ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 592 มีเหตุผลก็เปลี่ยนกลายเป็นไร้เหตุผล
ขุนนางเฒ่าอีกคนกล่าวว่า "เฮ่อเซียงอย่างเพิ่งวู่วาม เรื่องราวยังไม่ได้มีการตัดสินชี้ขาด ไม่แน่อาจจะไม่ใช่เขาที่เป็นคนทำ"
เฮ่อเซียงกล่าวว่า "เมื่อวานเขาไปเยี่ยมเยือนใต้เท้าซูเป็นเรื่องที่ผิดนะ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการมอบชาหนึ่งกล่องเลย ไม่ว่าใต้เท้าซูจะดื่มชาของเขาแล้วป่วยหนักหรือไม่ ฝ่าบาทพูดนั่นก็คือความผิดของเขา นั่นเป็นความผิดของเขา!"
เฮ่อเซียงทอดถอนหายใจออกมา แล้วกล่าวขึ้นว่า "เรื่องของฝ่าบาทกับใต้เท้าซู เป็นเรื่องที่ผิดจรรยาบรรณ เดิมทีหลักเหตุผลอยู่ที่ฝั่งของพวกเรา ตอนนี้แย่แล้ว ทำให้ใต้เท้าซวีก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ หลักเหตุผลก็ไม่ได้ยืนอยู่ที่ฝั่งเราแล้ว กล้าที่จะทำลายขุนนางคนสำคัญของราชสำนัก อีกทั้งยังเป็นราชครูของฝ่าบาท เช่นนั้นเป็นการลงโทษความผิดพลาดอะไร? หากใต้เท้าซูปั้นเรื่องเลียนแบบทำตามกฎหมายของต้าฉู่จริง ใต้เท้าซวีก็ต้องชดเชยแสดงการขอโทษด้วยชีวิตนั่น"
บรรดาเหล่าขุนนางเฒ่าร้อนใจจนไร้หนทาง กล่าวว่า "เพราะฉะนั้นพวกข้าเลยมาเชิญให้ท่านออกหน้า!"
เฮ่อเซียงกล่าวว่า "ทำให้ชัดเจนก่อน ท้ายที่สุดแล้วชานั่นมีความแปลกประหลาดหรือไม่ หากมีสิ่งของผสมปะปนจริง ของนั่นมาจากที่ใด นั่นก็จะมีวิธีช่วยเหลือ "เขาเอามือไขว้หลังทอดถอนหายใจออกมา แล้วกล่าวอีกว่า "เรื่องที่ผิดจรรยาบรรณ พวกท่านควรหยุดก็หยุด สุดท้ายวุ่นวายจนเอาชีวิตคน มันดีต่อบ้านเมืองต้าฉู่จริงหรือ?"
เขาหันกลับมามองเหล่าขุนนางเฒ่า แล้วกล่าวว่า “ซูเจ๋อเป็นราชครูของฝ่าบาท ถึงแม้เขาไม่อยู่ที่ราชสำนัก ไม่ได้สนใจเรื่องราชสำนัก ชื่อเสียงและความนิยมของเขาในหมู่อาณาประชาราษฎร์ก็ไม่สามารถประเมินค่าต่ำได้ ปีนี้การสอบขุนนางระดับเคอจี่ของแต่ละสถานที่ทยอยจบลงแล้ว อีกสองเดือนก็เป็นเมืองหลวง มีบัณฑิตจำนวนเท่าไหร่กันเข้ามาเมืองหลวงเพื่อเคารพเขา หากเขาเป็นสิ่งใดไป พวกท่านหวังว่าต้าฉู่นอกจากเขาแล้วต่อไปก็ไม่มีคนฉลาดหลักแหลมทำงานเก่งอีกแล้วใช่หรือไม่?”
