ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 591 ก่อให้เกิดความผิดที่ยิ่งใหญ่
ซูเจ๋อกล่าวอย่างราบเรียบว่า “เรื่องของกษัตริย์เกี่ยวเนื่องกับเรื่องราชสำนัก ข้ามิได้สนใจเรื่องราชสำนักเป็นเวลานานแล้ว เกรงว่าใต้เท้าซวีถามผิดคนแล้ว”
ซวีเวยหน้าเหวอ สีหน้าดูมิได้กล่าวว่า “หรือว่าใต้เท้าซูต้องการมองฝ่าบาทเดินทางผิดแล้วหวนกลับมามิได้หรือ?”
ซูเจ๋อกล่าวว่า“ข้าช่วยฝ่าบาทขึ้นราชบัลลังก์ หากช่วยพระองค์วางแผนนับต่อจากนี้ตลอดชีวิต เกรงว่าใต้เท้าทุกท่านก็จะไม่พอใจเหมือนกัน ข้าเข้ามาก็ผิด ถอยก็ผิด อยากให้ใต้เท้าซวีแนะนำ เช่นใดถึงจะไม่ผิด?”
ซวีเวยรู้ เขากับเหล่าขุนนางเฒ่าตั้งการ์ดป้องกันเกี่ยวกับเรื่องของซูเจ๋อ เรียกร้องมากเกินไปอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เรื่องจริงทำให้พวกเขาจำใจต้องเป็นเช่นนี้ เพราะการอยู่ของซูเจ๋อ ทำให้คนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ซวีเวยกล่าวว่า “ในเมื่อใต้เท้าซูมิได้สนใจเรื่องราชสำนัก ไม่ยินยอมทำให้ฝ่าบาทเลิกคิดอย่างเด็ดขาดได้ คนแก่อย่างข้าก็มิได้ฝืนใจ คนแก่อย่างข้าก็เห็นใต้เท้าซูถึงวัยที่ต้องแต่งงานแล้ว เหตุใดยังไม่แต่งภรรยาแล้วมีลูกล่ะ บุตรสาวครอบครัวตระกูลขุนนางในราชสำนักที่มีอายุเหมาะสม หากใต้เท้าซูพออกพอใจสามารถไปสู่ขอแต่งได้นะ ”
ซูเจ๋อยิ้ม แล้วกล่าวว่า "ใต้เท้ากลัดกลุ้มใจ ไม่เพียงแต่ต้องเป็นห่วงเรื่องวังหลังของฝ่าบาท วันนี้ยังต้องมาเป็นห่วงเรื่องแต่งงานของข้าอีก มิบังอาจ แต่เวลานี้ข้ายังมิอยากมีครอบครัว ขอบน้ำใจที่ใต้เท้าหวังดี"
สุดท้ายซวีเวยก็หน้าเย็นชาวูบลง มองดูอย่างนี้แล้วเขามาเกลี้ยกล่อมซูเจ๋ออยู่ในภาวะที่ลำบากแล้ว ล้มเหลว เขามิได้มีวิธีการอื่น ทำได้เพียงใช้วิธีสุดท้ายแล้วแหละ
ซวีเวยกวักมือเรียกผู้ติดตามที่อยู่ด้านนอกศาลา ในมือของผู้ติดตามถือกล่องหนึ่งอัน
ซวีเวยกล่าวว่า "วันนี้มาเยี่ยมเยือนถึงที่เรือน ได้ตระเตรียมของกำนัลเล็กๆน้อยๆ แม้ว่าจะคุยกับใต้เท้าซูไม่ได้จุดเดียวกัน แต่ของกำนัลนำมาแล้ว ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถนำกลับไปได้ ขอให้ใต้เท้าซูน้อมรับของกำนัลนี้ด้วยเถิดนะ"
เขาเปิดกล่องออก ด้านในกล่องเป็นชา ความหอมโชยเข้ามาในจมูก
ซวีเวยกล่าวอีกว่า "ข้ารู้ว่าใต้เท้าซูชอบดื่มชา สหายท่านหนึ่งที่ชอบดื่มชามอบให้คนแก่อย่างข้า บอกว่าปีนี้ตอนที่ไปพักร้อนอยู่กลางเขาได้เด็ดจัดทำเองกับมือเลย คนแก่อย่างข้าไม่ดื่ม เลยถือโอกาสมอบให้ใต้เท้าซูดื่มชิมรสชาติ และหวังว่าใต้เท้าซูจะไม่รังเกียจ "
