ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 7 วีรกรรมสร้างชื่อ
ก่อนหน้านี้ทุกคนยังคิดว่าเฉินเสียนทำเกินไป แต่ตอนนี้ต่างคนต่างเปลี่ยนความคิด นางเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวที่สามีไม่รักไม่ทะนุถนอม ใบหน้าเสียโฉม ไหนจะยังตั้งครรภ์อีก นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ!
หลิ่วเหมยอู่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถึงอย่างไรก็ไม่อยากให้ฉินหรูเหลียงเข้ามายุ่ง วันนี้มีผู้คนเฝ้าดูอยู่มากมายและนางจะยอมคุกเข่า!
คนอื่นๆ จะพูดกันเพียงแต่ว่าเฉินเสียนเป็นคนดุร้ายและช่างอิจฉาริษยา โดยที่นาง หลิ่วเหมยอู่ผู้นี้จะไม่พูดอะไรให้อีกฝ่ายนำมาใช้เล่นงานนางได้ สิ่งที่นางจะแสดงออกมามีเพียงด้านที่อ่อนแอและน่าสงสารเท่านั้น และเมื่อยอมคุกเข่าในวันนี้นางจะได้รับความเห็นใจจากทุกคน!
รอจนถึงพรุ่งนี้ ผู้คนทั่วทั้งเมืองหลวงจะรู้ว่าเฉินเสียนเป็นคนที่โหดเหี้ยมและดุร้ายแค่ไหน!
ไหนเลยจะรู้ว่าด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งท่ามกลางแขกเหรื่อของเหลียนชิงโจว เขาได้แก้ไขสถานการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว
หลิ่วเหมยอู่คิดเพ้อเจ้อว่าจะได้รับความเห็นอกเห็นใจ แต่การคุกเข่านี้จะเป็นแค่การคุกเข่าที่เปล่าประโยชน์เท่านั้น
เมื่อหัวเข่าอันบอบบางทับลงไปบนเครื่องลายครามที่แตกกระจาย สีหน้าของหลิ่วเหมยอู่ก็ซีดเผือด นางอดทนต่อความเจ็บปวดและยื่นชาถ้วยที่สองให้เฉินเสียน
ยังไม่ทันที่จะวางถึงมือของเฉินเสียน น้ำชาก็หกกระเซ็น
เฉินเสียนกล่าวว่า “ไปนำชาถ้วยที่สามมา ไว้มือของนางหยุดสั่นเมื่อใด ข้าจึงจะดื่มชาที่นางนำมาให้”
จนกระทั่งถึงถ้วยที่ห้า ในที่สุดมือของหลิ่วเหมยอู่ก็หยุดสั่น เหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นมาบนใบหน้า นางขบฟันจนริมฝีปากสีแดงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว หลุบตาและกัดฟันพูด “โปรดดื่มชาเพคะองค์หญิง”
เฉินเสียนเหลือบมองนางนิดหนึ่ง นางรับชาขึ้นมาจิบเล็กน้อยด้วยไม่คิดจะพ่นชาทั้งหมดใส่หน้าของหลิ่วเหมยอู่ในวินาทีถัดมา ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าไม่ดื่มชาจับเลี้ยง”
หลังจากที่หลิ่วเหมยอู่ต้องอับอายต่อหน้าสาธารณชนจนเกียรติของเจ้าสาวเหมือนถูกเหยียบย่ำ ในที่สุดนางก็ทนไม่ไหวและเริ่มสะอึกสะอื้น
“เฉินเสียน ท่านพอได้แล้ว!” ฉินหรูเหลียงรู้สึกเดือดดาล
ด้วยดวงตาที่เฉียบคมและการตอบสนองที่ว่องไวของเฉินเสียน ขณะที่ฉินหรูเหลียงยื่นมือมาดึงหลิ่วเหมยอู่ นางก็คว่ำถ้วยชาแล้วปาใส่หลิ่วเหมยอู่ด้วยดวงตาที่ไม่กะพริบ
ทว่าเฉินเสียนเสียดายนิดหน่อยที่ฉินหรูเหลียงเคลื่อนไหวรวดเร็วมากและเอาตัวเข้ามาขวางไว้ทันเวลา ทำให้ถ้วยชาจับเลี้ยงปะทะเข้ากับแผ่นหลังที่แข็งแกร่งของฉินหรูเหลียงอย่างเสียมิได้ น้ำชาบางส่วนกระเซ็นใส่ชุดของหลิ่วเหมยอู่จนทำให้นางสั่นสะท้านด้วยความตกใจ
เฉินเสียนหันไปพูดกับเขาว่า “ฉินหรูเหลียง ตอนนั้นข้าตาบอดเองที่คิดอยากแต่งงานกับท่าน! ทำไมล่ะ นางเจ็บปวดแค่เพียงเล็กน้อยท่านก็เจ็บปวดใจแล้วหรือ แล้วที่พวกนางใช้ปิ่นปักผมกรีดลงบนหน้าของข้าล่ะ ข้าควรจะทำอย่างไร! ท่านบอกมาสิ ข้าควรเอาคืนให้สาสมเลยดีไหม!”
ฉินหรูเหลียงหันหน้ามา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “ท่านลองกล้าทำอะไรนางอีกทีสิ!”
