ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 71 สิ่งไหนสำคัญกว่า
นางให้เซียงหลิงนำกระจกมาให้นางส่อง ปรากฎว่าเมื่อนางส่องก็ฉายใบหน้าบวมราวกับซาลาเปาอย่างไรอย่างนั้น นางโยนกระจกลงกระจัดกระจายไปทั่วด้วยแรงโทสะ
หลิ่วเหมยอู่นอนปวดใจเจียนตายอยู่บนเตียง น้ำตารินไหล ในหัวพลันคิดถึงเรื่องที่เฉินเสียนเหยียดหยามนางที่ศาลา
นางเกลียดจนจิกผ้าปูที่นอนแน่น ขบฟันกล่าว “เฉินเสียน เจ้าจะต้องชดใช้ให้ข้า!”
เซียงหลิงร้องไห้สะอึกสะอื้นกล่าว “นายหญิงวางแผนจะทำอะไรเจ้าคะ?”
หลิ่วเหมยอู่หันกลับไปมองนาง กล่าวว่า “รอท่านแม่ทัพมารุ่งเช้า สิ่งที่เฉินเสียนทำทั้งหมดในคืนนี้ เจ้ารู้ใช่ไหมว่าควรพูดอย่างไร?”
เซียงหลิงพยักหน้ากล่าว “บ่าวมีเรื่องจะถามเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าควรมิควรเอ่ยเจ้าค่ะ”
“พูดมา”
“นายหญิงคิดว่าท่านแม่ทัพสำคัญกว่าหรือแก้แค้นองค์หญิงสำคัญกว่าเจ้าคะ?” เซียวหลิงถาม
หลิ่วเหมยอู่ตาแดง แน่นอนว่าสำหรับนางฉินหรูเหลียงย่อมสำคัญกว่า! แต่นางจะไปพบหน้าได้อย่างไร? นางคิดอะไรไม่ออก ตอนนี้นางแค่อยากจะชำระแค้นเฉินเสียนให้จบแล้วค่อยไปสนใจเรื่องอื่น!
แต่ทว่าเซียงหลิงกล่าวว่า “นายหญิง รุ่งเช้าบ่าวสามารถบอกเรื่องเมื่อคืนได้ ทว่าถ้าองค์หญิงปฏิเสธ ก็จะเหมือนกับครั้งที่แล้วที่นายหญิงตกสระนะเจ้าคะ บ่าวและนายหญิงล้วนไม่มีหลักฐาน……”
หลิ่วเหมยอู่จ้องมองเซียงหลิง กล่าว “บาดแผลบนร่างกายของข้ายังมิใช่หลักฐานอีกหรือ?!”
เซียงหลิงกระซิบอีกครั้ง “นายหญิง พรุ่งนี้ท่านกับองค์หญิงทะเลาะกัน คนที่ได้ผลประโยชน์ก็คือเซียงซั่นนะเจ้าคะ หรือว่านายหญิงจะยอมให้เซียงซั่นยึดพื้นที่ว่างเข้าไปใกล้ท่านแม่ทัพตอนที่ท่านกับองค์หญิงทะเลาะกันไปทะเลาะกันมาหรือเจ้าคะ?”
เมื่อสติจากคำพูดนั้น หลิ่วเหมยอู่ตะลึงไป
เซียงหลิงกล่าว “ดังนั้นที่บ่าวบังอาจถามนายหญิงนั้น ทะเลาะกับองค์หญิงสำคัญหรือว่าแย่งท่านแม่ทัพกลับมาสำคัญกว่ายังไงล่ะเจ้าคะ”
หลิ่วเหมยอู่ตระหนักได้ว่า “ใช่ เจ้าพูดถูก นังสารเลวเซียงซั่น เสียโฉมแล้วยังกล้าไปล่อลวงท่านแม่ทัพ ข้าไม่มีทางปล่อยนางไปแน่ๆ ไม่มีทางให้นางทำสำเร็จ!”
เซียงซั่นก็แค่ขยะ! นกกระจอกน้อยตัวหนึ่งคิดจะเอาตัวเองเป็นหงส์!
หลิ่วเหมยอู่นอนไม่หลับตลอดทั้งคืน ในตอนรุ่งสางถึงจะผล็อยหลับไป และในวันรุ่งขึ้นสีหน้าก็ดูซีดเซียว
เมื่อคืนนี้ฉินหรูเหลียงนั้นไม่มีสติ และหลังจากเรื่องจบแล้วทำใจให้สงบนิ่งแล้วรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
ทั้งหมดเกิดจากการเต้นรำเมื่อวานนี้
แต่เซียงซั่นยังเด็กอยู่ และเมื่อคืนนี้ก็ถูกทำให้ทรมานพอตัวอยู่ ครั้งที่แล้วฉินหรูเหลียงไม่มีสตินัก คราวนี้เขารู้ว่าเป็นเซียงซั่นแต่ก็ยัง….. ดังนั้นแม้ฉินหรูเหลียงจะโกรธแต่ไม่ควรระบายอารมณ์ต่อเซียงซั่น
ครึ่งคืนหลัง ฉินหรูเหลียงส่งเซียงซั่นกลับไปและตัวเองก็นั่งในศาลาเพื่อสงบสติอารมณ์อยู่ครึ่งค่อนคืน
ใกล้รุ่งสาง เขาถึงจะกลับเรือนไปงีบสักเล็กน้อย เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปวัด
เมื่อผ่านสวนดอกพุดตาน ฉินหรูเหลียงก็หยุดเท้าลง แล้วเข้าไปดูสักหน่อย
เซียงหลิงอยู่ข้างนอก กำลังเตรียมของให้หลิ่วเหมยอู่ไปอาบน้ำ เมื่อเห็นว่าฉินหรูเหลียงมารีบแสดงความเคารพ กล่าวว่า “บ่าวคาระวะท่านแม่ทัพเเจ้าค่ะ”
“นายหญิงล่ะ?”
