ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 37 แม่ไก่อ่อน เมื่อครู่นี้ยังจองหองอยู่เลยไม่ใช่หรือ
หัวใจของเซียงซั่นตกลงไปที่ตาตุ่ม ทันใดนั้นเฉินเสียนก็คว้าข้อมือของนางไว้
ดวงตาของเฉินเสียนจมลึก เธอออกแรงบิดข้อมือเซียงซั่นจนนางกรีดร้องอย่างน่าสมเพช ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นขาวซีด เหงื่อกาฬแตกพลั่ก
ใบหน้าของหลิ่วเหมยอู่ซีดเผือด นางสูดลมหายใจอย่างหมดหวัง
เฉินเสียนผู้นี้เคลื่อนไหวรวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร! ไม่คิดเลยว่านางจะรู้ตัวและชิงลงมือก่อน!
เฉินเสียนผลักเซียงซั่นทิ้งไปและเดินตรงไปหาหลิ่วเหมยอู่ทีละก้าวๆ
“ทะ ท่านจะทำอะไร”
เฉินเสียนเอ่ยเนิบๆ ว่า “เอางั้นก็ได้เหมยอู่ ข้าจะบอกให้รู้อย่างเป็นทางการว่าคราวนี้เจ้าเป็นฝ่ายยั่วโมโหข้าก่อน”
เซียงซั่นฝืนทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกขึ้นมา ดวงตาเป็นประกายกล้าอย่างดุร้าย นางกัดฟันพูดกับหลิ่วเหมยอู่ว่า “นายหญิงอย่าไปกลัวเจ้าค่ะ! บ่าวไม่เชื่อว่าเราสองคนจะจัดการนางไม่ได้! ไหนๆ ก็เป็นอย่างนี้แล้ว งั้นก็จัดการ เริ่มแล้วก็ทำให้มันสุดไปเลย!”
เมื่อหลิ่วเหมยอู่เห็นความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้ของเซียงซั่น นางก็เริ่มรู้สึกฮึดแม้จะยังกลัว
ใช่แล้ว ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว นางคิดหาวิธีกำจัดผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และตอนนี้โอกาสมาก็อยู่ตรงหน้าแล้ว
หลิ่วเหมยอู่ไม่ถอยหนีอีกต่อไป นางและเซียงซั่นประกบเฉินเสียนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ค่อยๆ ก้าวเข้าไปประชิด
เซียงซั่นปวดข้อมือเหลือจะทน นางเกลียดเฉินเสียนสุดหัวใจและรอต่อไปไม่ไหว รีบถลันไปหาเฉินเสียนอีกครั้ง พยายามจะจับตัวเธอให้ได้
เฉินเสียนถูกนางขัดขาสองครั้งจนไปหยุดอยู่ตรงขอบสระ ร่างกายของเธอโงนเงนไปมาและกำลังจะตกลงไปในน้ำ ทันใดนั้นเธอก็ใช้มือข้างหนึ่งจับแขนของเซียงซั่นไว้ เธอใช้ประโยชน์จากนางและหมุนตัวอย่างสวยงามจนสลับตำแหน่งกับเซียงซั่น
เซียงซั่นกรีดร้องอย่างขวัญหนีดีฝ่อ
เฉินเสียนยกมือขึ้นข้างหนึ่งและฟาดลงไปที่หน้าผากของเซียงซั่นด้วยสีหน้าที่ยังคงเดิม
เกิดเสียงดังปัก
เซียงซั่นพยายามเบิกตากว้าง รูม่านตาขยายออกเล็กน้อย นางมองไปที่มือของเฉินเสียนอย่างอ่อนแรงก่อนที่ร่างกายจะค่อยๆ ไร้เรี่ยวแรงลงไป
เฉินเสียนชายตามองนางก่อนจะปล่อยนางลงกับพื้น
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็วมาก กว่าหลิ่วเหมยอู่จะได้สติคืนมาเซียงซั่นก็สลบไปแล้ว นางหมดสติและหัวแตกเลือดไหลอยู่บนพื้น
หลิ่วเหมยอู่ตัวแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ
เลือดตรงขมับของเซียงซั่นหยดลงไปในสระน้ำ ทันใดนั้นที่ใต้น้ำก็มีบางอย่างเคลื่อนไหวเข้ามา
เฉินเสียนมองดูสิ่งที่เคลื่อนไหวขยุกขยิกอยู่ในน้ำและเลิกคิ้วขึ้นอย่างชั่วร้าย เอ่ยอย่างทำเป็นเล่นว่า “ข้าก็ว่าทำไมจึงกรีดร้องเสียงดังขนาดนี้ ที่แท้ก็กลัวจะตกน้ำไปเป็นอาหารปลิงนี่เอง”
ปลิงเหล่านี้เมื่อได้ลิ้มรสเลือดสดๆ อันหอมหวานแล้วมีหรือจะไม่หิวโหยจนคลั่งขึ้นมาอีก ตอนนี้มันออกมากันหมดทั้งรัง มากระจุกรวมกันบริเวณที่เลือดสีแดงฉานของเซียงซั่นหยดลงไป
ปลิงบางตัวถึงกับพยายามปีนขึ้นมาตามกลิ่นเลือด
เฉินเสียนก้าวเข้าไปหาหลิ่วเหมยอู่อย่างสุขุมและกล่าวว่า “มีกันสองคนยังจัดการข้าไม่ได้ ตอนนี้เอาไงดีล่ะ เหลือแค่เจ้าคนเดียวแล้ว”
ริมฝีปากและร่างกายของหลิ่วเหมยอู่สั่นสะท้าน นางก้าวถอยหลังไปทีละก้าว “อย่าเข้ามานะ…”
แขนเสื้อที่พลิ้วไหวบดบังมือของเฉินเสียนเอาไว้ เวลานี้เธอถือวัตถุสีดำก้อนหนึ่งไว้ในมือและทุบหัวเซียงซั่นด้วยสิ่งสิ่งนี้
หลิ่วเหมยอู่เห็นแล้วว่ามันคือแท่นฝนหมึกสีดำ!
