ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 49 ตะเกียงที่มีน้ำมันทั้งสอง
แน่นอนว่าเซียงซั่นจำเสียงของฉินหรูเหลียงได้และเธอไม่กล้าละเลยเสียงของฉินหรูเหลียงจึงรีบไปเปิดประตูในทันที เมื่อเห็นว่าฉินหรูเหลียงยืนอยู่ที่ประตูด้วยท่าทางที่ยากจะคาดเดา
ฉินหรูเหลียงขมวดคิ้วและก้าวขายาว เดินเข้ามาในห้องของเธอ
เขาไม่อ้อมค้อม และถามอย่างตรงไปตรงมา “ข้าอยากถามเจ้าว่า เหมยอู่ตกลงไปในสระน้ำในวันนั้นได้อย่างไร?”
หัวใจของเซียงซั่นมืดมนก้มคุกเข่าลงทันที พร้อมกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพเจ้าคะ นายหญิงถูกองค์หญิงผลักลงมาจริงๆเจ้าค่ะ…”
ถ้อยคำที่ได้ยินเฉินเสียนพูดในตอนกลางคืนเมื่อสองวันก่อนโดยไม่ได้ตั้งใจนั้น อันที่จริงถูกเก็บมาไว้และเขาเองก็ครุ่นคิดอยู่ในใจมาตลอด
ลมหายใจของฉินหรูเหลียงเย็นยะเยือกจนน่าพิศวง เสียงของเขาทุ้มต่ำ “ข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย พูดความจริงออกมาซะ!”
ท่านแม่ทัพรู้อะไรบางอย่างเข้าแล้วหรือไม่?
เซียงซั่นตื่นตระหนกและบังคับตัวเองให้สงบนิ่ง เธอขบคิดอยู่ว่าหากแม่ทัพรู้อะไรบางอย่างจริงๆ ทำไมเขาถึงยังมาถามเธอตอนนี้ด้วย?
เธอจะยอมรับไม่ได้!
เซียงซั่นกัดฟันและกล่าวว่า “บ่าวไม่ได้พูดปดนะเจ้าคะ ทุกสิ่งที่บ่าวพูดเป็นความจริง!”
เธอเงยหน้าขึ้นมองฉินหรูเหลียงด้วยน้ำตาที่ไหล่ริน “ท่านแม่ทัพ นายหญิงเป็นฝ่ายถูกกระทำ บ่าวพูดปดไปแล้วจะได้อะไรล่ะเจ้าคะ? ถ้าท่านแม่ทัพไม่เชื่อบ่าว ถามนายหญิงได้ ถ้าบ่าวกล่าวความเท็จแม้แต่คำเดียว บ่าวยอมให้ท่านแม่ทัพและนายหญิงจัดการกับบ่าวอย่างไรก็ได้เจ้าคะ!”
เมื่อถามแล้วไม่ได้อะไร ฉินหรูเหลียงก็จากไปอย่างเร็ว
เขาแค่ต้องการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง
ผู้หญิงเจ้าเล่ห์อย่างเฉินเสียน จะเชื่อคำพูดของเธอง่ายๆได้อย่างไร
เมื่อฉินหรูเหลียงออกจากห้องเซียงซั่น เขาถูกบ่าวบางคนจากจวนแม่ทัพเห็นเข้าพอดี
บ่าวรับใช้ขยี้ตา มองแผ่นหลังที่ดูเหมือนท่านแม่ทัพ และสงสัยว่าตาตัวเองฝาดไปหรือไม่
เซียงซั่นเฝ้ารอมาตลอด ให้อาการบาดเจ็บของเธอนั้นหายดี แต่ไม่สามารถรอความห่วงใยจากหลิ่วเหมยอู่ได้เลย
ในทางกลับกัน สิ่งที่เธอได้ยินมากกว่าคือวิธีที่อวิ๋นเอ๋อร์ปฏิบัติต่อหลิ่วเหมยอู่อย่างตั้งใจ และหลิ่วเหมยอู่ให้ความสำคัญกับอวิ๋นเอ๋อร์อย่างไรเป็นต้น
ต่อมา ในที่สุดอวิ๋นเอ๋อร์ก็มาพบเซียงซั่น
อวิ๋นเอ๋อร์สวมชุดบ่าวรับใช้ชั้นสูง ใบหน้าของเธออบอุ่นและสงบไม่พูดอะไรมาก และท่าทางของเธอก็ดูมีความมั่นอกมั่นใจมาก
เซียงซั่นรู้ว่าเธอไม่ควรสนใจอวิ๋นเอ๋อร์มากนัก แต่เมื่อเธอเห็นอวิ๋นเอ๋อร์แสดงท่าทางที่เหนือกว่า เธอก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าอวิ๋นเอ๋อร์ได้รับการเลื่อนตำแหน่งมาจนถึงทุกวันนี้เพราะตัวเธอเอง
เธอไม่ละอายบ้างหรืออย่างไร?
