ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 65 สอน
เซียงซั่นรู้แจ้งกระจ่างทันที กล่าวขึ้น “เกลียดที่ตอนนั้นบ่าวสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถูกนางกดขี่ ในขณะนี้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ อย่าว่าแต่เจอท่านแม่ทัพไม่ได้ สิ่งที่ข้าพูดก็ไม่มีคนเชื่อแม้แต่นิด! บ่าวขอบพระคุณองค์หญิงที่กล่าวถึงเพคะ!”
เพียงไม่กี่ประโยคเฉินเสียนก็เข้าใจความกังวลของเซียงซั่น
สิ่งเดียวที่นางกลัวคือหลิ่วเหมยอู่นำเรื่องนี้มาข่มขู่นาง ลืมไปชั่วขณะหนึ่งว่า หากนางแฉเรื่องเหล่านั้นออกไปจริงๆ ก็ไม่มีใครได้ประโยชน์เลย
เซียงซั่นไปส่งเฉินเสียน กลับถึงห้องเก็บของให้เรียบร้อย กลับไปที่ด้านหน้าอ่างล้างหน้า นึกถึงกระบวนการทั้งหมดของเฉินเสียนอย่างรอบคอบ
อย่างแรกมอบยาขี้ผึ้งให้นาง และให้นางยืมเงิน ขณะที่จากไปก็ดูเหมือนให้แรงบันดาลใจโดยไม่รู้ตัว เหมือนว่าทุกๆ มุมมองอยู่ภายในใจเฉินเสียน
ผู้ที่คิดระมัดระวังรอบคอบเช่นนี้ ไม่ควรเป็นศัตรูด้วยจริงๆ มิเช่นนั้นจะติดตามถึงรากถึงโคน จนนางจะมีจุดจบเหมือนในปัจจุบันได้อย่างไร!
เซียงซั่นรีบทำเวลา เสื้อผ้าที่ส่งมาตอนบ่ายถูกซักเสร็จก่อนพลบค่ำ ทานอาหารเย็นอย่างลวกๆ นางก็ไม่สนใจ
แม่เฒ่าเห็นนางทำงานในมือเรียบร้อยแล้ว ก็จะจัดเตรียมให้นางทำสิ่งอื่น
เซียงซั่นปฏิเสธอย่างอ่อนหวาน “ป้าเฮ่อเจ้าคะ วันนี้ข้าเหนื่อยมากจริงๆ ขอพักหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ ในสวนยังมีพี่สาวน้องสาวอีกสองคนไม่ใช่หรือ ไม่รู้ไปแอบซ่อนตัวที่ไหนอีก เรียกพวกนาง……”
“ให้เจ้าทำเจ้าก็ทำ! จะเล่นอะไรแผลงๆ อีกหรือ?!” แม่เฒ่าเข้ามาอย่างดุเดือด ทั้งหยิกและดุด่าเซียงซั่นครู่หนึ่ง
เซียงซั่นโกรธมาก ก่อนหน้านี้นางไม่สามารถคัดค้านได้ แต่ในวันนี้นางผลักแม่เฒ่านั่นแล้วจริงๆ
แม่เฒ่าอับอายกลายเป็นโกรธเกรี้ยว รีบพับแขนเสื้อขึ้นทันทีจะลงมือทำร้ายเซียงซั่น แต่ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะลงมา เงินสีขาวก็แผ่ออกต่อหน้าแม่เฒ่า ทำให้ดวงตานางเป็นประกาย
แม่เฒ่ายื่นมือจะไปหยิบ เซียงซั่นก็เก็บได้ทันเวลา แม่เฒ่ากล่าวอย่างร้อนรน “นังชั้นต่ำ เจ้าเอาเงินมากขนาดนี้มาจากไหนกัน! หรือไปขโมยทรัพย์สินเจ้านายเอาไปขายเป็นเงิน! ข้าจะรายงานเจ้านาย เจ้าถูกตีตายแน่!”
