ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 525 ทำไม ท่านกลัวหรือ?
เฉินเสียนปลอมตัวอยู่ในค่ายทหารมานาน ตอนนี้ก็ได้เวลาโบกมืออำลาค่ายทหารแล้ว เมื่อเข้ามาในเมืองขุย ก็ควรที่จะจัดการกับตัวเองเสียหน่อย อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วค่อยนอนหลับสบายๆอย่างที่ควรจะเป็น
ก่อนที่เฉินเสียนจะมาถึง เหลียนชิงโจวที่ได้รับข่าวก่อนหน้านั้นแล้ว จึงได้จัดเตรียมหาที่พักในลานเล็กให้กับเธอและซูเจ๋ออย่างเหมาะสม เสื้อผ้าที่อยู่ภายในห้องนั้นถูกจัดไว้อย่างครบครัน ทั้งยังเตรียมถังน้ำใหม่พร้อมกับเติมน้ำร้อนไว้อีกด้วย
เหลียนชิงโจวเล่าว่าตอนที่อยู่ในเมืองเจียงหนานได้รับใยไหมมาจำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้ทำอะไร ในเวลานี้มีเฉินเสียนเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว จึงได้นำใยไหมนั้นมาทำชุดกระโปรงให้เธอได้สวมใส่ เธอสามารถใส่ชุดเหล่านั้นโดยที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละวันได้นานเป็นเวลาถึงหนึ่งหรือสองเดือนกันเลยทีเดียว
เฉินเสียนชำเลืองมองเขาแล้วยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น เงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้นว่า “เจ้านี่อวดร่ำอวดรวยเสียจริงนะ”
เหลียนชิงโจวพูด “ที่ไหนกันพ่ะย่ะค่ะ ต้องขอพระทัยองค์หญิงที่ให้โอกาสเช่นนี้กับกระหม่อม ทำให้กระหม่อมได้รับโชคลาภมาท่ามกลางความวุ่นวายเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
จะร่ำรวยมั่งคั่งแค่ไหน ตอนนี้ก็ไม่สามารถจะสนับสนุนกับความจำเป็นทางการเงินของกองทัพได้สินะ
หลังจากที่เหลียนชิงโจวได้จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้เธอเสียเวลาจึงได้ขอตัวทูลลาออกไป
เฉินเสียนขยับแขนขา บิดเอวไปมา เตรียมตัวที่จะไปปิดประตูแล้วถอดเสื้อผ้าอาบน้ำ
แต่ทว่าเมื่อเธอเดินไปถึงที่ประตู และกำลังจะปิดประตูแต่ยังไม่ทันได้ปิดสนิท ตอนนั้นเองเธอก็เห็นเงาดำแวบผ่านไป มีกลิ่นที่หอมสะอาดและสดชื่น ทันใดนั้นนั้นมือข้างหนึ่งก็ไปติดอยู่ที่ช่องประตู เธอจึงดันประตูเปิดออกไป
เมื่อตอนที่เฉินเสียนมองเห็นใบหน้าของซูเจ๋อผ่านช่องประตูได้อย่างไม่ชัดเจน เธอก็ขาดความมั่นใจขึ้นมาทันที
ชายหนุ่มผู้นี้นั้นรวดเร็วมาก เขาได้ชำระล้างร่างกายให้สะอาดเรียบร้อยแล้วเปลี่ยนชุดเครื่องแบบทหารนั้นออกไป ในเวลานี้เขาสวมใส่ชุดสีดำ ร่างกายมีกลิ่นอายที่หอมสะอาดจากการเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
เส้นผมส่วนที่แห้งครึ่งหนึ่งนั้นสยายลงมาบนไหล่มองดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย แต่บริเวณปลายผมก็ยังคงมีหยดน้ำติดอยู่ น้ำหยดลงมาบนเสื้อสีดำของเขาไม่นานก็ซึบซับหายไปโดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยไว้
ดวงตาเรียวยาวคู่นั้น ม่านตาสีดำดั่งน้ำหมึกและแววตาที่ยากจะพรรณนาออกมาได้
เฉินเสียนรู้สึกร้อนที่ทรวงอก พูดออกมาอย่างจุกแน่นที่คอว่า“ท่านมาทำอะไร เวลานี้ท่านควรจะพักผ่อนอยู่ที่ห้องของท่านไม่ใช่หรือ รีบปล่อยมือออกไป!”
ซูเจ๋อพูดเสียงเบาว่า“ทำไม ท่านกลัวหรือ?”
“ข้ากลัวที่ไหนกัน เพียงแต่ตอนนี้ข้าจะปิดประตูแล้วไปอาบน้ำ!”
