ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 41 เธอปูทางไว้ตั้งแต่แรก
ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น ดูเหมือนทุกอย่างจะหยุดนิ่งไป
อวี้เยี่ยนหันกลับไปมองผู้พูดและพบว่าคนผู้นั้นคือสาวใช้ที่มีอายุมากกว่านางเล็กน้อย และนางคือคนที่พาอวี้เยี่ยนไปที่ห้องยาก่อนหน้านี้นั่นเอง
สาวใช้สองคนแค่แอบกระซิบกระซาบกันเป็นการส่วนตัว ไหนเล่าจะคิดว่าจะมีคนมาได้ยิน ไม่เพียงแต่ได้ยินเท่านั้น แต่ยังรายงานให้ท่านแม่ทัพทราบทันทีด้วย!
ฉินหรูเหลียงหันไปขึงตาใส่เฉินเสียนก่อนจะเอ่ยว่า “ให้พวกนางเข้ามาเล่าความ!”
เฉินเสียนหยุดชะงัก หลังจากเหลือบมองสาวใช้ที่รายงานเรื่องนี้ เธอก็หมุนตัวกลับและยืนอยู่อย่างสง่างามอยู่ในโถงบุปผาตามเดิม
สาวใช้สองคนที่ถูกพาเข้ามานั่งคุกเข่าลงกับพื้น พวกนางไม่กล้าโกหกปิดบังจึงทำได้เพียงเล่าตามข้อเท็จจริง
หนึ่งในนั้นพูดอย่างสั่นเครือว่า “ตอนเที่ยงพวกบ่าวกำลังทำความสะอาดสวนดอกไม้ด้านหลัง และดูเหมือนจะเห็นองค์หญิงเสด็จผ่านป่าตรงนั้นไป”
“เป็นทางไปสระน้ำที่สวนด้านหลังรึ”
อีกคนรีบพยักหน้า “เจ้าค่ะ”
ฉินหรูเหลียงขึ้นเสียง “เฉินเสียน นี่คือพยาน ท่านมีอะไรจะอธิบายอีกไหม!”
เซียงซั่นยิ้มทั้งน้ำตา นางไม่คิดว่าอยู่ๆ เรื่องจะพลิกผันจนเป็นเช่นนี้ พระเจ้าเข้าข้างข้าแล้ว!
นางมองเฉินเสียนและกล่าวว่า “ใช่ ในเมื่อตอนนี้มีคนออกมาชี้ตัวพระองค์แล้ว พระองค์ยังจะแก้ตัวอย่างไรอีก!”
เฉินเสียนก้มลงมองสาวใช้ทั้งสองและพูดว่า “ก็ดี งั้นข้าขอถามพวกเจ้าหน่อย ตอนนั้นข้าอยู่คนเดียวหรือมีใครอยู่ด้วย”
สาวใช้นิ่งนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ตอนนั้นองค์หญิงไม่ได้อยู่คนเดียวเพคะ แต่มีสาวใช้คนหนึ่งตามไปด้วย”
เฉินเสียนเหยียดยิ้มและพูดว่า “หลังจากอวี้เยี่ยนกลับมาจากไปทำธุระให้ข้า อยู่ๆ นางก็หายไปไม่มีใครพบเห็น แม่นมจ้าวจึงไปสอบถามจากพ่อบ้าน หลังจากนั้นจึงพบว่านางถูกใครบางคนพาไปที่ห้องยาและขังนางไว้ในนั้น เรื่องนี้พ่อบ้านเป็นพยานได้… ส่วนแม่นมจ้าวก็ไปที่ครัวเพื่อเตรียมอาหารเที่ยงให้ข้า เรื่องนี้คนครัวเป็นพยานได้ ในสวนสระวสันตฤดูมีสาวใช้เพียงแค่สองคนคอยดูแล ลองบอกมาสิว่าสาวใช้ที่พวกเจ้าพูดถึงคือใคร”
สาวใช้ทั้งสองส่ายศีรษะ
หนึ่งในนั้นกล่าวว่า “ตอนนั้นนางก้มหน้าอยู่ บ่าวจึงเห็นหน้านางไม่ชัด แต่นางสวมชุดสีเหลืองอ่อนและมวยผมสองข้าง พวกบ่าวมองเห็นแค่ด้านหลังเท่านั้นเพคะ”
“ชุดสีเหลืองอ่อนและมวยผมไว้สองข้างใช่ไหม” เฉินเสียนหรี่ตาและค่อยๆ คลี่ยิ้ม ชี้ไปที่เซียงซั่นและพูดว่า “พวกเจ้าลองดูสิว่ารูปร่างหน้าตาเหมือนนางไหม”
เซียงซั่นเบิกตากว้างอย่างงงงัน
สาวใช้เพียงแค่พูดไปตามสิ่งที่เห็น แต่เฉินเสียนกลับโน้มนำพวกนางอย่างมีแบบแผนโดยมีจุดประสงค์เพื่อชี้ตัวเซียงซั่น