“นายหญิงกำลังหลับอยู่เจ้าคะ” เซียงซั่นกล่าว “เมื่อคืนนี้นายหญิงรอท่านแม่ทัพกลับมาจนดึก กว่าจะได้นอนก็ดึกแล้วเเจ้าคะ แม้แต่อาหารเย็นก็ไม่ได้รับประทานเจ้าคะ”
ฉินหรูเหลียงยิ่งละอายใจ ผ่อนคลายแล้วเข้าห้องไปนั่งสักพัก
หลิ่วเหมยอู่เหมือนว่าจะยังไม่ตื่น นอนตะแคงหันหลังให้เขา แผ่นหลังเรียวและอ่อนโยน
ในใจฉินหรูเหลียงเกิดความสงสารขึ้นมา แต่ก็เกรงว่าจะเสียงดังจนนางตื่นจึงอยู่ไม่นานนัก ตอนลุกขึ้นก้มลงไปจูบหัวข้างหูนาง กล่าวเบาๆว่า “เหมยอู่ รอเรื่องวุ่นวายนี่จบ ข้าสัญญาว่าจะมาอยู่กับเจ้า ชดใช้เรื่องเมื่อคืนให้กับเจ้า”
หลิ่วเหมยอู่ขยับตัวเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ตื่น
หลังจากนั้นฉินหรูเหลียงจึงหันหลังจากไป
เมื่อเซียงหลิงเข้ามาปรนนิบัติ ก็กล่าวว่า “นายหญิง ท่านแม่ทัพไปแล้วเจ้าค่ะ”
หลิ่วเหมยอู่จึงลุกขึ้น น้ำตารินไหลเห็นแล้วก็รู้สึกสงสาร
นางไม่ได้ยกเรื่องเมื่อคืนมาพูดกับเซียงหลิงอีก แม้ว่าในใจจะอึดอัดเพียงใดก็ต้องแสร้งเหมือนว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น เช่นนี่ก็จะไม่ให้โอกาสอะไรทั้งสิ้นแก่เซียงซั่น นอกเสียจากว่าฉินหรูเหลียงมาพูดเรื่องนี้กับหลิ่วเหมยอู่ด้วยตัวเอง
แต่ทว่าฉินหรูเหลียงจะเอ่ยปากได้อย่างไร
ดังนั้นถึงแม้ว่าเซียงซั่นจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับฉินหรูเหลียงไปแล้วเมื่อคืน ฉินหรูเหลียงก็ไม่มีทางให้สถานะหรือตำแหน่งใดๆแก่เซียงซั่น
ในช่วงเวลานี้เซียงซั่นยังคงเป็นบ่าวรับใช้หลังเรือนที่ต่ำต้อย
ตราบใดที่หลิ่วเหมยอู่ไม่ประจานเรื่องนาง นางก็ยังสามารถหาเหตุผลที่จะไปที่หลังเรือนเพื่อจัดการกับบ่าวรับใช้อย่างเซียงซั่นได้
ก่อนที่ฉินหรูเหลียงจะคิดถึงนาง หลิ่วเหมยอู่ต้องทำให้นางไม่สามารถใฝ่สูงปีนเตียงมานอนฉินหรูเหลียงมาอีกครั้ง!
เช้าวันนี้จวนแม่ทัพยังคงเงียบเหมือนเช่นเคย
หลังจากที่เฉินเสียนนอนเต็มอิ่มจนตื่นแล้ว ได้ยินว่าฉินหรูเหลียงออกไปตั้งแต่รุ่งสางแล้ว หมายความว่าเรื่องเมื่อคืนยังคงไม่ถูกเปิดเผยออกมา
อวี้เยี่ยนหวีผมให้เฉินเสียนอย่างประณีต กล่าวว่า “สิ่งที่องค์หญิงคิดไว้ไม่มีผิดเพคะ แม่นางหลิ่วไม่เพียงแต่ไม่บอกเรื่ององค์หญิง แม้แต่เรื่องเซียงซั่นก็ไม่เอ่ยปากพูดเลยสักนิดเพคะ”
เฉินเสียนงัวเงีย ยกยิ้มมุมปากบางๆ ดูอ่อนล้าและกล่าวว่า “ดูท่าทางแล้วเซียงหลิงคงจะพูดโน้มน้าวนางเอาไว้ล่ะสิ นี่สิถึงจะเป็นการกระทำที่ฉลาด”
อวี้เยี่ยนกล่าว “ต่อไปองค์หญิงก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วล่ะเพคะ ให้แม่นางหลิ่วกับเซียงซั่นไปทะเลาะกันซะให้พอ!”
