ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 733 โธ่เอ๊ย เขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว!
จวนจะถึงช่วงวสันตฤดูของปีนี้แล้ว ตามด้วยอากาศค่อยๆอบอุ่น ช่วงเวลากลางวันสามารถพบเจอนกตัวน้อยเป็นคู่ๆกระจายเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ยามค่ำคืนไม่รู้ว่าแมวป่ามาจากที่ไหน ร้องอยู่บนคานบริเวณใกล้ๆไม่หยุดเลย
ช่วงเวลานั้นเย่ซวิ่นอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก อารมณ์เสียอยู่ทั้งวัน เลยได้สั่งให้นางกำนัลไปไล่นกน้อยที่อยู่บนกิ่งไม้ไป ยามเย็นอย่าให้เขาต้องได้ยินเสียงแมวร้อง
นางกำนัลกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “องค์ชายเพคะ สัตว์เลี้ยงก็ต้องเข้าวสันตฤดูนะเพคะ……… ”
เย่ซวิ่นกล่าวอย่างโมโหว่า “เจ้าควบคุมมัน เพียงแค่อย่าให้ข้าเห็นและได้ยินเสียงมันอีก!”
เขารู้ตัวว่าตนเองไม่ชอบใจ อาจจะเพราะสลับสับเปลี่ยนวสันตฤดูกับคิมหันตฤดู
เหล่านางกำนัลล้วนเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงบางเบา สวยงามอย่างมาก นับว่าเป็นทัศนียภาพหนึ่งในวังหลังที่ว่างเปล่านี้
หลังจากนั้นก็เย่ซวิ่นพบว่า ไม่ว่ารูปร่างจะดีแค่ไหน มีนางกำนัลที่สวยหยาดเยิ้มเดินกวัดแกว่งผ่านหน้าผ่านตาเขาไป เขาก็ไม่ได้มีความสนใจสักครึ่งเลย
เย่ซวิ่นนึกขึ้นได้ฉับพลัน หลายปีก่อนหน้ามีคืนหนึ่งที่ตนเองกรรมตามสนองถูกยา ผลสรุปยืนหยัดตั้งอยู่ครึ่งค่อนคืน ต่อมาหมอหลวงก็พูดวิธีบำรุงรักษาอย่างละเอียด ต่อไปเรื่องด้านนี้น่าจะไม่มีปัญหาแล้ว
ตอนนี้เขาไม่มีความสนุกสนานสนใจไม่ว่าอะไรก็ตาม หรือว่านี่จะเป็นโรคที่ตกค้างของเรื่องนั้นกำลังก่อเหตุ?
นี่เป็นเรื่องใหญ่ เกี่ยวข้องกับความสุขต่อจากนี้ชั่วชีวิตของเขาเลยนะ!
ด้วยเหตุนี้เย่ซวิ่นเลยสั่งขันทีในพระราชวังไปหารูปภาพลามกอนาจารมาให้เขา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในพระราชวังไม่ขาดแคลนสิ่งนี้เลย บนภาพวาดสวยงามมาก จนเหมือนของจริง
เย่ซวิ่นค้ำใต้คางเอาไว้ นั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะ ขมวดคิ้วคล้ายดั่งกำลังอ่านตำราที่เป็นทางการ มองพลิกดูตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย
ยิ่งพลิกไปด้านหลัง ใจยิ่งรู้สึกว่าไม่พิสดาร
น่าสงสารชายหญิงที่อยู่บนภาพวาดนั่น พยายามใช้กิริยาท่าทางสิบแปดชนิด เขาดูตั้งแต่ต้นจนจบ คิดไม่ถึงว่าร่างกายไม่มีความสั่นไหวกับปฏิกิริยาตอบสนองเลย ยังคงนิ่งสงบเหมือนกับตอนแรกเริ่ม!
ทันใดนั้นเย่ซวิ่นได้โยนหนังสือภาพวาดลามกอนาจารทิ้ง ไม่ไหวแล้ว!โธ่เอ๊ย เขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว!
เย่ซวิ่นไม่ถอดใจ ได้เรียกนางกำนัลที่หน้าอกโตเอวเล็กมาหาเขา ทำตามคำสั่งของเขา และถอดชุดออกทีละชิ้น สุดท้ายพาร่างที่เย้ายวนใจมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา
ครู่ใหญ่ๆ เย่ซวิ่นได้ยกมือปิดหน้า ทอดถอนหายใจออกมายาวเหยียด กล่าวคล้ายดั่งยอมรับชะตาชีวิตว่า “ออกไป”
เย่ซวิ่นจิตใจย่ำแย่มาก และได้เรียกให้หมอหลวงในสำนักหมอหลวงมาตรวจดูให้แก่เขา
ผลสรุปหลังจากที่หมอหลวงตรวจดูอย่างละเอียด หมอหลวงกล่าวว่า “กราบทูลองค์ชาย สุขภาพของพระองค์แข็งแรงดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บพ่ะย่ะค่ะ”
เย่ซวิ่นกล่าวว่า “ข้าไม่เชื่อ ตรวจอีก!”