บังเอิญวันนี้นางแต่งตัวเช่นนี้พอดี แม้ว่าเนื้อตัวจะเปื้อนดินโคลนจากน้ำในสระ แต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลต่อการแยกแยะสีชุดและผมที่มวยไว้ทั้งสองข้างของนาง
จนถึงตอนนี้นางยังไม่มีเวลาแม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สกปรกออกไป
สาวใช้เงยหน้ามองเซียงซั่น เพียงครู่เดียวก็ก้มศีรษะลงอีกครั้ง ไม่กล้ายืนยันและไม่กล้าปฏิเสธ “บางทีพวกบ่าวอาจจะจำคนผิดเพคะ เซียงซั่นเป็นบ่าวข้างกายนายหญิงหลิ่ว นางจะไปอยู่กับองค์หญิงได้อย่างไร”
เฉินเสียนยิ้มและพูดว่า “ใช่นะสิ ถ้าตอนนั้นนางเป็นคนนำข้าไปที่สระด้านหลัง ทิ้งเหมยอู่ไว้คนเดียวอย่างประมาทเลินเล่อจนทำให้เหมยอู่ตกลงไปในสระ ถือเป็นความผิดร้ายแรงเลยนะนั่น”
เซียงซั่นมึนงงจนพูดไม่ออก เหงื่อเริ่มผุดพรายขึ้นมาที่หน้าผาก “ไม่ใช่… ไม่ใช่แบบนั้น… เห็นๆ กันอยู่ว่าพระองค์เป็นคนพานายหญิงไปที่สระ…”
เฉินเสียนถามอย่างเรื่อยๆ เรียบๆ ว่า “เจ้าบอกว่าข้าเป็นคนพาเหมยอู่ไปที่นั่นเอง แล้วทำไมสาวใช้สองคนนี้จึงเห็นว่าเจ้ากับข้าไปด้วยกันล่ะ ไม่ใช่ว่าควรเป็นอวี้เยี่ยนที่พาเหมยอู่ไปหรอกหรือ ถ้าข้าไปที่นั่นจริงๆ โดยมีเจ้าเป็นคนนำ นั่นแปลว่าเหมยอู่เป็นคนคิดจะพาข้าไปที่นั่นไม่ใช่หรือ… เจ้าบอกว่าเหมยอู่ต้องการจะคืนดีกับข้า ทำไมนางถึงเลือกสถานที่เช่นนั้นล่ะ ปกตินางชอบพักอยู่ที่ศาลาไม่ใช่หรือ หรือว่าตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกว่าจะทำเป็นก้าวพลาด วางแผนทำร้ายตัวเองเพราะอยากให้ท่านแม่ทัพเห็นใจ เพื่อที่จะได้บดขยี้ข้า?”
“ไม่ใช่นะ…” สติของเซียงซั่นกระเจิดกระเจิง นางหันไปมองฉินหรูเหลียงครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองสาวใช้ทั้งสองที่ชี้ตัวนาง ทันใดนั้นนางก็ผลักสาวใช้สองคนนั้นอย่างดุร้าย “พวกเจ้าพูดอะไร! รีบบอกไปสิว่าพวกเจ้าเห็นองค์หญิงไปที่สวนด้านหลังกับตา สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ คืออวี้เยี่ยน จะเป็นข้าไปได้อย่างไร!”
สาวใช้ทั้งสองเข้ามาพัวพันกับข้อพิพาทโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกนางส่ายศีรษะและกล่าวว่า “บางทีอาจจะจำคนผิด… ท่านแม่ทัพ เป็นบ่าวเองที่จำคนผิด พวกบ่าวไม่แน่ใจ…”
เฉินเสียนเลิกคิ้วและกล่าวว่า “ข้าบอกไปแล้วนี่ว่าข้าอยู่ในสวนสระวสันตฤดูทั้งวัน จะออกไปจากเรือนได้อย่าง ที่แท้พวกเจ้าก็จำคนผิด”
เซียงซั่นเคียดแค้นสุดขีด “ท่าน!”
เฉินเสียนเดินไปหยุดอยู่ที่ใจกลางโถงบุปผา เธอสะบัดชุดและหันกลับไปมองเซียงซั่น เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังว่า “ทาสเลวทรามต่ำช้าอย่างเจ้า ไม่เพียงแต่ไม่ดูแลเหมยอู่ให้ดี ทั้งยังวางแผนจะใส่ร้ายป้ายสีข้า เจตนาช่างชั่วร้ายและมีจิตใจอกุศลยิ่งนัก!”