จากนั้นหลิ่วเหมยอู่ก็ตระหนักได้ว่าตอนแรกที่จัดการกับเซียงซั่นเธอใช้มือเพียงข้างเดียว นั่นเพราะมืออีกข้างของเธอถือแท่นหมึกไว้ตลอด จนกระทั่งถึงตอนที่โจมตีเซียงซั่นครั้งสุดท้าย
หลิ่วเหมยอู่หนาวยะเยือกไปทั้งตัว
เฉินเสียนเตรียมพร้อมมาตั้งแต่แรกแล้ว ตอนที่ได้ยินชื่ออวี้เยี่ยนหลุดออกมาจากปากของเซียงซั่น เธอไม่ได้เข้าไปในห้องเพื่อล้างมือ แต่เข้าไปหยิบแท่นฝนหมึกที่อยู่บนโต๊ะซึ่งถือได้ถนัดมือออกมา
เธอไม่คิดจะปรับความเข้าใจ ไม่ได้คิดจะมาแก้ไขเรื่องบุญคุณและความแค้นนี้อย่างสันติ
“ท่านจะทำอะไร… ท่านแม่ทัพไม่ปล่อยท่านไปแน่…” หลิ่วเหมยอู่หวาดกลัวถึงขีดสุด
เฉินเสียนยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ชัดเจนและเยือกเย็น “แม่ไก่อ่อน เมื่อครู่นี้ยังจองหองอยู่เลยไม่ใช่หรือ ตอนที่คิดจะทำแบบนี้เคยคิดหรือเปล่าว่าข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป ระดับการลงโทษเล็กๆ น้อยๆ ของข้าอาจจะไม่เหมือนกับเจ้า มันจะทำให้เจ้าจดจำขึ้นใจไปตลอดชีวิต”
“ท่านอย่าเข้ามานะ!” หลิ่วเหมยอู่แทบจะเสียสติ “ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”
ความสนใจทั้งหมดของนางพุ่งตรงไปที่เฉินเสียนจนไม่ทันสังเกตเห็นอันตรายที่อยู่เบื้องหลัง ข้างหลังนางไม่มีที่ให้ถอยอีกแล้ว ถอยไปอีกก้าวเดียวก็จะเป็นสระน้ำ
เฉินเสียนหรี่ตาและเอ่ยว่า “ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง อวี้เยี่ยนอยู่ที่ไหน”
“ยะ… อยู่ในห้องยะ… ยา!”
ยังไม่ทันที่เฉินเสียนจะทำอะไรไม่ดี หลิ่วเหมยอู่ก็หวาดกลัวจนทำให้ตัวเองตื่นตระหนกถึงขีดสุด
ขาของนางขยับอย่างไม่มั่นคง กว่าจะตระหนักได้ว่าตัวเองก้าวออกไปในความว่างเปล่าก็สายไปเสียแล้ว หลิ่วเหมยอู่เสียการทรงตัว สองมือของนางไขว่คว้าอยู่กลางอากาศสองสามทีก่อนจะตามมาด้วยเสียงผิวน้ำแตกกระจาย
น้ำในสระไม่ลึกทว่าที่ก้นสระมีแต่ตะกอน หลิ่วเหมยอู่ติดแหง็กอยู่ตรงนั้นและเอาตัวเองออกมาไม่ได้
นางร้องไห้โฮอย่างสิ้นหวัง พยายามดิ้นรนทว่าก็หาทางปีนขึ้นฝั่งไม่ได้
เฉินเสียนยืนมองอยู่ข้างๆ อย่างเฉยเมย
ความสงบของสระน้ำถูกทำลาย ปลิงที่มากระจุกรวมกันในจุดที่มีกลิ่นเลือดก่อนหน้านี้ค่อยๆ ว่ายกระจายออกไปและเข้าไปใกล้หลิ่วเหมยอู่ด้วยความรวดเร็ว
“ตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าจะมีฝีมือมากกว่านี้เสียอีก ไม่คิดเลยว่าจะอ่อนแอขนาดนี้ ทำข้าเสียแรงโดยใช่เหตุ” เฉินเสียนแบะปากอย่างดูถูก เธอหันหลังกลับอย่างไม่ใส่ใจเสียงกรีดร้องของหลิ่วเหมยอู่และเดินห่างออกไปอย่างวางก้าม
“เฉินเสียน! นังสารเลว! นังงูพิษ! ท่านจะทิ้งข้าไว้อย่างนี้ไม่ได้!”