บรรดาเหล่าขุนนางเฒ่าเงียบกริบไม่กล่าวอะไร
และเวลานี้ ด้านนอกมีเสียงหัวเราะดังเข้ามา "ไอ๋หยา วันนี้วันอะไรกัน บรรดาท่านลุงอยู่กันหมดเลย "
ทุกคนชำเลืองมองด้านนอก เห็นในมือของเฮ่อโยวอุ้มหมวกขุนนางอยู่ ทั้งตัวสวมใส่ชุดเครื่องแบบขุนนางกลับมาจากด้านนอก รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาทำให้กลุ่มขุนนางเฒ่ารู้สึกได้ถึงความไม่สบอารมณ์ คล้ายดั่งถูกเรียกจับโจรผู้ร้าย
เฮ่อโยวเป็นคนข้างกายขององค์จักรพรรดินี เหล่าขุนนางเฒ่าป้องกันไว้เล็กน้อย ครั้นแล้วเรื่องนี้ก็ถูกพูดถึงตรงนี้ บนใบหน้าของเหล่าขุนนางเฒ่าก็หัวเราะ ฮ่าๆๆออกมา แล้วกล่าวว่า "อ้าว หลานชายที่มีเกียรติกลับมาแล้ว พวกข้ากำลังคิดที่จะเล่นหมากรุกกับท่านพ่อของเจ้าเลย"
เฮ่อโยวขึ้นบันไดมา แล้วยิ้มตาหยีไปด้วย กล่าวว่า "บรรดาท่านลุงคนเยอะแรงกำลังมาก นี่ไม่ใช่การกลั่นแกล้งท่านพ่อของข้าหรือ นี่ต้องจัดวางกระดานใหญ่แค่ไหนถึงจะพอล่ะ"เขายืนอยู่ใต้ชายคา มองท้องฟ้า แล้วกล่าวอีกว่า "อ้อ จะถึงเวลาอาหารมื้อค่ำแล้ว บรรดาท่านลุงอยู่กินข้าวด้วยกันเถิดนะ หลานจะดื่มเป็นร่วมกับพวกท่านหนึ่งจอก"
"ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องหรอก ข้านึกได้ว่าที่เรือนมีภารกิจ ก็ขอตัวลาก่อนนะ"
"บังเอิญจริง เรือนข้าก็มีภารกิจเล็กน้อย"
ไม่นานกลุ่มขุนนางเฒ่าก็ออกไปกันหมดแล้ว เหลือไว้เพียงเฮ่อโยวกับเฮ่อเซียงที่อยู่ห้องโถงมองสบตากันไปมา
เฮ่อเซียงบ่นขึ้นว่า "ยากที่วันนี้ข้าจะได้ชุมนุมกันกับพวกเขา วันนี้เจ้ากลับมาไวเกินไปใช่หรือไม่? "
เฮ่อโยวนั่งลง แล้วดื่มชา แผ่หลาบนเก้าอี้ไม้แบบโบราณ กล่าวอย่างเอ้อระเหยว่า "ข้าไม่รีบกลับมาไวๆได้หรือ? ช้าอีกหน่อย ท่านก็ถูกคนแก่กลุ่มนั้นลากเข้าไปในท่อระบายน้ำใต้ดินนั่นก็ยากที่จะจัดการแล้ว"
เฮ่อเซียงกลัดกลุ้มใจอยู่พักหนึ่ง ชำเลืองมองเฮ่อโยวแล้วกล่าวว่า "เรื่องวันนี้ เจ้าจะไม่ไปกราบทูลต่อฝ่าบาทใช่หรือไม่?"