เซียงซั่นไม่สามารถทนต่อความรู้สึกขุ่นเคืองใจนี้ได้ น้ำเสียงของเธอยังฟังดูไร้ความปราณีอีก “นายผู้หญิงให้เจ้ามาพบข้า?”
อวิ๋นเอ๋อร์กล่าว “นายหญิงให้ข้าบอกเจ้า ให้เจ้ารักษาบาดแผลของเจ้าด้วยความอุ่นใจ และไม่ต้องรีบกลับไปรับใช้ที่สวนดอกพุดตาน”
“เป็นไปไม่ได้!” เซียงซั่นกล่าวว่า “ข้าคอยรับใช้อยู่เคียงข้างนายหญิง ไม่มีข้า นายหญิงจะคุ้นชินได้อย่างไร นี่ต้องเป็นเจ้าพูดด้วยตัวเองเพื่อที่เจ้าจะได้จัดการข้าเพื่อให้นายหญิงลืมข้า เช่นนี้เจ้าก็จะสามารถแทนที่ข้าได้!”
อวิ๋นเอ๋อร์ชำเลืองมองดูนางและกล่าวว่า “หากเจ้าคิดเช่นนี้ ข้าก็ไม่สามารถแย้งอะไรได้ คำพูดนี้ถูกส่งมาถึงเจ้าแล้ว นายหญิงยังรอให้ข้ากลับไป”
เมื่อกล่าวเช่นนั้น อวิ๋นเอ๋อร์ก็หันหลังกลับและจากไป
เซียงซั่นไม่ได้คิดอะไรอีก ถลาตัวเข้าไปลากนางและพูดว่า “ไม่ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ไป เจ้าเป็นใคร เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเป็นวัวลืมตีนได้งั้นหรือ หลังจากที่เจ้าช่วยนายหญิงแล้ยังไง? ข้าเป็นบ่าวข้างกายนายหญิง ข้ายังช่วยนายหญิงจัดการคนอื่นอีกด้วย!”
เซียงซั่นหุนหันพลันแล่นและไม่สามารถซ่อนความเคียดแค้นชิงชังไว้ในใจได้ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถระงับความโกรธได้ หลังจากพูดไปไม่กี่คำก็ทำร้ายร่างกายกับอวิ๋นเออร์
เซียงซั่นในเวลานั้นมีความบ้าคลั่งมาก เธอต้องการทำให้อวิ๋นเอ๋อร์ทนทุกข์ทรมาน แต่เธอไม่ได้สังเกตว่าอวิ๋นเอ๋อร์ไม่ได้ต่อสู้เลยในระหว่างการกระทำทั้งหมด
“สารเลว ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสพลังของข้า เจ้ายังจะหลงคิดว่าข้าจะยอมง่ายๆอยู่หรือ!”
ไม่นานข่าวก็มาถึงสวนดอกพุดตาน
อวิ๋นเอ๋อร์ถูกเซียงซั่นทำร้ายอย่างรุนแรง
เมื่อหลิ่วเหมยอู่เห็นสถานการณ์นั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดเล็กน้อย
เซียงซั่นคุกเข่าและร้องไห้ระหม “นายหญิง เป็นนางที่เริ่มก่อน”
อวิ๋นเอ๋อร์ที่ได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่ร้องไห้ “บ่าวเพิ่งส่งคำพูดของนายหญิงให้เซียงซั่น บางทีเซียงซั่น อาจคิดมากเกินไป”
หลิ่วเหมยอู่กล่าวกับเซียงซั่น “อวิ๋นเอ๋อร์เป็นผู้ริเริ่มในการดูแลอาการบาดเจ็บของเจ้า ข้าต้องการให้เจ้าพักผ่อนสักระยะหนึ่งแล้วกลับมาเมื่อเจ้าฟื้นตัว เซียงซั่น เจ้าทำร้ายอวิ๋นเอ๋อร์นั้นมันไม่ถูกต้อง ทุกวันนี้ที่ไม่มีเจ้าข้างกายนั้นก็ได้อวิ๋นเอ๋อร์มาดูแลข้า”
เซียงซั่นรับรู้ว่าสิ่งที่เธอทำลงไปแล้วและถูกเหตุผลของอวิ๋นเอ๋อร์เข้ามายึดครอง จึงกล่าวว่า “นายหญิง บ่าวรู้ว่าบ่าวคิดผิด บ่าวตื่นตระหนก และไม่ต้องการห่างจากนายหญิง โปรดอย่าขับไล่บ่าวออกไป แผลบ่าวหายแล้ว นายหญิงให้บ่าวกลับไปเถอะ!”