เซียงซั่นพยักหน้าโค้งคำนับ “แม่บ้านเฮ่อก็รู้ว่าข้าทำงานทั้งวัน ออกไปจากสวนไม่ได้เลย เงินเหล่านี้เป็นเงินออมของข้านะเจ้าคะ หากแม่บ้านเฮ่อปล่อยข้าไปสักครั้ง จากนี้ไปแม่บ้านเฮ่อจะได้ประโยชน์ไม่น้อย”
แม่เฒ่าเห็นความจริงใจเต็มเปี่ยมของนาง สีหน้าก็ผ่อนคลายลง กล่าวกับเซียงซั่นว่า “ข้าก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล ข้าไม่ได้อยากทำให้เจ้าลำบากใจเสียหน่อย ข้าแค่ทำตามคำสั่ง”
เซียงซั่นออกตัวนำเงินยัดใส่มือแม่เฒ่า แล้วกล่าวว่า “เซียงซั่นรู้เจ้าค่ะ เซียงซั่นไม่ขอสิ่งอื่นใด แค่ขอให้แม่เฒ่าปฏิบัติกับข้าและพี่สาวน้องสาวอีกสองคนอย่างเท่าเทียมกัน ให้ทุกคนกระจายงานเท่ากัน เซียงซั่นก็ซาบซึ้งมากแล้วเจ้าค่ะ”
แม่เฒ่าขมวดคิ้ว เซียงซั่นกล่าวขึ้นอีกครั้ง “แม่บ้านเฮ่อไม่ต้องเป็นห่วง นายหญิงน้อยรูปร่างบอบบาง ไม่มีทางมาที่นี่ แม่บ้านเฮ่อแค่ทำเหมือนเดิม สามารถให้ประโยชน์แก่นายหญิงน้อยได้ และเซียงซั่นก็จะเคารพกตัญญูต่อท่านด้วยเจ้าค่ะ”
นี่เป็นประโยชน์สำหรับสองฝ่าย แค่แม่เฒ่าอยู่ตรงกลาง ปิดตาข้างหนึ่ง เรื่องนี้ก็จะผ่านไป
ถึงแม้หลิ่วเหมยอู่ขอให้นางลงโทษเซียงซั่น แต่ก็ไม่เคยมาเหยียบที่นี่เลยสักครั้ง
สุดท้ายแม่เฒ่าก็รับเงินของเซียงซั่นมา
วันต่อมาแม่เฒ่าเริ่มกระจายงานอย่างเป็นธรรม เซียงซั่นแค่ทำงานที่เป็นของตัวเองเสร็จ ก็พักผ่อนได้แล้ว
สาวใช้อีกสองคนร้องเรียนกับสิ่งนี้ไม่น้อย ถึงเซียงซั่นจะเกลียดพวกนางที่ฉวยโอกาส แถมยังต้องใช้เงินบางส่วนมาเอาอกเอาใจ
จากนี้ไปหากในสวนนี้อยู่ในความสงบ เซียงซั่นก็จะมีเวลาไปทำสิ่งอื่น
นางให้ประโยชน์ไม่น้อยแก่แม่เฒ่า ต่อมาเมื่อเซียงซั่นแอบออกมาจากสวนเล็กหลังพลบค่ำ แม่เฒ่าก็ทำเป็นไม่เห็น แต่ก็ต้องเตือนเซียงซั่นว่าให้กลับมาภายในสองชั่วยาม
สองชั่วยามก็เพียงพอแล้วที่เซียงซั่นได้เรียนรู้อะไรมากมายจากเฉินเสียน
ภายในสวนสระวสันตฤดู แสงจันทร์ทอประกายบางเบาดั่งผิวหมอก เฉินเสียนช่วยเซียงซั่นเพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย ตั้งใจจะสอนนางเต้น
ท่าเต้นคือสิ่งที่สะท้อนเสน่ห์ของร่างกายหญิงสาวได้มากที่สุด และเป็นวิธีที่รวดเร็วและได้ประสิทธิภาพมากที่สุดในการดึงดูดผู้ชาย
ในช่วงเวลาสั้นๆ เซียงซั่นไม่สามารถเปลี่ยนจากสาวใช้คนหนึ่งกลายเป็นผู้มีความรอบรู้ได้ การเพาะปลูกความรู้ภายในนั้นทำได้แค่ชดเชยภายหลังอย่างช้าๆ
ในขณะนี้เซียงซั่นแยกขาสองข้างบนพื้น เหงื่อซึมออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ต้องกัดฟันอดทน
ในมือเฉินเสียนมีแท่งไม้ไผ่ เดินไปรอบๆ เซียงซั่น เห็นนางอ่อนแรงเมื่อใด ก็ใช้แท่งไม้ไผ่ตีร่างนางอย่างไม่เกรงใจ
เซียงซั่นต้องกัดฟันกระชับร่างกาย ออกกำลังกายท่วงท่าที่สง่างามและตั้งตรงมากที่สุด
ความทุกข์ทรมานของเซียงซั่นนั้นเฉินเสียนไม่ได้รู้สึกอะไร สิ่งเหล่านี้นางเคยสัมผัสมาก่อนจะมีชื่อเสียง ยากลำบากและพยายามมากกว่าเซียงซั่นอีก
