ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 740 ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นเช่นไร ไม่ถามประวัติชีวิต
ซูเจ๋อหรี่ตามอง และยิ้มอย่างไม่มีพิษภัยพร้อมกับกล่าวว่า “แต่ข้าทำไม่เป็น”
เฉินเสียนดึงเขาขึ้นมา “ถ้าไม่เป็นข้าจะสอนท่าน” เมื่อก่อนเป็นซูเจ๋อที่สอนเธอ ตอนนี้เปลี่ยนให้เธอเป็นคนสอนซูเจ๋อบ้าง ดูเหมือนว่าความรู้สึกแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
ดังนั้นเฉินเสียนจึงอธิบายให้เขาฟังอย่างละเอียดหนึ่งครั้ง ควรจะให้ความสนใจไปที่ใด ควรจะใช้แรงกำลังไปที่ใด ต่าง ๆ นานา และแสดงให้เขาดูอย่างไม่ย่อท้อ จากนั้นจึงถอยออกไปและมองดูซูเจ๋อฝึกซ้อม
ซูเจ๋อเคลื่อนไหวช้ามากในตอนแรก และถามเฉินเสียนด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “แบบนี้ใช่ไหม?”
เฉินเสียนพยักหน้า “ใช่ แบบนี้แหละ”
ความเร็วในมือของเขาเริ่มเร็วขึ้นเรื่อย ๆ “แบบนี้ถูกแล้วใช่ไหม?”
จากนั้นเฉินเสียนก็มาอยู่ข้าง ๆ มองดูมือของเขาชกไปมาระหว่างแท่งหุ่นไม้จำนวนมาก ความเร็วและความแข็งแกร่งนั้นมีความคล่องตัวและพลิ้วไหวมาก จนเกือบจะทำให้เฉินเสียนเวียนหัว และเขาดูสงบมากและไม่พบว่ามันยากเลย และเขาดูจดจ่ออย่างมากและไม่เหมือนว่ามันจะเหนื่อยยากเลย
หุ่นแท่งไม้ที่ดีดเข้าใส่มือของซูเซี่ยนเมื่อสักครู่ ตอนนี้กลับไม่มีสักแท่งที่ดีดกลับเข้ามาโดนมือของซูเจ๋อได้เลย
สองคนแม่ลูกต่างพากันตกตะลึง
เมื่อได้ยินเสียงเตะต่อย แท่งหุ่นไม้ก็หักลง และกระเด็นออกไปข้างนอก
ซูเจ๋อจับแท่งหุ่นไม้ไว้ และหันกลับมาแล้วพูดกับสองแม่ลูกที่กำลังตกตะลึง “คงเป็นเพราะข้าจับจังหวะได้ไม่ค่อยดี แท่งหุ่นไม้เลยถูกข้าเตะจนพังไปเลย ไม่งั้นตอนบ่ายเดี๋ยวข้าจะซ่อมแซมดู”
เฉินเสียนกล่าวอย่างราบเรียบ “หักไปสักแท่งไม่เป็นไรหรอก”
ผู้ชายคนนี้เขาไม่ได้บอกว่าเขาทำไม่เป็นไม่ใช่หรือ เขาจำไม่ได้แล้วว่าเขาเคยต่อสู้อย่างไร ทำไมเขาถึงยังทำได้ดีขนาดนี้
ต่อมาเฉินเสียนมีเรื่องการบริหารบ้านเมืองที่ต้องจัดการ เธอจึงออกไปก่อน ปล่อยซูเจ๋อและซูเซี่ยนอยู่ด้วยกัน
ซูเจ๋อเดินไปหยิบแท่งไม้ที่หัก มองไปที่ซูเซี่ยนซึ่งนั่งอยู่บนขั้นบันได และกล่าวว่า “เมื่อก่อนท่านแม่ของเจ้าเรียนฝึกซ้อมหุ่นไม้ได้แค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ให้พ่อสอนเจ้าดีไหม?”