"หากพวกท่านไม่ได้ทำเรื่องที่ขัดต่อความชอบธรรม ยังกลัวข้าไปกราบทูลหรือนี่? "เฮ่อโยวนำถ้วยชาวางลง กล่าวว่า "เดิมทีจุดยืนต่างกัน ทุกคนล้วนไม่ได้ผิดใหญ่หลวงอะไร แต่ครั้งนี้คาดไม่ถึงว่าใต้เท้าซวีจะเลอะเลือนถึงเช่นนี้ ทำเกินไปอย่างแท้จริง หากท่านไปอ้อนวอน เรื่องเกี่ยวกับราชครูขององค์จักรพรรดินี ฝ่าบาทไม่มีทางไว้หน้าท่านหรอกนะ "
"เช่นนั้นถึงอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะมองใต้เท้าซวีรับโทษต่อหน้าต่อตาหรอกนะ"เฮ่อเซียงรู้สึกลำบากใจ เขาไม่สามารถเห็นคนตายแล้วไม่ช่วยเหลือ แต่ก็ไม่อยากเป็นฝ่ายตรงข้ามกับบุตรชาย
เฮ่อโยวมองเฮ่อเซียง ยิ้มอย่างเอ้อระเหยกล่าวว่า "นี่ก็ต้องดูว่าบรรดาท่านลุงจะทำเช่นไรแล้วล่ะ อยากรักษาชีวิตของใต้เท้าซวีหรือว่ารักษาตำแหน่งจุดยืน เรื่องนี้ท่านอย่าเป็นทุกข์เลย ถึงอย่างไรบรรดาท่านลุงก็ต้องลงจากราชสำนัก ท่านไม่ใช่พูดแล้วหรือว่าอนาคตบนพื้นพิภพนั้นเป็นพื้นพิภพของคนอายุยังน้อย"
เฮ่อโยวพูดจบ ลุกขึ้นยืนเคลื่อนไหวร่างกายสักครู่ แล้วก็เดินออกไปด้านนอกห้อง และยังคงกล่าวว่า "เหงื่อออกทั้งตัว ข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายก่อนค่อยมากินอาหารมื้อเย็นนะ"
เฮ่อเซียงมองแผ่นหลังของคนอายุยังน้อยนั้น หมกมุ่นอยู่กับความคิดไตร่ตรอง
หากองค์จักรพรรดินีไม่คำนึงถึงจรรยาบรรณคบหากับราชครูโดยไม่คำนึกถึงความสัมพันธ์ของมนุษยชาติเป็นสัจธรรมที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้จริง เรื่องนี้เดิมเฮ่อเซียงก็ไม่ได้เห็นด้วย คำพูดของเฮ่อโยวมีเหตุผลอยู่บ้าง จุดยืนไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง ทุกคนล้วนไม่มีความผิด
แต่วันนี้องค์จักรพรรดินียังไม่ได้ไม่คำนึกถึงผลที่ตามมาแล้วยึดมั่นในตนเองนำราชครูเข้ามาที่วังหลังเลย บรรดาขุนนางเฒ่าก็นั่งไม่ติดชิงลงมือกับราชครูก่อนแล้ว พวกเขาไม่มีเหตุผลแล้วจริงๆ ต้องการรักษาชีวิตของหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดิน พลังของขุนนางเฒ่ากลุ่มนี้ก็ลดต่ำลงเป็นอย่างมาก จุดยืนก็ทำให้ยืนไม่มั่นคง แต่หากต้องสูญเสียชีวิตของใต้เท้าซวีจริง ความสัมพันธ์กษัตริย์กับขุนนางก็ไม่มีทางอบอุ่นปรองดองได้
ก่อนอื่นเฉินเสียนตรวจสอบกล่องชาที่เป็นเงื่อนงำนั่นก่อน ชาสดใหม่เขียวมันขลับกลิ่นหอม อาศัยการดมและมองยากที่จะพบว่าชานี้มีความผิดปกติมาก หลังจากที่ต้มน้ำชาแล้วนอกจากความหอมและสีของชา ก็ยากที่จะแยกแยะสิ่งอื่น
แม้ว่านำเข็มเงินลองหย่อนลงไป ก็ไม่ได้เปลี่ยนสี
ตั้งแต่ต้นจนจบซวีเวยที่อยู่ในศาลยุติธรรมต้าหลี่ยืนกรานไม่เปลี่ยนแปลง เขาเพียงแค่มอบชาใหม่ให้หนึ่งกล่อง เรื่องอื่นไม่รู้อะไรทั้งนั้น
ทันทีหลังจากนั้นหมอหลวงได้นำหนูมาหนึ่งตัว นำน้ำชากรอกเข้าไปในท้องของหนู ไม่นานชั่วประเดี๋ยวเดียว หนูก็เกิดอาการชักแล้วตายไป
บนห้องไต่สวนของศาลยุติธรรมต้าหลี่ เฉินเสียนบัญชาด้วยตัวเอง ให้ซวีเวยมองเห็นหมอหลวงต้มชาด้วยตาของเขาเอง มองเห็นด้วยตาว่าหนูตัวนั้นถูกกรอกน้ำชาหลังจากนั้นก็ตาย
เฉินเสียนกล่าวถามอย่างอึมครึมว่า "เรื่องมาถึงวันนี้ หลักฐานชัดเจน เจ้ายังมีสิ่งใดจะพูดอีก!"