“เปิดประตูออก”ซูเจ๋อพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“ข้าไม่!”ซูเจ๋อจึงใช้มือข้างหนึ่งดันประตูอยู่ด้านนอก เฉินเสียนรู้ว่าแรงเขามากกว่าเธอ เธอจึงต้องใช้สองมือเพื่อที่จะปิดประตู
เวลานั้นในใจของเธอก็เกิดความสับสนไม่แน่ชัด ว่าทำไมต้องกลัวเขา ความรู้สึกเช่นนี้มันเหมือนกับ——一คนคนหนึ่งที่กำลังเดินทางอยู่บนถนน เดิมทีก็ไม่ได้หวาดกลัวอะไร แต่เมื่อมีคนวิ่งตามมาทางด้านหลัง แล้วก็ยังไม่ทันได้รู้แน่ชัดว่าเขาวิ่งกันทำไม แต่ตัวเองก็ควบคุมไม่ได้ที่จะไม่วิ่งตามเขาไป
ดังนั้นเมื่อซูเจ๋อยิ่งใช้แรงผลักประตู เธอก็ยิ่งต่อต้านที่จะดึงประตูปิด
ซูเจ๋อเลิกคิ้วขึ้น โดยที่รู้ว่าไม่สามารถจะออกแรงต่อสู้อย่างรุนแรงได้ เขาจึงผ่อนแรงลงในทันที ทำให้เฉินเสียนนั้นยึดครองประตูได้สำเร็จ
ซูเจ๋อพูดเสียงเบาว่า“ท่านหนีบมือข้าแล้ว”
เฉินเสียนมองอย่างละเอียด มือของซูเจ๋อนั้นโดนหนีบเข้าที่ช่องประตูจริงๆ เธอตกใจจึงลดการต่อต้านลง มือทั้งสองปล่อยออกจากประตู แล้วไปคว้ามือของเขาขึ้นมาสำรวจ เอ่ยขึ้นอย่างกังวลใจว่า “เป็นอย่างไรบ้าง?หนีบเข้าเนื้อท่านหรือไม่?ท่านบาดเจ็บตรงไหน?”
มือที่งดงามเช่นนี้ ถ้าเป็นเพราะว่าเธอได้ทำให้เกิดรอยแผลขึ้น นั่นก็คงจะเป็นความผิดของเธอ
ซูเจ๋อก้าวเท้าเข้าไปในห้องนอนของเธออย่างสุขุมโดยที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้น เมื่อเห็นท่าทางของเธอที่กำลังวิตกกังวลอยู่นั้น จึงหรี่ตามองแล้วก็รู้สึกว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลดีนัก
ซูเจ๋อขยับนิ้วมือ เลิกคิ้วแล้วเอ่ยว่า“มองแล้วก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก”
เมื่อเฉินเสียนได้สติกลับมา ก็พบว่าซูเจ๋อนั้นได้เข้ามาในห้องของเธอเรียบร้อยแล้ว เขาหันหลังกลับไปปิดประตูอย่างสบายๆ ราวกับเป็นห้องของตัวเอง
เฉินเสียนถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ท่านตั้งใจจะเบี่ยงเบนความสนใจของข้า?”
“ไม่เช่นนั้นท่านจะยอมปล่อยมือหรือ”
“ท่านมันเจ้าเล่ห์นัก”
จะทำอย่างไรได้ในเมื่อซูเจ๋อเดินเข้าไปในห้อง เฉินเสียนจึงเดินตามมาด้านหลัง เธอพูดขึ้นอย่างขาดความมั่นใจว่า “ข้าจะไปอาบน้ำแล้ว ถ้ามีเรื่องอะไรพรุ่งค่อยคุยกันก็ได้?”
ซูเจ๋อเดินขยับเข้าไปใกล้ทำให้เธอเดินถอยหลังไปติดกำแพง ความสูงปกคลุมร่างของเธอไว้ แฝงไปด้วยอารมณ์ที่กดขี่ข่มเหง เขาโน้มตัวลงแล้วใช้ข้อศอกดันไว้ที่กำแพง จ้องมองเธอแล้วพูดว่า “วันนี้ต้องกินข้าว ท่านจะรอให้ถึงพรุ่งนี้แล้วค่อยกินหรือ?”
เฉินเสียนโต้ตอบกลับอย่างแข็งทื่อว่า“ท่านชอบเถียงข้างๆคูๆ จะเอาของกินมาเปรียบเทียบกับเรื่องงานได้อย่างไร เรื่องสามารถเก็บไว้วันพรุ่งนี้ก็ได้ ส่วนเรื่องอาหารนั้นถ้ารอให้ถึงวันพรุ่งนี้ก็คงจะเสียก่อนแล้วกระมัง”
เฉินเสียนยื่นมือไปผลักเขา ไม่เพียงแต่ผลักไม่ไปเขากลับขยับเข้ามาใกล้ทีละนิดทีละนิด ได้ยินเสียงซูเจ๋อพูดว่า “จริงๆแล้วใครกันแน่ที่ชอบเถียงข้างๆคูๆ โชคดีที่ท่านยังรู้ว่าข้ามาหาเพราะเรื่องอะไร ท่านลองเปลี่ยนเรื่องพูดไปเรื่อยเปื่อยอีกสิ”
ความร้อนปะทะเข้าที่ใบหน้าเฉินเสียน เธอจึงพูดอย่างเงียบๆว่า “เดี๋ยวน้ำในถังน้ำจะเย็นหมดแล้ว……”
“ข้าสั่งให้เหลียนชิงโจวนำน้ำต้มเดือดมาให้ ตอนนี้ท่านจะกระโดดลงไปอาบหรือ?”
