ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 514 เพราะมีเขา ทุกสิ่งทุกอย่างสวยงาม
นักดาบหลวงเหล่านั้นยังคงเชื่อมั่นว่าเขาทั้งสองคนยังอยู่บนเรือลำนั้น แต่ไม่รู้ว่าบนเรือลำนั้นมีพรรคพวกของเขาอยู่เท่าไหร่ และจะไม่ปล่อยให้คนบนเรือหลุดรอดจากสายตาไปได้แม้แต่คนเดียว และจะไม่ยอมให้เรือลำนี้แล่นออกไปยังแม่น้ำหยุนเพื่อหลบหนีได้อย่างเด็ดขาด
เสียงกรีดร้องจากดาดฟ้าของเรือ ถูกความกว้างใหญ่ของแม่น้ำกลบทับ และเลือดสีแดงสดและถูกละเลงไปทั่วพื้นบนดาดฟ้า
คนที่กระโดดลงไปในน้ำเพื่อจะหลบหนีเหล่านั้น บ้างก็ว่ายน้ำไปได้ครึ่งทางและจมลงไปในน้ำตาย บ้างก็ถูกจับโดยกองกำลังทหารจากในวังหลวงที่ริมฝั่ง และคาดว่าจะต้องถูกประหารชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อองค์จักรพรรดิทราบว่าเฉินเสียนได้หลบหนีไปแล้วนั้น เขาสั่งให้องครักษ์วังหลวงทุกฝ่ายตรึงกำลังและเฝ้าตรวจตราทุกจุดในเมืองหลวง เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขายอมให้เฉินเสียนตายอยู่ในเมืองหลวง ยังดีกว่ายอมปล่อยให้เฉินเสียนหลบหนีไปถึงกองกำลังทหารในเขตใต้ ความเป็นความตายของเฉินเสียน จะสามารถปกปิดความลับนี้กับเป่ยเซี่ยได้แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น แต่การก่อการกบฏของเหล่าทหารก็ใกล้เข้ามาอย่างปฏิเสธไม่ได้
เฉินเสียนไม่รู้เลยว่าเธออยู่ในน้ำมานานเท่าไหร่แล้ว ในน้ำที่หนาวเย็นและมืดมนนี้ จู่ ๆ ก็มีแสงไฟสาดส่องเข้ามา จนเธอต้องดำน้ำลงไปเพื่อรอให้แสงนั้นหายไป
เสียงฝีเท้าของทหารจากในวังก็ดังขึ้น และพวกเขาก็ถอยออกไปทีละคน
ซูเจ๋อจับปล้องไม้ไผ่และกอดเฉินเสียนไว้ใต้ต้นหลิว และค่อย ๆ ยกตัวโผล่ขึ้นพ้นผิวน้ำ เขาเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ และเงียบที่สุดแทบจะไม่ได้ยินเสียงน้ำ
เฉินเสียนหนาวเหน็บไปทั่วทั้งเรือนร่าง และลมที่พัดเข้ามา ทำให้เธอรู้สึกแทบจะเป็นน้ำแข็ง แต่ตัวเธอก็ไม่รับรู้ความรู้สึกอะไรแล้ว
เฉินเสียนมองย้อนกลับไปที่เรือลำนั้นที่อยู่กลางแม่น้ำ มองเห็นแสงไฟที่เดิมส่องแสงสว่างไสว ความครึกครื้นรื่นเริงบนเรือ จู่ ๆ ดวงไฟสีแดงก็จุดประกายขึ้น
ปรากฏว่าลำแสงนั้นเป็นแสงไฟจากบนเรือ
ทุกคนบนเรือถูกฝังอยู่ในกองไฟ ยกเว้นเธอและซูเจ๋อ แทบไม่มีใครรอดชีวิตเลย
นักดาบหลวงเหล่านั้นยอมที่จะเข่นฆ่าผู้คนเป็นร้อนเป็นพันชีวิต เพียงเพื่อไม่ต้องการให้เธอหลบหนีไปได้
เฉินเสียนเอื้อมมือออกไปและถอดปล้องไม้ไผ่ในปากของซูเจ๋ออย่างเงียบ ๆ รวมทั้งของตัวเธอเอง ซูเจ๋อไม่ได้ใช้เวลาอยู่ที่ริมฝั่งนานนัก เขาพยุงเฉินเสียนและหันหลังเดินออกไปท่ามกลางความมืดมิดเพื่อหลบหนีต่อไป