หมอหลวงตรวจอยู่หลายหน ล้วนได้ข้อวินิจฉัยดังเดิม
หมอหลวงกล่าวว่า “องค์ชายมีตรงไหนไม่สบายหรือพ่ะย่ะค่ะ?หากว่าไม่สบายสามารถบอกกระหม่อม กระหม่อมจะตรวจเฉพาะจุดพ่ะย่ะค่ะ”
“.……..”
เย่ซวิ่นสามารถบอกหมอหลวง ว่าเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองหรือ? เมื่อก่อนได้รับยาแล้วยืนตั้งอย่างเหี้ยมเกรียมนั่นไม่ได้มีอะไรที่น่าอาย แต่ตอนนี้เขาไม่ตั้ง นี่หากว่าแพร่ออกไป ก็ขายหน้าหนักเลย!
นึกถึงเขาที่เป็นองค์ชายหกของเย่เหลียง เข้ามาที่วังหลังของต้าฉู่ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถดูค่ำคืนที่สวยงามของวสันตฤดูกับองค์จักรพรรดิแห่งต้าฉู่ได้ กลับทำตนเองจนชูตั้งไม่ขึ้นแล้ว ใครได้ยินก็จะหัวเราะจนต้องเอามือมากุมที่ท้อง
เขาขายหน้าคนนั้นไม่ได้
สุดท้ายเย่ซวิ่นตอบอย่างท้อแท้หมดอาลัยตายอยากว่า “ช่างเถิด ตอนนี้ข้ารู้สึกได้…..ว่าสบายมากจริงๆ”
สุดท้ายเย่ซวิ่นเลยเก็บความโชคดีโดยไม่คาดคิดนี้ไว้ในใจ เขาปฏิบัติต่อหนังสือลามกอนาจารนี้ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อนางกำนัล คาดว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจ เขาสนใจคิดถึงที่สุดก็ยังเป็นเฉินเสียนหญิงผู้นั้น
สรุปว่าไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจริงๆ ใช่หรือไม่ ลองไปหาเธอที่นั่นก็รู้แล้ว
ด้วยเหตุนี้วันนี้ เลยถือโอกาสตอนที่ซูเจ๋อไปรับซูเซี่ยนเลิกเรียนที่โรงเรียนไท่ ตอนที่เฉินเสียนเดินผ่านอุทยานอวี้ฮัวเพียงลำพัง สำหรับเย่ซวิ่นก็เป็นโอกาสที่หาได้ยาก
เขาแอบอยู่ตรงพุ่มไม้ข้างทางนานแล้ว มองไปทางเฉินเสียนที่เดินมาทางด้านนี้ ยิ่งเดินยิ่งใกล้ นางกำนัลที่ติดตามเดินอยู่ทางด้านหลังนาง
หญิงสาวใต้แสงสว่างของวสันตฤดูนั่น ราวกับเป็นสามีภรรยาที่รักกันมากกับซูเจ๋อ ทำให้เธอเปล่งประกายเฉิดฉายสดชื่นเพิ่มมากกว่าเมื่อก่อน
ผิวของเธอขาวนวล ทรวดทรงอกเอวโค้งเว้า รูปร่างของเธออรชรอ้อนแอ้นกินใจราวกับกิ่งของต้นหลิวช่วงวสันตฤดู แม้ว่าสวมใส่ชุดเครื่องแบบของจักรพรรดิ ก็ปิดบังไม่มิด เลือนรางสลัวมองไม่ชัดเจน กลับยิ่งดึงดูดคนมากขึ้น
ตอนที่เฉินเสียนเดินผ่านทันใดนั้นเย่ซวิ่นก็วิ่งออกมาจากพุ่มไม้ เตรียมพร้อมโอบกอดเธอ
แต่จะคิดที่ไหน เฉินเสียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว แฉลบตัวหลบออกไปด้านข้าง
เย่ซวิ่นกอดอากาศความว่างเปล่า แต่ทว่าผมของเธอกลับพัดผ่านหน้าเขา นำความหอมของเธอโชยเข้าจมูกเขาทันที
เมื่อก่อนยามค่ำคืนนอนไม่หลับนับครั้งไม่ถ้วน เย่ซวิ่นไม่ใช่ไม่เคยนึกถึงเธอ ทุกครั้งที่นึกถึง จะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงอย่างผิดปกติ
ยิ่งกว่านั้นตอนนี้ได้ดอมดมกลิ่นหอมของเส้นผมเธอ จับที่มุมกระโปรงของเธอด้วย
แต่ทว่า เย่ซวิ่นสามารถควบคุมไฟของใจที่ร้อนแผดเผาขึ้นได้ ร่างกายไร้รสชาติไร้การสั่นไหวตลอดมา
จบแล้ว เวลานี้เขาป่วยจริงๆแล้ว แม้แต่เผชิญหน้ากับเฉินเสียนยังไม่มีความรู้สึก
เย่ซวิ่นตกตะลึงพรึงเพริดหมุนตัวแล้วเดินไป เหลือไว้เพียงเฉินเสียนที่ยังไม่ทันได้โมโห เธอถามอยู่ด้านหลังด้วยท่าทางที่หงุดหงิดว่า “เย่ซวิ่น เจ้ากินยาผิดหรือ?”