“……”เฉินเสียนหันไปมองที่ถังน้ำ ขณะนี้น้ำนั้นยังมีไอร้อนขึ้นมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด เธอไม่ได้ทันได้สังเกตในจุดนี้ก่อน ถ้าเกิดอาบน้ำต้มเดือดๆไปขึ้นมาจริงๆ ผิวหนังของเธอคงต้องหลุดลอกออกหมดเป็นแน่
มองแล้วก็คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งเพื่อให้น้ำนั้นมีอุณหภูมิที่เหมาะสมในการที่จะอาบน้ำ
ชายหนุ่มผู้นี้ คงจะคำนวณเวลาไว้แล้วเรียบร้อย
“ถ้าเช่นนั้นท่านมีเรื่องอะไรก็พูดมา”เฉินเสียนกัดฟันแน่นพูดอย่างเรียบเฉย “ข้ารู้ว่าท่านมาเอาคืนข้า!ถึงอย่างไรการยืดหน้ารับผิดหรือหลบหนีก็โดนจัดการอยู่ดี” เธอขมวดคิ้วแน่น มองไปยังซูเจ๋อแล้วพูดขึ้นอีกว่า“ให้ข้าไปเอากระดานซักผ้ามาแล้วนั่งคุกเข่าคุยกันดีหรือไม่?”
“คุกเข่าให้ใคร?”
เฉินเสียนละสายตา ยากที่จะต่อต้านกับเขาที่ขยับเข้ามาใกล้จนทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว “ก็ท่านนะสิ แน่นอนว่าต้องเป็นท่านที่คุกเข่าให้ข้า!”
ซูเจ๋อเลิกคิ้วแล้วพูดว่า“ท่านคือองค์หญิง อนาคตก็คือจักรพรรดินี จะมาคุกเข่าได้อย่างไรกัน”เขากระซิบแนบหูของเฉินเสียน หายใจรอบๆหูทำให้เธอรู้สึกถึงอันตราย
เฉินเสียนหันข้างแล้วกัดฟันแน่นพูดขึ้นว่า“ ไม่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าควรจะต้องคุกเข่า”
แม้ว่าซูเจ๋อจะยังได้ลงมือทำอะไร แต่เฉินเสียนนั้นก็รับรู้ได้ว่าเขาโกรธขึ้นมาจริงๆ เป็นครั้งแรกที่เฉินเสียนพบว่า เธอสมควรตายอย่างได้รับการทารุณ นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะเต็มใจยินยอมรับมัน !
ครั้งนี้เธอคงจะทำให้ซูเจ๋อเป็นกังวลอย่างมาก เมื่อตอนที่เขากลับมาแล้วไม่เจอเธอ เขานั้นร้อนใจเป็นอย่างมาก
เช่นนั้นมันเหมือนกับไปทำลายความรู้สึกของอีกฝ่าย เฉินเสียนก็รู้สึกเป็นทุกข์ใจจริงๆ เฉินเสียนคิดไว้แล้วว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปขอโทษเขาดีๆ เพราะเป็นเธอเองที่ตัดสินใจทำไปโดยพลการ โดยไม่ได้บอกกับเขาไว้ก่อนล่วงหน้า เธอจึงยอมรับผิด
ถึงอย่างไรก็หลบหนีไม่พ้น เฉินเสียนก็ไม่ได้คิดจะหลบหนีอยู่แล้ว สิ่งที่เธอกำลังคิดในตอนนี้ก็คือทำให้ความโกรธของซูเจ๋อนั้นลดลง เพื่อบรรเทาความกระวนกระวายใจของเขา
ส่วนเรื่องคุกเข่าบนกระดานซักผ้านั้น……เฉินเสียนก็พูดไปอย่างไม่ได้คิดอะไร เพราะคนที่ต้องคุกเข่าก็ต้องเป็นผู้ชาย จะเป็นผู้หญิงไปได้อย่างไร
ใครจะไปคิดว่าซูเจ๋อจะยิ้มให้กับเธอ แล้วเอ่ยว่า“ก็ดี ในเมื่อมันเป็นความต้องการอย่างจริงใจของท่าน ถ้าเกิดว่าข้าไม่ยอมให้ท่านคุกเข่า มันก็จะดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร คุกเข่าบนกระดานซักผ้านั้นก็ยังดีกว่าแนบชิดไปกับกระดาน”