ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 64 ได้สิ่งที่ตนต้องการ
หัวใจเซียงซั่นเต้นแรงทันใด นางมองสีหน้าท่าทางเฉินเสียน นางรู้ว่าเฉินเสียนไม่จำเป็นต้องกลัวหลิ่วเหมยอู่ แต่ในขณะนั้นนางกลับกลัวเฉินเสียนอย่างแท้จริง
เมื่อเฉินเสียนพูดแบบนี้ เซียงซั่นก็เข้าใจทันที “พระองค์หมายความว่าอย่างไรเพคะ?”
“หากเจ้าอยากเป็นสาวใช้ที่นี่ตลอดชีวิตจนถูกทรมานถึงตาย ข้าก็ไม่ถือสา” เฉินเสียนหรี่ตามองสำรวจนาง “หากเจ้าอยากได้ชีวิตที่ดีคืนกลับมา ข้ายังมีทางให้เจ้าเดิน”
เซียงซั่นเม้มปาก “พระองค์ตั้งใจจะทำอะไรหรือเพคะ? ”
“ตอนนี้เจ้าเสียโฉมแล้ว ถือว่าเป็นความบาดหมางระหว่างข้ากับเจ้า ต้องการเริ่มจากตอนต้นหรือไม่ อยู่ที่เจ้าตัดสินใจ” เฉินเสียนขมวดคิ้วอย่างชั่วร้าย “ข้าให้เจ้าอยู่ในสายตาฉินหรูเหลียงได้อีกครั้ง ถึงขนาดให้เจ้าเป็นภรรยาคนที่สามของจวนแม่ทัพได้เลย”
เซียงซั่นมองเฉินเสียนด้วยความตกตะลึง ความมั่นใจหลั่งไหลออกมาจากตัวนาง ทำให้เซียงซั่นเชื่อมั่นในตัวเธออย่างลึกลับ ตราบใดที่เธอพูดออกมาได้ ก็ต้องทำได้อย่างแน่นอน!
เซียงซั่นระงับความตกใจเอาไว้ กล่าวขึ้น “ตอนนี้สภาพหม่อมฉันเป็นเช่นนี้ ท่านแม่ทัพจะมองหม่อมฉันได้อย่างไรเพคะ?”
“เรื่องนี้ยากที่ไหนกัน แค่กำจัดรอยแผลเป็นบนใบหน้าเจ้าก็พอแล้ว”
เซียงซั่นเอ่ยประชดประชัน “แต่ตอนนี้รอยแผลเป็นบนใบหน้าองค์หญิงยังสะดุดตาเช่นนี้ มีความสามารถอะไรในการลบรอยแผลเป็นบนใบหน้าหม่อมฉันเพคะ?”
เฉินเสียนยกมือขึ้นปิดรอยแผลเป็นบนใบหน้า เซียงซั่นเบิกตากว้าง ใต้รอยแผลเป็นนั้นไม่มีร่องรอยใดๆ ใบหน้าเฉินเสียนเนียนกริบ ใบหน้านางหายดีตั้งนานแล้ว!
อวี้เยี่ยนเป็นคนใส่รอยแผลเป็นให้เฉินเสียนอย่างพิถีพิถันด้วย
“ตอนนี้เชื่อหรือยัง? ”
เซียงซั่นไม่ตอบ
เฉินเสียนกล่าวอีกครั้ง “บนโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่เหมยอู่เพียงคนเดียวที่มัดใจผู้ชายได้ ถ้าหากเจ้าต้องการ เจ้าก็ทำได้ ถึงแม้ตอนแรกหัวใจชายคนนั้นไม่ได้อยู่ที่เจ้า แต่เจ้าควบคุมร่างกายส่วนล่างของผู้ชายได้ เรื่องนี้เจ้าก็มีประสบการณ์มาแล้วไม่ใช่หรือ เจ้าไม่เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ‘เมื่อวันเวลาผ่านไปก็ค่อยๆ เกิดเป็นความรัก’ หรือ? ”
สีหน้าเซียงซั่นเปลี่ยนไป “องค์หญิงกำลังล้อหม่อมฉันเล่นใช่ไหมเพคะ”
เฉินเสียนกล่าว “ล้อเล่นหรือเปล่า เจ้าชั่งน้ำหนักเอง หากเจ้าชนะหลิ่วเหมยอู่ ในอนาคตหากข้าออกไปจากจวนแม่ทัพ เจ้าก็จะได้เป็นนายหญิงที่แท้จริงแห่งจวนแม่ทัพ”
เซียงซั่นจะไม่ใจเต้นได้อย่างไร นางสามารถเข้าใกล้ฉินหรูเหลียงได้อีกครั้ง เป็นภรรยาคนที่สามได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ นางสามารถกลับไปยืนต่อหน้าหลิ่วเหมยอู่ได้อย่างตรงไปตรงมา
หากหลิ่วเหมยอู่เจอนาง จะต้องกังวลจนนอนไม่หลับกระมัง!