“ได้ วันนี้ข้าจะทำให้ท่านได้เห็น” เฉินเสียนเอ่ยพลางหันไปคว้าเชิงเทียนสีแดงที่วางอยู่บนโต๊ะและเดินเข้าไปหาหลิ่วเหมยอู่
หลิ่วเหมยอู่ตกใจจนผวา ขณะที่มองเฉินเสียนซึ่งกำลังจ้องมองมาที่ตนเองด้วยดวงตาที่ดำมืดรวมถึงท่าทีที่สงบเยือกเย็นและมีเหตุผลแต่น่ากลัวนั้นนางก็กรีดร้องเสียงแหลม
ถ้าไม่มีใครเข้ามาห้าม ผู้หญิงบ้าคนนี้ต้องลงมือจริงๆ แน่!
ฉินหรูเหลียงจะไม่ยอมให้เฉินเสียนลงมือกับหลิ่วเหมยอู่อีกแน่! ถ้านางไม่กลัวตายก็ลงมือมาเลย!
ขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียดจวนจะระเบิด ผู้ที่อยู่นอกห้องจัดงานเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามาเกลี้ยกล่อม “องค์หญิงอย่าทรงหุนหันพลันแล่น! ถึงอย่างไรวันนี้ก็เป็นวันมงคล ถอยออกมาเถิด! ถอยออกมา! ท่านแม่ทัพก็ระงับอารมณ์เถอะขอรับ องค์หญิงกำลังทรงพระครรภ์อยู่!”
คนเหล่านี้ได้ดูละครมามากพอแล้ว ขืนยังดูต่อคงได้เห็นฉากฆาตกรรมเป็นแน่
เฉินเสียนถูกแขกผู้หญิงที่มาร่วมงานลากออกไป
ประโยคสุดท้ายที่ได้ยินทำให้ฉินหรูเหลียงกับหลิ่วเหมยอู่ยืนนิ่งงันอยู่อย่างนั้น
มีใครบางคนรีบบอกฉินหรูเหลียงว่า “แม่ทัพฉินรีบพานายหญิงน้อยไปรักษาบาดแผลเถิดขอรับ”
หลิ่วเหมยอู่กำลังรู้สึกสั่นคลอน แม้จะยืนก็ยังยืนแทบไม่ไหว ฉินหรูเหลียงกลับมาหานางและประคองนางไปที่สวนหลังจวนอย่างรีบร้อนพร้อมกับสั่งให้คนรีบไปตามหมอมา
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้กลับมาปรากฏตัวที่ห้องโถงด้านหน้าอีกเลย
งานแต่งที่จัดอย่างดีสุดท้ายกลับจบลงด้วยบรรยากาศที่เลวร้าย
เพียงแต่ทุกคนที่มาร่วมงานแต่งในวันนี้บอกว่าพวกเขาไม่ได้เห็นงานแต่งที่ยอดเยี่ยมและร้อนแรงขนาดนี้มานานแล้ว!
การที่องค์หญิงผู้โง่เขลาก่อเรื่องวุ่นวายในงานแต่งของท่านแม่ทัพทำให้ชื่อเสียงของเฉินเสียนถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง
เรื่องเล่าในรูปแบบต่างๆ ถูกเล่าต่อๆ กันในห้องชาและโรงเหล้า
เฉินเสียนผู้นี้ได้สร้างชื่อเสียงด้วยวีรกรรมครั้งนี้
เพียงแต่ขณะนี้ตัวเอกของงานแต่งหายไป พิธียังไม่ถูกจัดการให้เรียบร้อย อีกทั้งยังไม่อาจปล่อยให้แขกผู้มีเกียรติที่มอบของขวัญให้ต้องกลับไปโดยที่ท้องยังว่าง
ด้วยเหตุนี้เฉินเสียนจึงสั่งให้คนครัวจัดเหล้าและอาหารมาเลี้ยงแขก
แขกเหรื่อที่ยังไม่หายจากอาการผวามานั่งที่โต๊ะอาหาร จากนั้นอาหารชั้นดีที่น่ารับประทานก็ถูกทยอยนำมาจัดวางบนโต๊ะ
เฉินเสียนกลัวว่านางจะทำให้ความอยากอาหารของทุกคนลดลง จึงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาบิดบังใบหน้าเอาไว้ เผยให้เห็นเพียงดวงตาที่สดใสคู่นั้น กิริยาท่าทางของนางงดงามมีสง่าอีกทั้งยังดูอารมณ์ดี
นางยืนขึ้นตรงขั้นบันไดและเอ่ยให้ได้ยินกันทั่วว่า “ยินดีต้อนรับทุกท่านที่มาร่วมงานแต่งในครั้งนี้ ขณะนี้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยังไม่สะดวก ขอให้ทุกท่านได้โปรดทำตัวตามสบายและเพลิดเพลินไปกับอาหารรสเลิศอย่างเต็มที่ อย่าได้เกรงใจ หลังจากรับประทานอาหารแล้วขอเชิญทุกท่านไปร่วมพิธีปลุกห้องเจ้าสาวเพิ่มความเบิกบาน หรือจะเดินเล่นตามสบายรอบๆ จวนของท่านแม่ทัพก็ย่อมได้ ในสามวันข้างหน้านี้ที่นี่ยังมีงานเลี้ยงอาหารอยู่ ขอทุกท่านโปรดให้เกียรติตอบรับคำเชิญนี้ด้วย”
การแต่งงานครั้งที่สองของท่านแม่ทัพ การจัดงานเลี้ยงสามวันนี้คือจังหวะแห่งการเฉลิมฉลองของผู้คนทั่วประเทศ
แค่ค่าใช้จ่ายภายในสามวันนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ให้ฉินหรูเหลียงปวดหัวกับผลที่จะตามมา