ซูเจ๋อชำเลืองมองกล่องชา กล่าวว่า "ใต้เท้าซวีลำบากแล้ว เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้วนะ"
ซวีเวยกล่าวว่า "ใต้เท้าซูสมควรได้รับอย่างแน่นอน"หากเขาสามารถเกลี้ยกล่อมซูเจ๋อได้ เหตุใดจะต้องมอบชาอย่างนี้เล่า ชากล่องนี้เป็นเขาที่ไร้หนทางอย่างแท้จริง เลยจำใจจะต้องมอบให้
ในเมื่อตอนแรกได้สั่งให้ผู้ติดตามนำชาเข้ามา ซวีเวยก็เข้าใจตัวเองอย่างชัดเจนคร่าวๆแล้ว ครั้งนี้เขานั้นเกลี้ยกล่อมซูเจ๋อไม่ได้เลย
ซวีเวยกำลังจะลุกขึ้นกล่าวลา ทันใดนั้นซูเจ๋อกล่าวอย่างราบเรียบว่า "ใต้เท้ายินดีที่จะดื่มชาจอกนี้กับข้าหรือไม่?"
ซวีเวยชะงักงัน กล่าวว่า "ได้ฟังใต้เท้าซูพูดเรื่องเกี่ยวกับการชงชา คนแก่อย่างข้าหาที่ไหนไม่ได้แล้ว"
ทันทีหลังจากนั้นซูเจ๋อได้สั่งให้คนใช้ในเรือนเตรียมชุดเครื่องสำหรับใช้ดื่มชาและส่งมาที่ศาลานี้ ซูเจ๋อชงชาด้วยตนเอง ส่งมอบไปตรงหน้าของใต้เท้าซวี อีกหนึ่งจอกก็ให้ตัวเองดื่ม
ซวีเวยยกชาขึ้นมาดม แต่ทว่าจากเริ่มจนจบก็ไม่ได้ดื่ม เขามองเห็นกับตาว่าซูเจ๋อดื่มชานั่นเข้าไป ภายในใจรู้สึกสับสนวุ่นวายชั่วขณะ
ต่อมาซวีเวยรีบร้อนลุกขึ้นกล่าวลาทันที
ซูเจ๋อนั่งอยู่ในศาลาเพียงลำพังและได้นั่งอยู่ที่นั่นสักครู่หนึ่ง พ่อบ้านก็ส่งแขก กลับมารายงานว่า "ใต้เท้า ใต้เท้าท่านนั้นไปแล้วขอรับ"
ซูเจ๋อกล่าวว่า "ชานี้เป็นชาที่ดี แต่น่าเสียดาย"คำหลังเขาไม่ได้พูดอะไรต่อ
ผลสรุปวันต่อมา ข่าวคราวแพร่สะพัด ราชครูป่วยอย่างกะทันหัน แม้แต่หมอก็ตรวจหาสาเหตุของโรคมิได้
เฉินเสียนมาที่เรือนของซูเจ๋ออย่างรีบร้อน เห็นหมอกำลังออกมาจากห้องของเขา สอบถามการกินอาหารหลายวันติดต่อกันมานี้ของเขา พ่อบ้านกล่าวเพียงว่าอย่างอื่นเหมือนตามปกติทุกวัน แต่เมื่อวานนี้หลังจากดื่มชาที่หัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินมอบให้ ก็ป่วยแล้ว
เฉินเสียนกริ้วโกรธเป็นอย่างมาก รับสั่งทันที ว่าให้นำหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินไปขังคุกศาลยุติธรรมต้าหลี่ หลังจากนั้นค่อยไต่สวน
ตอนที่เฉินเสียนผลักประตูเข้ามา ตาแดงก่ำมองซูเจ๋อที่พิงอยู่บนเตียง สีหน้าสุขุมเยือกเย็น แต่ในสายตาของเฉินเสียน นั่นก็เป็นสีหน้าของคนป่วย
ไม่ง่ายที่ก่อนหน้าร่างกายของเขาทุเลาขึ้นมาเล็กน้อย วันนี้ทำให้เป็นเช่นนี้………
ซูเจ๋อกล่าวว่า "อาเสียน เข้ามาคุยกันหน่อยสิ"
เฉินเสียนลูบมือของเขา มืออุ่นนุ่มลื่น และลูบใบหน้าของเขาอีกด้วย ถามอย่างร้อนรนว่า "สรุปว่าท่านไม่สบายตรงไหนหรือ? ต้องมีลางใช่หรือไม่? ท่านระมัดระวังตลอดมา ไปดื่มชาของคนที่ส่งมอบมาให้ได้อย่างไรกัน?"