น้ำตาของเซียงซั่นทำให้หลิ่วเหมยอู่ทนไม่ได้
ท้ายที่สุดเธอเคยเป็นบ่าวรับใช้ที่ใกล้ชิดสนิทสนม ซึ่งเคยรับใช้เธออย่างสุดใจมาก่อน แต่คราวนี้เธอถูกลงโทษที่ช่วยเหลือเธอ
หลิ่วเหมยอู่ใจอ่อนและให้เซียงซั่นกลับไปที่สวนดอกพุดตาน
ต่อมาเซียงซั่นและอวิ๋นเอ๋อร์รับใช้หลิ่วเหมยอู่ด้วยกัน
เมื่อเซียงซั่นต่อสู้กับอวิ๋นเอ๋อร์ ก็มีบ่าวรับใช้มากมายมาดู
ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนอวี้เยี่ยนก็ไปร่วมชมเรื่องสนุกด้วย เมื่อเธอกลับมาเธอได้เล่ากับเฉินเสียนเกี่ยวกับการต่อสู้ตบตีกันนี้ เฉินเสียนกำลังวาดภาพบนกระดาษวาดด้วยถ่านสีดำในมือของเธอ และเพียงแค่เผยรอยยิ้มที่มีนัยยะออกมาเท่านั้น
อวี้เยี่ยนกล่าวว่า “องค์หญิงทำไมท่านถึงไม่พะวงเลย? เซียงซั่นและอวิ๋นเอ๋อร์ ไม่น่าไว้ใจนัก หากทั้งคู่ให้คำแนะนำแก่นายหญิงหลิ่ว หลังจากนั้นก็อาจจะมารังขวานองค์หญิงได้ทุกเมื่อเลยนะเพคะ?”
เฉินเสียนเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างขบขัน “ตะเกียงที่มีน้ำมันทั้งสองดวงจะชนกันด้วยการสัมผัสเพียงครั้งเดียวและเผาไหม้เมื่อชนกันไม่ใช่หรือ?”
อวี้เยี่ยนตกอยู่ในความงุนงง
เฉินเสียนวาดรูปไปและพูดอย่างเนิบช้า “อวิ๋นเอ๋อร์ไม่ได้แสดงตัวตน ได้เปรียบกว่าเซียงซั่น ในไม่ช้าเซียงซั่นจะต้องลำบาก ละครฉากนี้กำลังจะเริ่มต้นแล้ว”
อวี้เยี่ยนเข้าใจในภายหลังว่าที่องค์หญิงถูกต้องทุกประการ
เมื่อเฉินเสียนและอวี้เยี่ยนไปที่สวนเพื่อเดินเล่น พวกเธอเห็นกลุ่มบ่าวรับใช้ซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นไม้เพื่อดูภาพวาด
เฉินเสียนอยู่ไกลๆขอให้อวี้เยี่ยนไปยืมรูปวาดนั้นมา
อวี้เยี่ยนยืมภาพวาดนั้นมา เมื่อเฉินเสียนเปิดมันและเพ่งดู แสงแดดส่องลงมาระหว่างใบไม้สีเขียว สะท้อนรอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอ
เฉินเสียนเลิกคิ้วขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “จิ้งจอกเหลียนเนี่ยเก่งกาจเสียจริง แค่ครู่เดียวก็ทำเสร็จแล้ว”
ในตอนเริ่มต้นเหลียนชิงโจวเข้าพบจิตรกรมากกว่าสิบคนเพื่อคัดลอกภาพวาดในชั่วข้ามคืนและนำภาพคัดลอกนับพันเล่มเข้าในร้านหนังสือใหญ่ ๆ เขาไม่คาดหวังว่าจะขายหมดภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน
เพื่อให้เฉินเสียนสามารถเห็นงานของเธอเองในจวนแม่ทัพ
อวี้เยี่ยนโยกตัวไปด้วยความยินดีและกล่าวว่า “องค์หญิงวาดได้สวยมากเพคะ”
ในไม่ช้าเหลียนชิงโจวก็ส่งคนมาถามว่า มีต่ออีกหรือไม่
เนื้อหาของส่วนที่สองนี้ เฉินเสียนเกือบเขียนเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ตั้งแต่เซียงซั่นกลับไปสวนดอกพุดตานเพื่อทำงานกับอวิ๋นเอ๋อร์ เธอได้แข่งขันต่อสู่กับอวิ๋นเอ๋อร์ทุกที่ทุกเวลา อวิ๋นเอ๋อร์ไม่ต่อสู้อะไร ยอมเป็นรอง
สวนดอกพุดตานถูกเซียงซั่นรบกวนทำเรื่องเสียงดัง
เซียงซั่นไม่เพียงไม่ได้ความลำบากใดๆ แต่หลังจากนั้นก็ใช้ประโยชน์จากการร้องไห้และพูดต่อหน้าหลิ่วเหมยอู่
ในตอนแรกหลิ่วเหมยอู่ชักชวนให้เซียงซั่นและอวิ๋นเอ๋อร์อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน แต่แล้วเธอก็หมดความอดทน เซียงซั่นค่อยๆถูกจับแยกออกจากหลิ่วเหมยอู่และอวิ๋นเอ๋อร์
ยิ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นมากเท่าไหร่เซียงซั่นก็ยิ่งขุ่นเคืองใจมากขึ้นเท่านั้น หลังจากทุบตบตีอวิ๋นเอ๋อร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลิ่วเหมยอู่ก็โกรธและลงโทษให้เซียงซั่นทำความสะอาดสวน