บนถนนทุกจุดเต็มไปด้วยองครักษ์วังหลวง แต่ตรอกหลังบ้านของคนธรรมดานั้นซับซ้อนราวกับตาข่าย องครักษ์วังหลวงยังไม่สามารถเจาะเข้าไปในตรอกด้านหลังที่มืดมิดทุกแห่งได้ ซูเจ๋อหลบหลีกอยู่หลายครั้ง และสุดท้ายก็หลบเข้าไปที่ตรอกข้างหลัง
เฉินเสียนโอบไหล่ของเขาไว้ มองไปที่เขาที่พาเธอกลับมายังสถานที่เก่าที่คุ้นเคย นั่นคือประตูด้านข้างของบ้านของซูเจ๋อ
ภายในประตูด้านข้างของบ้านเขาคือเรือนที่เขาอาศัย ซูเจ๋อไม่ต้องเคาะประตู เขาอุ้มเธอและพาเธอกระโดดปีนกำแพงเข้าไป และเดินเข้าไปยังเรือนที่เขาอาศัยอยู่
เวลานี้เฉินเสียนก็ได้คลายความหนาวเหน็บจากในแม่น้ำ และกล่าวด้วยเสียงที่สั่น “ท่านยังกล้าพาข้ากลับเข้ามาที่เรือนของท่าน…”
ซูเจ๋อกล่าว “ที่ที่อันตรายที่สุด คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด” เขาต้องหาที่ให้เฉินเสียนได้พักผ่อนในคืนนี้ และต้องการให้ร่างกายเธออบอุ่นขึ้นอย่างเร็วที่สุด
พวกเขาใช้เวลาอยู่ในน้ำราวสามชั่วโมง หากไม่รีบทำให้ร่างกายอบอุ่น เธออาจจะแข็งตายได้
พ่อบ้านไม่คิดว่าซูเจ๋อออกไปแล้วจะกลับเข้ามา และยังไม่ทันจะถามอะไร ซูเจ๋อก็กล่าวว่า “ไปเตรียมเตาผิงมา”
พ่อบ้านรีบออกไปจัดเตรียม
ซูเจ๋อยกเท้าขึ้นเพื่อเตะประตูให้เปิดออก ภายในมืดสนิท
กลิ่นหอมจาง ๆ ยังคงติดอยู่ในจมูกของเฉินเสียน และทำให้เธอรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยเหมือนในอดีต
ซูเจ๋อวางบนลงบนเตียง ทั้งสองต่างก็เปียกปอน เฉินเสียนพยายามควบคุมการสั่นของร่างกาย แต่การหายใจของเธอก็สั่น
ซูเจ๋อแตะที่ปลายจมูกของเธอ สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกของเธอในขณะนั้น และพูดด้วยเสียงต่ำว่า “จำเป็นต้องถอดชุดที่เปียกนี้ออก” พูดจบเขาก็ยื่นมือออกไปปลดชุดให้เธอและถอดมันออก
เสื้อผ้าหลุดออกจากไหล่ที่เปียกของเธอทีละชิ้น ๆ ยังคงมีน้ำหยดจากผมของเธอและผิวของเธอ
เมื่อเสื้อผ้าถูกปลดออกหมด ผ้าบาง ๆ ก็ซับไปที่เส้นผมของเธอ เช็ดความชื้นออกจากร่างกายของเธอแล้วคลุมลงบนศีรษะของเธออีกครั้ง
ซูเจ๋ออดไม่ได้ดึงเอวของเธอมากอดไว้ อุ้มเธอขึ้นไปบนเตียงแล้วนอนลง เส้นผมที่เปียกของเธอห้อยลงมาจากขอบเตียง
เธอถูกห่อหุ้มด้วยผ้าห่มหนา ราวกับว่าลมหายใจของซูเจ๋อห่อหุ้มเธอไว้
เฉินเสียนอ้าปากยังไม่ทันจะพูดอะไรก็รู้สึกสั่น และเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา
ไม่นานพ่อบ้านก็นำเตาผิงที่จัดเตรียมไว้มาวางไว้ที่หน้าประตู ซูเจ๋อนำเตาผิงเข้ามาตรงกลางห้อง จุดไฟและหยิบไม้กฤษณาชิ้นหนึ่งจากลิ้นชักและเดินไปที่เตียงแล้วโยนไม้กฤษณาลงในเตาผิง
ความร้อนจากเตาผิงมีกลิ่นอายจาง ๆ ของไม้กฤษณา
ซูเจ๋อสางเส้นผมของเธอ นำหวีหยกวางไว้ที่ข้างหมอน และใช้นิ้วมือของเขาค่อย ๆ ลูบไล้เส้นผมให้เธอ เพื่อทำให้เส้นผมของเธอแห้ง