ซูเจ๋อมองเธอที่บ่นไม่หยุดปาก รู้สึกว่าได้รับผลประโยชน์ ริมฝีปากค่อยๆยิ้มอย่างอบอุ่นขึ้นมา แล้วกล่าวว่า "ท่านรู้ว่าข้าระมัดระวัง ยังร้อนรนอีกนะ"
เฉินเสียนชะงักกึก ดวงตาแดงก่ำมองเขาอย่างละเอียด กล่าวขึ้นว่า "ท่านไม่ได้ดื่มชานั่นหรือ?"
เขากอบกุมมือของเฉินเสียน แล้วกล่าวว่า "ใช่ ข้ากลัวตาย จะดื่มตามอำเภอใจได้อย่างไรล่ะ ชาที่ใต้เท้าซวีมอบให้ดีเลิศเป็นอย่างมาก "ซูเจ๋อพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ใต้เท้าซวีเห็นว่าเขาดื่มชานั่น ที่จริงเป็นความฉลาดหลักแหลมที่ได้ทิ้งน้ำชาบนแขนเสื้อของเขา
เฉินเสียนเข้าใจทันที เขาอยากจะยืมจังหวะโอกาสที่ใต้เท้าซวีมอบให้นี้ เพราะฉะนั้นเลยกล่าวอ้างออกไปด้านนอกว่าป่วยหนัก เฉินเสียนเงียบไปชั่วขณะ กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "ท่านทำให้ข้าตกใจแทบแย่ เรื่องชาข้าจะไปตรวจสอบให้ชัดเจน เป็นหัวหน้าผู้ตรวจการบ้านเมืองปกครองแผ่นดิน กล้าหาญที่จะวางแผนลอบสังหารท่าน การกระทำเช่นนี้ เกี่ยวกับส่วนบุคคลหรือเกี่ยวกับบ้านเมือง ข้าล้วนแล้วไม่สามารถให้อภัยโดยไร้หลักการได้"
ตั้งแต่เมื่อวานหลังจากที่ใต้เท้าซวีออกจากเรือนของซูเจ๋อไป ความรู้สึกสงบจิตใจนั้นก็ค่อยๆเลือนหายไป เขากลับรู้สึกว่าหงุดหงิดอยู่ไม่สงบสุข
กลับมาคิดอย่างละเอียด ซวีเวยรู้สึกว่าเรื่องราวคล้ายดั่งง่ายดายเกินไปอยู่บ้าง หากว่าซูเจ๋อตกหลุมพรางง่ายเช่นนี้ เช่นนั้นเขาก็ไม่ใช่ว่าควรจะตายไปหลายร้อยรอบแล้วหรืออย่างไร?
อีกทั้ง ซวีเวยไม่เพียงขบคิดไตร่ตรองขึ้นได้ ซูเจ๋อไปคนเชื้อเชิญเขาดื่มชาด้วยตนเอง หมายความว่าอย่างไร? เป็นการทำให้เขาเห็นกับตาว่าซูเจ๋อดื่มชานั่นลงไปต่อหน้าต่อตาเขาหรือ?
ซูเจ๋อจงใจทำเช่นนี้หรือ?