เฉินเสียนเลิกคิ้วกล่าว “วันนี้ยังว่างไม่ได้หรอกนะ”
อวี้เยี่ยนถาม “ทำไมเพคะ?”
“ถ้าข้าเดาไม่ผิดละก็ ที่เหมยอู่ยังคงไม่อะไรกับเรื่องของฉินหรูเหลียงและเซียงซั่น ไม่ใช่แค่กลัวว่าตัวนางกับฉินหรูเหลียงจะต้องจบลง ยิ่งไปกว่านั้นยังอาศัยช่วงที่ฉินหรูเหลียงยังคงไม่ให้ตำแหน่งเซียงซั่นนั้นแล้วจะกำจัดเซียงซั่นให้สิ้นซาก”
หลิ่วเหมยอู่ทายาที่ใบหน้าไปสองครั้งแล้ว ในตอนเช้าก็ประคบน้ำแข็งไปอีก ถึงแม้ว่าจะบวมน้อยลงไปมากแล้วแต่ก็ยังคงแดงอยู่มาก
นางสวมผ้าคลุมหน้า แทบรอไม่ไหวที่จะพาเซียงหลิงไปยังหลังเรือนที่เซียงซั่นทำงานอยู่
เซียงซั่นให้ผลประโยชน์กับแม่เฒ่า แม่เฒ่าจึงเอางานที่นางจะต้องทำเลื่อนไปตอนบ่าย ตอนเช้าเซียงซั่นจึงได้นอนชดเชยอยู่ในห้อง
ตั้งแต่รุ่งสางที่เซียงซั่นกลับมา แม่เฒ่าเห็นว่าท่าทางของนางไม่ค่อยมั่นคงนัก จึงพอจะเดาอะไรได้แล้ว
ถ้าเซียงซั่นจงใจจะยั่วยวนหนุ่มคนรับใช้ของจวนแม่ทัพ ทำไมจะต้องแต่งตัวแบบนี้ นางคงจะไปประจบประแจงชายผู้สูงศักดิ์มากกว่า
ไม่ใช่ว่าแม่เฒ่าไม่รู้เรื่องราวที่เซียงซั่นและฉินหรูเหลียงเคยอะไรกัน
ถ้าหากว่าในอนาคตเซียงซั่นบินไปถึงจุดนั้น ตอนนี้แม่เฒ่าทำเรื่องให้นาง ไม่ใช่ว่าเท่ากับหาเรื่องให้ตัวเองหรอกหรือ แม่เฒ่าไม่ได้ถามอะไร ให้นางเข้าห้องไปพักผ่อน
ใครจะคิดว่าในตอนเช้าหลิ่วเหมยอู่จะพาสาวใช้มา ยิ่งรับประกันสิ่งที่แม่เฒ่าคาดเดาในใจไปอีก
ดวงตาคู่สวยของหลิ่วเหมยอู่เคร่งขรึม เอ่ยถาม “เซียงซั่นล่ะ? ไปพาตัวนังสารเลวนั่นมาให้ข้า”
แม่เฒ่าไม่อยากรนหาเรื่องให้ตัวเอง นางจึงรีบเข้าไปในห้อง และดึงเซียงซั่นที่กำลังหลับไหลออกมา
เซียงซั่นคุกเข่าลงบนพื้นและมองขึ้นไปเห็นหลิ่วเหมยอู่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอ ในใจตื่นตระหนกตกใจ ใบหน้าและเสื้อผ้าของเธอดูไม่เรียบร้อยยุ่งเหยิง และกระโปรงเปิดมาครึ่งนึงนั้นไม่สามารถซ่อนร่องรอยที่เต็มร่างกายของเธอได้ กระตุ้นสายตาของหลิ่วเหมยอู่อย่างมาก
หลิ่วเหมยอู่ถามย้ำทีละคำ “เซียงซั่น เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?”
เซียงซั่นคุกเข่าลงอย่างถ่อมตัวและกล่าวอย่างร้อนรน “นายหญิงเจ้าคะ บ่าวไม่รู้ว่าบ่าวทำอะไรผิดหรือเจ้าคะ”
ดูแล้วว่าถ้าฉินหรูเหลียงไม่อยู่ ให้ตายยังไงเซียงซั่นก็คงไม่ยอมรับ ถ้าตอนนี้ยอมรับต่อหน้าหลิ่วเหมยอู่แล้วนั้น นางคงรู้ว่าตัวนางคงไม่มีทางไปต่อได้ดีแน่
หลิ่วเหมยอู่กัดฟันอย่างโกรธเกลียด รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเซียงซั่นเสแสร้งแกล้งโง่ แต่นางก็ไม่สามารถลงโทษเซียงซั่นในเรื่องนี้ได้