เฉินเสียนค่อยๆ ลุกขึ้นกล่าว “ข้าให้เวลาเจ้าพิจารณา หากแน่ชัดแล้ว ก็มาหาข้าที่สวนสระวสันตฤดู”
พูดจบ เฉินเสียนก็พาอวี้เยี่ยนหันตัวเดินจากไป
เซียงซั่นรู้ อย่าละทิ้งโอกาสเพราะเวลาไม่หวนคืน วันนี้หากเฉินเสียนไปแล้ว นางจะมีโอกาสที่ไหนออกจากที่นี่ไปสวนสระวสันตฤดูเพื่อพบนาง
เดินได้สองก้าว เซียงซั่นก็พูดขึ้นตามหลัง “ทำไมพระองค์ต้องการช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ?”
เฉินเสียนหันศีรษะไปพูด “ทำไมหรือ? แน่นอนเพราะข้าพอใจ แต่ช่วงนี้เหมยอู่ทำให้ข้าไม่พอใจจริงๆ ”
เซียงซั่นเข้าใจทันที กล่าวขึ้น “ได้เพคะ เส้นทางที่ท่านมอบให้ข้า ข้าจะเดินเพคะ”
เฉินเสียนเดินกลับไปอีกครั้ง ก่อนกล่าวขึ้น “อย่าหาว่าข้าไม่ได้เตือนเจ้า เมื่อเจ้ากลับไปครั้งนี้ หากยังหวนถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างเจ้านายและบ่าวกับเหมยอู่ล่ะก็ ถูกลิขิตให้ต้องทนทุกข์ ตราบใดที่เจ้าอยากเป็นภรรยาคนที่สาม นางก็จะเห็นเจ้าเป็นศัตรู ต้องการฆ่าเจ้าให้ตาย”
เซียงซั่นสัมผัสใบหน้าตนเอง ความเกลียดชังหลั่งไหลออกมา กล่าวขึ้น “เพราะนางทำให้ข้าเป็นเช่นนี้ นางไม่เห็นข้าเป็นคน แล้วทำไมข้าต้องเห็นนางเป็นคนด้วยเพคะ! ข้าจะต้องทำให้นางเสียใจแน่นอนเพคะ!”
สิ้นสุดคำพูด เฉินเสียนก็ยื่นมือเย็นยะเยือกไปสัมผัสใบหน้าเล็กของเซียงซั่นจากคาง
เซียงซั่นตกใจ ถูกบังคับให้เงยหน้ามองเธอ
เฉินเสียนกล่าวเบาๆ “งั้นเจ้าฟังข้าให้ดี หลังจากกลับไปแล้ว หากเจ้ากล้าล้างแค้นผู้มีพระคุณต่อเจ้า ข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้นๆ ให้หมากิน”
สีหน้าเซียงซั่นซีดขณะกล่าวขึ้น “บ่าวรู้ว่าองค์หญิงไม่รักท่านแม่ทัพแล้ว องค์หญิงไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆกับบ่าว ในตอนนี้ผู้ที่ทำให้บ่าวทนไม่ได้ไม่ใช่องค์หญิง แต่เป็นหลิ่วเหมยอู่ บ่าวไม่มีทางเป็นปฏิปักษ์กับองค์หญิงเพคะ! เซียงซั่นสาบาน ณ ที่นี้ หากผิดคำสาบาน ฟ้าดินจะต้องลงโทษเพคะ!”
เฉินเสียนปล่อยนางไป กล่าวขึ้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เจ้าเข้าใจแล้วก็ดี ต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับความสามารถเจ้า ข้าจะรอให้ฉินหรูเหลียงออกตัวยอมรับเจ้าในฐานะภรรยาคนที่สาม อวี้เยี่ยน นำขี้ผึ้งหอมมาให้นาง”
อวี้เยี่ยนหยิบกล่องยาขี้ผึ้งออกมาจากแขนเสื้อ ในยาขี้ผึ้งมีเครื่องเทศพิเศษ ตัวขี้ผึ้งเป็นสีชมพู กลิ่นหอมอ่อนๆ และสวยงามเป็นพิเศษ
เฉินเสียนกล่าวขึ้น “ขี้ผึ้งหอมอันนี้เจ้าทาวันละสามหน หลังจากหนึ่งเดือนรอยแผลเป็นก็จะหายไป หลังจากใบหน้าเจ้าฟื้นฟู เจ้ายังใช้สีแดงทาได้ มันจะทำให้ผิวพรรณเจ้าขาวอมชมพูสุขภาพดี”
เซียงซั่นรับมาเหมือนเป็นสมบัติ กล่าวอย่างเคารพ “ขอบพระคุณเพคะองค์หญิง”
หลังจากประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่ แต่ละตำแหน่งก็เปลี่ยนแปลง เฉินเสียนเต็มใจช่วยเหลือนาง นางจึงเคารพนับถือเฉินเสียนเพิ่มขึ้น ไม่กล้าไม่เคารพเหมือนในอดีต
พูดแล้วก็น่าขัน ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างเจ้านายและบ่าวรับใช้ในขณะนี้กลายเป็นศัตรู ศัตรูในอดีตในขณะนี้กลายเป็นผู้มีพระคุณ
เซียงซั่นรู้ว่าเฉินเสียนใช้นางเป็นหมาก แต่แล้วอย่างไรล่ะ นางสามารถได้สิ่งที่นางต้องการ หมากนี้คุ้มค่า!