ซวีเวยคิดได้เช่นนี้ ทันใดนั้นทั้งตัวของเขามีเหงื่อเย็นยะเยือกออกมา เช่นนั้นจุดมุ่งหมายของซูเจ๋ออยู่ที่ไหนกัน?
เมื่อถึงช่วงเย็น เขาก็เริ่มเสียใจภายหลังขึ้นมา วิธีการเมื่อช่วงกลางวันไม่เหมาะสมอย่างแท้จริง เขาใช้การมอบชาเป็นกลอุบาย แต่ชากล่องนั้นอยู่ในเรือนของซูเจ๋อ หากต้องการสืบสวนขึ้นมาจริง นั่นก็เป็นหลักฐานที่แน่นอน!
ซวีเวยคิดมาโดยตลอด ยานั่นขององค์ชายหกแห่งเย่เหลียงไร้สีไร้กลิ่น น่าจะไม่ง่ายต่อการตรวจสอบหาออกมา อีกทั้งเขาใช้ในนามของสหายมอบให้ ทั้งหมดสามารถทำเป็นไม่รู้รายละเอียดข้อเท็จจริงแม้แต่น้อย
ความคิดแต่ละอย่างไหลมารวมกันอยู่ในสมองของซวีเวย เขาอยู่ในสภาพจิตใจที่รู้สึกว่าโชคดีอย่างไม่คาดคิด รอจนวันต่อมามีข่าวการป่วยหนักของซูเจ๋อแพร่สะพัด
ซวีเวยอยู่ที่เรือนไม่ได้ไปที่ราชสำนัก และได้ยินว่าหลังจากที่องค์จักรพรรดินีได้รับข่าวคราว ก็รีบร้อนไปที่เรือนของซูเจ๋อโดยทันที
ใจของซวีเวยกระวนกระวาย กำลังคิดจะไปเยี่ยมเยือนเฮ่อเซียงที่พักผ่อนอยู่ที่เรือน คิดไม่ถึงอยู่ประตูเรือนของตนเองแล้วก็ได้ถูกองครักษ์วังหลังจับตัวไว้ ไม่พูดไม่จาแม้แต่คำเดียวก็จับเขาเข้าไปในคุกของศาลยุติธรรมต้าหลี่เลย
รอหลังจากที่ซวีเวยเข้าคุกได้ยินเสียงโซ่เหล็กกระทบกัน ถึงได้กลับเนื้อกลับตัวใหม่โดยฉับพลัน คล้ายกับคนที่ทำผิดอย่างร้ายแรงไม่ใช่ซูเจ๋อ แต่เป็นเขา
เหล่าขุนนางเฒ่าในราชสำนักทราบเรื่องนี้ ได้ไปชุมนุมกันที่เรือนของเฮ่อเซียงโดยทันที
ตอนนี้แม้ว่าเฮ่อเซียงจะอยู่ที่เรือนถนอมดูแลสุขภาพร่างกาย แต่ก็ยังเป็นอัครเสนาบดีคนหนึ่งของราชสำนัก และเขาเป็นท่านพ่อของเฮ่อโยว แน่นอนเฮ่อโยวนั้นไม่ต้องพูดถึง อายุน้อยมีอนาคต นับว่าเป็นขุนนางข้างกายที่องค์จักรพรรดิโปรดปราณ หากมีเฮ่อเซียงนำหน้าไปขอร้องล่ะก็ องค์จักรพรรดินีเห็นแก่อายุของเฮ่อเซียงที่มากแล้วอีกทั้งเป็นท่านพ่อของขุนนางที่โปรดปราณ ไม่แน่ว่าอาจจะเมตตา
หลังจากที่เฮ่อเซียงทราบเรื่องนี้ ทอดถอนหายใจอยู่พักหนึ่ง ตั้งความหวังกับคนนั้นเป็นอย่างมาก กล่าวว่า "ข้ารู้ว่าใต้เท้าซวีเป็นคนนิสัยตรงไปตรงมาตั้งแต่ไหนแต่ไหนแล้ว ทนไม่ไหวที่มีเม็ดผงเข้าตา แต่เขารีบร้อนเช่นนี้ได้อย่างไร คิดไม่ถึงว่าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้!"