“ข้ากินยาผิด ฝ่าบาทกัดข้า!”
นางกำนัลที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายเย่ซวิ่นเห็นว่าเขาไม่มีชีวิตชีวาจริงๆ อารมณ์ตกต่ำห่อเหี่ยว เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่มีโรค ก็เกรงว่าต้องกลัดกลุ้มจนมีโรคมาแล้ว
ครั้นแล้วนางกำนัลกล่าวเสนอว่า“เช่นนั้นองค์ชายค่อยให้หมอหลวงมาดูอีกครั้งไหมเพคะ?”
เย่ซวิ่นพลิกตัว กล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “ในสำนักหมอหลวงล้วนเป็นกลุ่มที่ไม่มีประโยชน์ มีอะไรที่ต้องดู ”เขาเป็นโรคที่ไม่อาจเปิดเผยได้ ไม่สามารถพูดกับหมอหลวงได้ หมอหลวงมาตรวจอาการเจ็บไข้ตรวจไม่เจอก็ไม่มีประโยชน์
นางกำนัลกล่าวว่า “แต่บ่าวเพิ่งจะรู้ว่าในสำนักหมอหลวงมีหมอหลวงหญิงความชำนาญทางการรักษาไม่เลว แต่ก่อนนางไม่ใช่ว่ามาเรียนรู้วิชาตำราทางการแพทย์กับองค์จักรพรรดิอยู่บ่อยๆหรือเพคะ”
เรื่องนี้เย่ซวิ่นก็เคยได้ยิน ครู่ใหญ่ได้ทำเสียงจิ๊ปาก กล่าวว่า “ก็คือคนที่ชื่อฝูหลิงใช่หรือไม่?”ที่เจอกันบ่อยๆในพระราชวัง เมื่อก่อนเคยเห็นไกลๆหนสองหน
แต่เพราะว่าห่างกันไกล เห็นเพียงหมอหลวงหญิงผู้นั้นสวมใส่ชุดเครื่องแบบหมอหลวง เทียบกับหมอหลวงคนอื่นขึ้นมา ตัวเตี้ยๆเล็กๆ บวกกับสวมหมวก โดยภาพรวมเบื้องต้นแล้วดูไม่ออกว่ามีลักษณะหน้าตาอย่างไร
เย่ซวิ่นคิดวนไปมา โรคที่ไม่สามารถเปิดเผยของตนนี้ไม่สามารถพูดกับคนนอก แต่หมอหลวงนั่นเป็นผู้หญิง ถ้าหากว่าให้นางมาดูด้วยตนเอง คล้ายกับว่านางก็ไม่มีหน้าที่จะไปประกาศคนนอกรับรู้
เย่ซวิ่นยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าได้แหละ เขาลุกขึ้นจากเตียงไม้ แล้วกล่าวกับนางกำนัลว่า “ไป ไปเรียกหมอหลวงหญิงนั่นมาให้ข้า”
ปกติฝูหลิงเข้าเวรอยู่ที่สำนักหมอหลวง นางจากที่ทุกเดือนจะลงเวลาไว้มาตรวจวินิจฉัยให้เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักแล้ว เวลาอื่นก็ไม่ได้มีอะไรที่ยุ่ง เวลาส่วนใหญ่ก็อยู่ที่สำนักหมอหลวงเพื่อครุ่นคิดอ่านตำราวิชาทางการแพทย์
ได้ยินว่าองค์ชายหกต้องการเรียกนางไปตรวจวินิจฉัยโรค ความสัมพันธ์กับเหล่าหมอหลวงในสำนักหมอหลวงก็ไม่เลว ด้วยเหตุนี้หมอร่วมอาชีพเดียวกันมีเจตนาดีกล่าวเตือนนางว่า“องค์ชายหกนั้นอารมณ์ร้ายมาก เจ้าระมัดระวังอย่ากวนโมโหพระองค์ล่ะ”
ฝูหลิงนำเข็มเงินเก็บเข้าไปในกล่องยา กล่าวว่า “พระองค์อารมณ์ร้าย ข้าปักเข็มลงไปไม่กี่เข็ม รับรองว่าพระองค์ประพฤติดีละ”
เข็มเงินของฝูหลิงนั้นทำให้ไม่มีอะไรจะพูดเลย หมอร่วมอาชีพเพียงแค่หัวเราะ
ไม่นาน ฝูหลิงได้แบกกล่องยาไปที่พระตำหนักฉีเล่อ