พวกนางได้สิ่งที่ตนต้องการ ตราบใดที่ไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน ก็ไม่ใช่ศัตรูอีกต่อไป
เฉินเสียนกล่าวอีกหน “ฉวยโอกาสช่วงเวลานี้รักษาใบหน้า หลังจากทุกวันตอนพลบค่ำ เจ้ามาหาข้าที่สวนสระวสันตฤดู ข้าจะฝึกเจ้าด้วยตัวเอง”
เซียงซั่นในอดีตคือสาวรับใช้ ไม่มีพรสวรรค์และคุณธรรม แม้ว่าหน้าตาจะดีแต่ก็ไม่สามารถดึงดูดฉินหรูเหลียงได้
เฉินเสียนจำเป็นต้องสอนนาง ถึงทำให้นางมีคุณสมบัติเข้ารอบไปแข่งกับหลิ่วเหมยอู่ได้
เซียงซั่นกล่าว “บ่าวน้อมรับด้วยความยินดีเพคะ แต่……แม่เฒ่าในสวนจับตาอย่างใกล้ชิด เกรงว่ายากที่จะมีโอกาส……”
ครั้งนี้ที่เฉินเสียนและอวี้เยี่ยนมา ก็ให้คนจงใจไปจับตาดูแม่เฒ่าของเซียงซั่นโดยเฉพาะ ถึงได้มีทักษะการพูดเช่นนี้
เฉินเสียนกล่าวติดตลก “แค่ติดสินบนนิดๆ หน่อยๆ ไม่ต้องกังวลว่านางจะไม่ให้โอกาสเจ้า”
เซียงซั่นกัดปาก ใบหน้าเผยความกระอักกระอ่วน
“ไม่มีเงินหรือ?”
“บ่าวจะมีเงินออมอะไรกันเพคะ ติดสินบนไม่ได้จริงๆนะเพคะ”
เฉินเสียนก็ไม่ประหลาดใจ กล่าวขึ้น “นี่เงินหนึ่งร้อยตำลึง ข้าให้เจ้ายืมไปก่อน หากวันหลังเจ้าเหลือก็มาคืนข้า พร้อมดอกเบี้ยหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง”
เซียงซั่นยื่นสองมือออกไปโดยไม่ลังเล “บ่าวขอบพระคุณองค์หญิงมากเพคะที่เมตตา”
อวี้เยี่ยนนำเงินที่เตรียมไว้นานแล้วออกมา วางอย่างหนักแน่นบนมือเซียงซั่น
เฉินเสียนนึกอะไรขึ้นได้ ก็กล่าวขึ้น “สิ่งที่ข้าค่อนข้างสงสัย ทำไมตอนแรกเจ้าถึงยอมทำลายโฉมหน้าตัวเอง? เหมยอู่สั่งให้เจ้าทำหรือ? ข้าจำได้ว่าเจ้าไม่ใช่คนเช่นนั้น”
เซียงซั่นแอบเกลียดชังอยู่ในใจ กล่าวขึ้น “หลิ่วเหมยอู่นางบังคับบ่าวเพคะ! หากบ่าวไม่ทำเช่นนั้น นางจะแฉเรื่องที่บ่าววางยาท่านแม่ทัพ จุดจบอย่างอวิ๋นเอ๋อร์ บ่าวมีชีวิตเช่นนั้นไม่ได้หรอกเพคะ!”
เฉินเสียนยิ้มขณะพูดขึ้น “เซียงซั่น เจ้าฉลาดและกล้าหาญมาตลอดไม่ใช่หรือ? แค่นางทำเช่นนั้นเจ้าก็ตกใจกลัวแล้วหรือ? ”
เซียงซั่นเงยหน้ามองเฉินเสียนอย่างไม่เข้าใจ
เฉินเสียนงอนิ้วชี้แตะหน้าผากเบาๆ ยกมุมปากแล้วกล่าวว่า “นี่สมองเจ้าเป็นสนิมหรือไม่ นางบอกว่าจะกล่าวหาเจ้า งั้นในมือเจ้าคงมีจุดอ่อนของนางไม่น้อยเลยสิ?”