"กระหม่อมไม่รู้เรื่องอะไรเลยพ่ะย่ะค่ะ ขอฝ่าบาทโปรดมองทะลุปรุโปร่ง!"
เฉินเสียนกล่าวว่า "เจ้าไม่รู้ไม่ต้องรีบ ถึงอย่างไรต้องมีผู้รู้ว่าผลสุดท้ายแล้วชากล่องนี้มาได้อย่างไร "ซวีเวยสีหน้าเปลี่ยน ตามด้วยได้ยินเฉินเสียนกล่าวว่า"เอาคนเข้ามาได้!"
พอซวีเวยหันกลับมอง เห็นภรรยาของตนเองพาหลานที่อายุยังไม่ครบสิบขวบสองคนเข้ามาที่ห้องไต่สวนศาลยุติธรรมต้าหลี่ หลังจากที่เข้ามา ทั้งสามคนคุกเข่าลงในห้องไต่สวนอย่างหวาดกลัว
เฉินเสียนกล่าวว่า "หลักฐานข้าตรวจสอบรู้ทั้งหมดแล้ว ใบชากล่องนี้เป็นตอนใต้เท้าซวีที่ปีนี้ไปพักร้อนที่กลางภูเขาแล้วพาหลานเก็บมา หากว่าเจ้าไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น นั่นก็เป็นหญิงและเด็กน้อยนี่ที่เป็นบุคคลที่มีพิษภัยต่อผู้อื่น!"
พอซวีเวยฟัง สีหน้าก็ซีดเผือด กล่าวว่า"ทำผิดผู้เดียวก็ต้องรับผู้เดียวอย่าเอาครอบครัวมาเกี่ยว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ขอฝ่าบาทโปรดมองทะลุปรุโปร่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
เฉินเสียนหรี่ตามองกล่าวด้วยความเย็นชาว่า"ซวีอ้ายชิง เจ้าต้องรู้วางแผนเพื่อลอบสังหารขุนนางคนสำคัญ ควรจะถูกตัดสินลงโทษอย่างไร?"
"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ……."
"ข้าสามารถให้โอกาสเจ้าได้ พุดเรื่องนี้ออกมาทั้งหมด ข้าสามารถพิจารณาเรื่องราวตามเหตุการณ์ได้ ราชครูร่างกายได้รับพิษ ข้าต้องการให้เจ้าพูดยาถอนพิษออกมา มิฉะนั้นราชครูตาย เจ้าทั้งครอบครัว ก็จะถูกตัดสินลงโทษตามกฎหมายของต้าฉู่"
ซวีเวยคุกเข่าอยู่บนพื้น โทรมเป็นอย่างมาก กล่าวคลุมเครือซ้ำไปซ้ำมาว่า "ทั้งหมดเป็นความผิดของกระหม่อม ไม่เกี่ยวกับครอบครัว…..ไม่เกี่ยวกับพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ……."