ในขณะที่ซูเจ๋อปฏิบัติต่อเธอนั้น ทุกการกระทำทุกท่วงท่าช่างละเอียดรอบคอบและดูแลเธออย่างดี เขาแทบไม่ได้สนใจดูแลตัวเองเลยสักนิด
ที่เรือนแห่งนี้ อาจเป็นเพราะซูเจ๋ออาศัยอยู่ที่นี่ จึงทำให้เฉินเสียนรู้สึกได้ว่ามีความชัดเจนมากขึ้น ทุกอย่างที่นี่ เธอรู้สึกพึงพอใจอย่างปฏิเสธไม่ได้
รวมไปถึงลานตรงหน้าเรือนของเขา ภายในเรือนที่เขาอาศัยอยู่นั้นจัดแต่งอย่างเรียบง่าย และเตียงที่เธอนอนอยู่นี้ ทุกอย่างเข้ากันดีลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ
ครั้งที่แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการสอบสวนของทหารในวังหลวง ทำให้เธอได้ขึ้นมานอนลงบนเตียงของซูเจ๋ออย่างไม่ตั้งใจ และเฉินเสียนก็คิดไม่ถึงว่า วันหนึ่งเธอจะได้นอนลงบนเตียงที่เขานอนทุกคืนและอยู่ภายใต้ผ้าห่มของเขา
เพราะความรักที่มีต่อเขา ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่มีกลิ่นตัวของเขา เธอไม่มีทางปฏิเสธมันได้เลย
ใบหน้าของซูเจ๋อมองเห็นได้สลัว ๆ ผ่านแสงไฟในเตาผิง ถึงแม้เฉินเสียนจะมองไม่เห็น แต่เธอก็รับรู้ได้โดยฝ่ามือที่อ่อนนุ่มของเขา และเส้นผมของเธอก็ค่อย ๆ แห้ง
เฉินเสียนกล่าว “ซูเจ๋อ ท่านจะไม่สนใจดูแลตัวเองไม่ได้นะ รีบถอดชุดที่เปียกออกก่อนเถอะ”
ซูเจ๋อตอบเธอ “ไม่เป็นไรหรอก ข้าผิงไฟอยู่น่ะ”
ในขณะที่เขาเช็ดผมให้เฉินเสียนอยู่นั้น ผมของซูเจ๋อก็เกือบจะแห้งแล้ว แต่ว่าชุดที่เปียกปอนนั้น ไม่ได้แห้งง่าย ๆ ในเวลาอันสั้นนี้
ซูเจ๋อลากเตาผิงออกห่างไปเล็กน้อย ลุกขึ้นและถอดชุดที่เปียกออก เขาถามเฉินเสียนเบา ๆ “รู้สึกอบอุ่นขึ้นบ้างไหม?”
เฉินเสียนมองไปที่หัวเตียง และถาม “จะรู้สึกอบอุ่นได้อย่างไร ข้ากลับไม่ค่อยรู้สึกอย่างนั้น”
ซูเจ๋อที่กำลังถอดชุดเปียกอยู่นั้นหยุดชะงักลง และมือที่อ่อนโยนของเขายื่นออกไปที่เตียงของเฉินเสียน จับกุมมือของเธอและขมวดคิ้ว “ทำไมยังเย็นแบบนี้”
เฉินเสียนตอบอย่างใจเย็น “นี่อาจเป็นผลของการใช้ผ้าห่มก็ได้ ผ้าห่มที่เย็นเมื่อห่มไว้ก็จะยิ่งเย็น ส้วนผ้าห่มที่ร้อน เมื่อห่มไว้ก็จะรู้สึกอบอุ่นขึ้น” ความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านออกจากร่างกายของเธอตอนนี้นั้น เธอเย็นชาจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารู้สึกหนาวหรือร้อน
ซูเจ๋อกล่าว “ถ้าเป็นเช่นนี้ และคืนนี้ก็มีข้อจำกัดอยู่ ก็คงต้องทำแบบนี้ไปก่อน ปิดตาเอาไว้ เดี๋ยวก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นเอง”
เฉินเสียนหลับตาของเธอ และมีรอยยิ้มออกมาบนริมฝีปาก และกล่าวว่า “ท่านจะพูดว่า เพียงแค่ข้านอนหลับ ข้าก็จะไม่รู้สึกหนาวแล้วใช่ไหม…”
ยังไม่ทันจะพูดจบ ซูเจ๋อก็ดึงผ้าห่มออก และขึ้นมาบนเตียงกอดเธอไว้บนเรือนร่างของเธอ