เฉินเสียนเอ่ยโดยไม่หันกลับมามอง “ขออภัย แต่ข้าไม่ใช่แมรี ซู ที่จะไปช่วยคนที่พยายามจะฆ่าข้า ความชั่วที่ก่อขึ้นเอง จัดการมันเองก็แล้วกัน”
เสียงกรีดร้องของหลิ่วเหมยอู่ที่อยู่เบื้องหลังดังแสบแก้วหู เฉินเสียนเดินอ้อมสวนดอกไม้ด้านหลังและโยนแท่นหมึกเปื้อนเลือดลงในทะเลสาบในสวนนั้น
ในเวลานี้ดอกซิงร่วงโรยลงเกือบหมดแล้ว บนกิ่งบางกิ่งเริ่มมีกลุ่มก้อนสีเขียวจับตัวรวมกันเป็นพุ่ม
เมื่อสายลมพัดโชย ทั่วทั้งสวนก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมที่ชวนให้สดชื่น
ด้วยทัศนียภาพเช่นนี้ เฉินเสียนเดินไปบนเส้นทางอันเงียบสงบ ทุกสิ่งทุกอย่างดูน่าพอใจมาก ไม่ว่าใครก็คงนึกไม่ถึงว่าภายใต้ท่าทีที่สงบสุขของเธอ เธอเพิ่งผ่านประสบการณ์อันน่าตื่นตกใจอะไรมา
เดินไปไม่ไกลนักก็บังเอิญเจอกับแม่บ้านจ้าวพอดี
แม่บ้านจ้าวตามหาเธอไปทุกหนทุกแห่ง จนเมื่อเจอเธอนางจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกและถามว่า “องค์หญิงหายไปไหนมาเพคะ บ่าวยกอาหารกลับมาก็ไม่เจอองค์หญิงแล้ว”
เฉินเสียนตอบว่า “ไม่มีอะไรทำ เลยไปเดินเล่นรอบๆ”
“งั้นรีบกลับไปเสวยอาหารเถอะเพคะ”
“ไม่ต้องรีบ ข้าจะไปที่ห้องยาก่อน”
ที่ห้องยามักจะมีคนคอยดูแลอย่างดี แต่วันนี้ได้ยินมาว่าคนดูแลลาหยุดออกไปทำธุระ ที่นี่จึงวังเวงและเงียบเชียบ
เมื่อไปถึงลานหน้าห้องยาเฉินเสียนจึงเห็นว่าประตูถูกล็อกไว้
ในตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงตึงตังดังมาจากข้างใน
หลังจากกระแทกประตูอย่างแรงบานประตูก็ใกล้จะพัง และในท้ายที่สุดมันก็พังคว่ำลงกระทบพื้นจนเกิดเสียงดังโครมคราม
ขณะที่เศษไม้ปลิวกระจัดกระจาย เฉินเสียนก็เห็นความยุ่งเหยิงภายในห้องยา ตู้ยาล้มลง เครื่องปรุงยาต่างๆ หล่นกระจัดกระจายทั่วพื้น
อวี้เยี่ยนหนีออกมาด้วยสภาพจนตรอก ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ฝุ่น
นางถูกขังอยู่ในนี้นานมากและพยายามทุกวิถีทางเพื่อหาทางออก ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนนางก็ไม่ยอมส่งเสียงสะอื้นออกมา
แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นเฉินเสียน นางก็เบะปาก ความตื้นตันจู่โจมเข้ามาอย่างฉับพลัน แล้วนางก็วิ่งเข้าไปกอดเฉินเสียนและร้องไห้โฮโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น “องค์หญิง พวกนางรังแกบ่าว!”
เฉินเสียนกอดนางไว้และปลอบโยนอย่างนุ่มนวล “อย่าร้อง องค์หญิงจะช่วยเจ้าเอาคืนเอง ลองดูสิว่าต่อไปจะยังมีใครหน้าไหนกล้าทำอีก”