้องดูสว่างและสะอาดตา
ร่างของเด็กสาวที่ไว้ผมมวยแบบโบราณปรากฏขึ้นภายในห้องที่มีกลิ่นอายโบราณห้องนี้ ตอนนี้สมองของเฉินเสียนยังไม่อยู่ในสถานะพร้อมใช้งาน
“ในที่สุดพี่สาวก็ฟื้นเสียที ไข้ก็ลดลงแล้ว” เมื่อเห็นว่าเธอยังนิ่งไม่ตอบสนองเด็กสาวจึงร้องเรียกอีกครั้ง “พี่สาว ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
“ฉันเป็นใคร”
“พี่สาวจำไม่ได้หรือว่าตัวเองเป็นใคร ข้ารู้แค่ว่าพี่สาวเป็นลมอยู่ท่ามกลางหิมะ มีคุณชายคนหนึ่งพาท่านมาส่งที่โรงยาของข้า”
“นี่ ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในกองถ่ายกันเหรอ” เธอจำได้ว่าเธอประสบอุบัติเหตุขณะถ่ายทำ ทันใดนั้นก็ตกลงมาจากที่สูง จากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
เฉินเสียนจำไม่ได้จริงๆ ว่ามีฉากนี้อยู่ในบทละคร
“พี่สาวสูญเสียความทรงจำงั้นหรือ” เด็กสาวไม่รู้ว่าปัญหามันเกิดจากตรงไหน จึงกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “บางทีพี่สาวอาจจะได้รับบาดเจ็บรุนแรง สมองจึงกระทบกระเทือน”
“ได้รับบาดเจ็บรุนแรง?” เฉินเสียนตกใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดแสบร้อนบนใบหน้า “โอ๊ย แม่เจ้า! นี่หน้าฉันไปตกถังพริกมาหรือไง ทำไมถึงแสบได้ขนาดนี้!”
“พี่สาว… เสียโฉมแล้ว”
เฉินเสียนช็อก “ฉันต้องการพบผู้กำกับ! ทำงานยังไงกันถึงทำให้ฉันเจ็บปวดแถมยังเสียโฉมแบบนี้!”
เด็กสาวพูดขึ้นมาอีกครั้ง “พี่สาวอย่าเศร้าไปเลย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องคิดถึงลูกในท้องให้มาก”
เฉินเสียนกล่าว “…ว่าไงนะ ตามบทฉันต้องมีลูกด้วยเหรอ”
“พี่ควรปล่อยวางนะ ถึงอย่างไรพี่สาวก็ยังสาว…”
เหมือนไก่กับเป็ดคุยกัน ทั้งสองคนพูดคุยกันคนละเรื่องอยู่พักใหญ่ จนในที่สุดเฉินเสียนก็ต้องยอมรับความจริงที่โหดร้ายว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การถ่ายทำ แต่เธอย้อนเวลากลับมาจริงๆ
แถมเธอยังข้ามเวลามาอยู่ในร่างของผู้หญิงที่เสียโฉมแถมกำลังท้องอยู่ด้วย
เฉินเสียนทำหน้าราวกับว่าชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
เด็กสาวผมมวยยังพูดเจื้อยแจ้วโน้มน้าวอยู่ข้างหูเธอ บอกว่าควรปล่อยวางทุกสิ่ง ปล่อยวางเถอะ อย่างไรแล้วเธอก็ยังสาว!
เฉินเสียนมองเธออย่างขมขื่น “แน่ใจหรือว่าเจ้ากำลังปลอบข้าอยู่”
“ข้าปลอบใจท่านจริงๆ นะ”
“งั้นเจ้าว่ามีอะไรที่น่าสมเพชไปกว่าการที่หญิงสาวอย่างข้าถูกทำให้เสียโฉม แถมยังตั้งครรภ์ แล้วยังเกือบตายท่ามกลางหิมะหนาวเหน็บนั่นอีก”
“…”
เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็น่าสงสารจริงๆ
สภาพร่างกายของเธออ่อนล้าราวกับมีสนิมเกาะ ใบหน้าของเธอที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลจนกลายเป็นบ๊ะจ่างลูกโต
มือที่บอบช้ำของเธอพยายามจะแกะมันออก
เด็กสาวรีบห้ามเอาไว้และพูดว่า “อย่านะพี่สาว อาการบาดเจ็บของพี่สาวยังไม่หายดี!”
“ข้าแค่จะขอดูหน่อย”
เด็กสาวตอบว่า “พี่สาวเพิ่งตั้งครรภ์ได้สองเดือนกว่า ยังอยู่ในสภาวะที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ถ้าพี่สาวตื่นตระหนกเกินไปแล้วส่งผลกระทบต่อเด็กในท้องขึ้นมาจะทำอย่างไร”
เฉินเสียนกลอกตาด้วยความหงุดหงิด “เจ้าช่างเป็นหมอที่ปลอบใจผู้ป่วยได้แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์!”
หลังจากดื่มยาเฉินเสียนก็อยู่ในห้องเพียงลำพัง ในหัวยังสับสนเล็กน้อย
สมองของเธออยู่ในสภาพพร้อมใช้งานแล้วก็จริง แต่อยู่ๆ ก็มีภาพต่างๆ หลั่งไหลเข้ามามากมาย
ฉากต่างๆ ที่เกิดขึ้นในจวนแม่ทัพหวนคืนสู่ความคิดจนเฉินเสียนรับมือแทบไม่ไหว
เธอจำได้แค่ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาหลังจากที่นางแต่งงานมาอยู่ที่จวนแม่ทัพ แต่จำเรื่องราวก่อนสามเดือนนั้นไม่ได้เลย
แต่แค่เพียงสามเดือนที่จำได้ก็แทบทำให้เธออาหารไม่ย่อยแล้ว
ที่นางต้องกลายมาเป็นแบบนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะหลิ่วเหมยอู่
หลิ่วเหมยอู่เป็นคนทำลายใบหน้าของนางและขับไล่นางออกจากจวน
ความจริงเฉินเสียนแข็งตายไปแล้วและเป็นเธอที่เข้ามาแทนที่
ส่วนฉินหรูเหลียงนั่นก็รังเกียจนางมาก เพิ่งแต่งงานได้สามเดือนก็จะแต่งงานกับเมียน้อยเสียแล้ว ถ้าเขาชอบหลิ่วเหมยอู่ขนาดนั้นแล้วทำไมถึงยังปล่อยให้นางท้องแบบนี้
เสียดายที่เฉินเสียนทุ่มเทให้เขาอย่างสุดหัวใจ แต่นางกลับได้รับสิ่งนี้เป็นการตอบแทน
เฉินเสียนตบต้นขาและคิดอย่างโกรธเคือง บทละครนี้เธอจะสานต่อให้เอง!
ถึงอย่างไรก่อนจะข้ามเวลามาเธอก็เป็นดาราแถวหน้าอยู่แล้ว!
ในเมื่อเป็นดาราแถวหน้า เธอก็ต้องรอให้การแสดงจบสิ้นเสียก่อนจึงจะได้รับข้าวกล่อง นี่คือกฎ!