เธอเอ่ยอย่างเย็นชาด้วยถ้อยคำที่ไม่อาจโต้แย้ง “ท่านแม่ทัพฉิน ความจริงปรากฏออกมาแล้ว ที่สาวใช้ผู้นี้พูดมีแต่คำโป้ปด ควรหรือไม่ที่จะใช้กฎหมายครอบครัวจัดการกับนาง”
ตั้งแต่ต้นจนจบผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีความตื่นตระหนกเลย ไม่ว่าเซียงซั่นจะกล่าวหาอย่างไรนางก็กล่าวแย้งและให้เหตุผลได้โดยตลอด
ฉินหรูเหลียงที่นั่งอยู่ในตำแหน่งของผู้เป็นนายใหญ่มีสีหน้าบึ้งตึงและไม่พูดอะไรอยู่นาน
ถึงแม้จะเป็นความผิดของเซียงซั่น แต่หลังจากฟังอยู่นานเขาก็พบว่าเหตุผลของเฉินเสียนฟังดูชัดเจน ทุกคำพูดไม่มีช่องโหว่ใดๆ เลย ซึ่งนั่นทำให้เขายิ่งไม่อยากเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเฉินเสียนจริงๆ!
โดยไม่รอให้เขาพูดอะไร เฉินเสียนก็หันไปทำหน้าที่สั่งพ่อบ้านที่อยู่ข้างนอกเสียเอง “ลากนางออกไป สั่งโบยนางสามสิบทีตามกฎหมายครอบครัว!”
ทุกคนต่างคิดว่าวันนี้เฉินเสียนคงต้องตายแน่แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเรื่องจะพลิกผันเป็นอย่างนี้ ตอนนี้ทุกคนต่างทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
อวี้เยี่ยนและแม่บ้านจ้าวงงงันยิ่งกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้พวกนางยังเหงื่อกาฬไหลพลั่กแทนผู้เป็นนาย แต่ดูเหมือนมันจะไม่จำเป็นเลยสักนิด
ปรากฏว่าเฉินเสียนไม่ได้ไม่แยแสเรื่องนี้อย่างที่คิด ทุกสิ่งที่เธอทำลงไปเธอไตร่ตรองล่วงหน้าไว้หมดแล้ว
พ่อบ้านได้สติกลับมา เมื่อเห็นว่าฉินหรูเหลียงไม่ได้ขัดอะไรเขาจึงเรียกบ่าวสองคนให้มาลากเซียงซั่นออกจากโถงบุปผา จากนั้นจึงเตรียมโบยนางอยู่ที่นอกโถงนี่เอง
เซียงซั่นดิ้นรนไม่หยุดและตะโกนว่า “ท่านแม่ทัพ! ท่านแม่ทัพต้องเชื่อบ่าวนะเจ้าคะ! บ่าวถูกใส่ร้ายจริงๆ!”
ในที่สุดฉินหรูเหลียงก็เคลื่อนไหว เขาลุกจากที่นั่งและเดินตรงไปหาเฉินเสียนทีละก้าวๆ แต่ละก้าวที่มั่นคงของเขาประหนึ่งกำลังเหยียบย่ำหัวใจคน ทำให้คนที่เห็นอดรู้สึกสั่นสะท้านไม่ได้
เฉินเสียนดูหยิ่งผยองและสูงส่ง แม้ว่าฉินหรูเหลียงที่มีรูปร่างสูงใหญ่จะยืนกดดันอยู่ตรงหน้า แม้ว่าสายตาที่เย็นชาและเต็มไปด้วยความรังเกียจนั้นจะมองมาราวกับจะบดขยี้เธอเสียเดี๋ยวนี้ แต่เธอก็ไม่หวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย เธอยืดกายขึ้นอย่างไม่ยอมถอยหนี
ฉินหรูเหลียงจ้องเธอซึ่งๆ หน้า ไม่ยอมพลาดแม้แต่การเปลี่ยนแปลงสีหน้าเพียงเล็กน้อยของเธอ “ข้าจะถามท่านอีกครั้ง ที่เหมยอู่ตกลงไปในสระ แท้จริงแล้วเป็นฝีมือของท่านใช่หรือไม่”
เฉินเสียนเลิกคิ้วและกล่าวว่า “ข้าไม่ได้ผลักนางจริงๆ ท่านคิดว่าข้าจะจัดการหมาจัดการไก่ได้อย่างสบายๆ ขนาดนั้นเลยหรือ”
ฉินหรูเหลียงได้ยินดังนั้นก็เงื้อมือขึ้นเตรียมจะตบหน้าเธอ
เธอไม่แม้แต่จะหลบหรือกะพริบตา เอ่ยอย่างขึ้นเสียงอีกครั้งว่า “ข้าขอแนะนำนะท่านแม่ทัพฉิน ต่อไปอย่าถามอะไรไร้สาระทำนองนี้อีก ท่านตัดสินใจที่จะไม่เชื่อคำพูดใดๆ อยู่แล้ว ดังนั้นจะต้องมาคุยให้เปลืองน้ำลายทำไม เหมยอู่ตกลงไปในสระ ท่านก็เพียงแต่อยากจะหาแพะรับบาปเพื่อระบายอารมณ์เท่านั้น”
ฝ่ามือที่ฟาดลงมาของเขาหยุดอยู่แค่ที่ข้างแก้มของเฉินเสียน