เฉินเสียนไม่ได้คาดหวังให้เซียงซั่นเข้าใจแก่นแท้ แค่เห็นว่ามีลักษณะเช่นนั้นก็พอแล้ว
เฉินเสียนกล่าวเรียบๆ “หากเจ้าอยากเป็นเลิศ แน่นอนว่าต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น คิดถึงความสำเร็จ ก็จะไม่รู้สึกว่ามันทรมานมากขนาดนั้น”
สิ่งที่เฉินเสียนสอนเซียงซั่นคือระบำหน้าท้อง ไม่เหมือนกับที่เธอเต้นอย่างมีชีวิตชีวาคราวก่อน สิ่งที่เธอสอนคือระบำหน้าท้องอันมีเสน่ห์และเซ็กซี่ยั่วยวน
หลังจากเพิ่มความอ่อนตัวของเซียงซั่น ร่างกายเซียงซั่นก็กลายเป็นเรียวบางแข็งแรง และยืดหยุ่นสูงมาก
เริ่มแรกเฉินเสียนสอนนางบิดสะโพกบิดเอว จากนั้นก็เป็นการเคลื่อนไหวแต่ละชุด
เวลาหนึ่งเดือน เพียงพอที่จะทำให้เซียงซั่นจดจำท่าเต้น เฉินเสียนนำผ้าออกมาจากวังคราวก่อน ให้อวี้เยี่ยนตัดเย็บเสื้อผ้าตามสไตล์ที่เธอวาดให้กับเซียงซั่น
เสื้อผ้าผู้หญิงแนบร่างกายเซียงซั่น รูปร่างโค้งมน เผยให้เห็นเอวและสะดือของนาง ขับให้ขาใต้กระโปรงดูเรียวยาวและได้สัดส่วน
นางยิ้ม หน้าตามีเสน่ห์สวยงามดุจแพรไหมอยู่รางๆ
อวี้เยี่ยนเห็นแล้วก็ตกตะลึง
หลังจากเซียงซั่นกลับไป อวี้เยี่ยนก็กล่าวด้วยความรู้สึกลึดซึ้ง “องค์หญิงสุดยอดมากเพคะ ในเวลาสั้นๆ เพียงนี้ทำให้คนคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงได้อย่างมหาศาล บ่าวแทบจำไม่ได้เลยเพคะว่าเซียงซั่นคือสาวใช้ผู้ที่ทำงานหลังสวน”
เฉินเสียนกล่าวว่า “นางแสดงมันออกไปได้ จึงเปลี่ยนแปลงได้อย่างมหาศาล”
อวี้เยี่ยนรอให้เฉินเสียนอาบน้ำและเข้านอน ก่อนกล่าวขึ้น “องค์หญิงเพคะ……องค์หญิงเต้นมีเสน่ห์เช่นนั้นได้อย่างไรหรือเพคะ? ”
เฉินเสียนกล่าวขึ้นขณะเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “อยากเรียนหรือ? วันไหนว่างข้าจะสอนเจ้า”
อวี้เยี่ยนโวยวายจนหน้าแดง กล่าวขึ้น “บ่าวไม่ได้อยากเรียนเพคะ! แค่เห็นเซียงซั่นเต้นอย่างเปิดเผย บ่าวก็รู้สึกอับอายแล้วเพคะ”
เฉินเสียนกล่าว “การเต้นเป็นวิธีหนึ่งในการแสดงอารมณ์ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าอาย ในทางกลับกันยังได้ออกกำลังกายอีกด้วย ทำให้ร่างกายประสานและยืดหยุ่น ปรับปรุงอารมณ์โดยรวม สอนให้ผู้คนเรียน รู้ที่จะเผชิญหน้ากับความงามของตนเอง”
บางคนเต้นมีเสน่ห์งดงาม บางคนเต้นร้อนแรงเซ็กซี่ บางคนเต้นน่ารักน่าเอ็นดู ทั้งหมดแตกต่างกันเพราะสิ่งที่ใฝ่หาในจิตใจ เซียงซั่นเรียนรู้การเต้นนี้ ในตอนแรกเริ่มมีจุดมุ่งหมายเพื่อดึงดูดผู้คน แน่นอนว่าต้องมีความเปิดเผย
อวี้เยี่ยนเหมือนจะเข้าใจแล้ว “องค์หญิงกล่าวแบบนี้ บ่าวเข้าใจแล้วเพคะ”
นัดกับเหลียนชิงโจวว่าชำระบัญชีเดือนละหน พริบตาเดียวก็ถึงเวลาเสียแล้ว ไม่รอให้เฉินเสียนออกตัวไปตามหาเขา เขาก็ส่งคนยกเกี้ยวไปรับนางที่ประตูใหญ่จวนแม่ทัพ
นักธุรกิจร่ำรวยเต็มใจที่จะใช้เงิน