ซูเซี่ยนมีสติจากอาการมึนงงและค่อย ๆ ยิ้มเล็กน้อย เขาลุกขึ้น ตบเสื้อผ้าแล้วเดินไปหาซูเจ๋อ ซูเจ๋อตั้งรับเขาไว้ข้างหน้า และเริ่มสอนเขาอย่างละเอียด
ความสามารถในการเข้าใจของซูเซี่ยนนั้นดีมาก และต่อมาเขาก็ไม่เคยโดนดีดด้วยหุ่นไม้อีกเลย
ขณะฝึกซ้อม เขาถามว่า “ดูจากลักษณะของท่านแม่แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ว่าท่านพ่อฟื้นคืนความทรงจำแล้ว ท่านพ่อไม่คิดจะบอกท่านแม่หรือขอรับ?”
ซูเจ๋อกล่าวว่า “ท่านแม่ช่วยให้พ่อฟื้นคืนความทรงจำ ส่วนพ่อก็กลับมาร่วมสัมผัสประสบการณ์ทุกอย่างใหม่กับท่านแม่ แค่บอกด้วยปากจะดีอย่างไร”
ถึงแม้จะพูดมาแบบนี้ แต่ซูเซี่ยนคิดว่า ท่านพ่อของเขากำลังแกล้งท่านแม่ของเขาแบบนี้ คงเพราะเห็นเป็นเรื่องสนุก แต่ยังไงเขาก็ไม่เข้าใจความสนุกระหว่างสามีและภรรยาอยู่ดี
แต่ซูเซี่ยนยังคงพูดอย่างตั้งอกตั้งใจ “ขอเพียงแค่ท่านพ่อไม่ยกก้อนหินขึ้นมาทำร้ายตัวเองเหมือนคราวที่เรื่องพระชายารุ่ยครั้งนั้นก็พอขอรับ”
หนึ่งปีต่อมา เฉินเสียนเรียกท่านแม่ทัพใหญ่ฉินหรูเหลียงที่ดูแลบริเวณเขตชายแดนภาคเหนือของเป่ยเจียงกลับไปเมืองหลวงเพื่อรายงานหน้าที่การทำงานของเขา
ไม่ได้เจอกันนานเป็นปี ฉินหรูเหลียงมีใบหน้าที่หล่อเหลาเฉียบคมกว่าที่เคย อาจเป็นเพราะสภาพอากาศที่โหดร้ายในเขตภาคเหนือของเป่ยเจียงซึ่งทำให้เขาหล่อและคมยิ่งขึ้น
เฉินเสียนได้อ่านสาส์นกราบทูลข้อราชการของฉินหรูเหลียงแล้ว ดินแดนบริเวณเขตชายแดนที่อยู่ภายใต้อำนาจการดูแลของเขา ทำให้ผู้คนของทั้งสองอาณาจักรมีความมั่นคงและความสามัคคีมาก
เฉินเสียนตรัสถาม “ได้มีผู้หญิงที่หมายตาไว้ที่เป่ยเจียงบ้างไหม?”
ฉินหรูเหลียงตอบสั้น ๆ เพียง “ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนรู้ว่าเขาไม่มีแน่ เรื่องของเขาที่เป่ยเจียง เฉินเสียนก็พอรู้อะไรมาบ้าง
เฉินเสียนตรัสว่า “งั้นกำหนดสัญญาหนึ่งปีก็มาถึง ในเมื่อท่านไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องสำคัญในชีวิตของท่านเองบ้าง งั้นข้าก็จะเลือกคู่ครองให้กับท่านเอง”
ฉินหรูเหลียงไม่ได้ปฏิเสธ “ฝ่าบาทได้โปรดกรุณาตัดสินพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
เขาไม่มีใครในใจ และอาจจะรู้สึกว่าการแต่งงานกับใครนั้นไม่สำคัญอะไร ตราบใดที่เฉินเสียนขอให้เขาแต่งงาน เขาก็จะแต่งงาน ถ้ามันเป็นงานที่ต้องทำให้เสร็จ
การแต่งงานกับอาณาจักรอื่นในฐานะท่านแม่ทัพมีประโยชน์กับอาณาจักรต้าฉู่มาก และไม่ใช่เป็นการแต่งงานที่ไม่ได้อะไรเลย
เฉินเสียนตรัสว่า “ในเมื่อให้ข้าตัดสินใจ งั้นข้าก็จะเลือกบุคคลที่เหมาะสมให้กับท่าน ช่วงนี้ข้าได้ปรึกษาหารือกับเป่ยเซี่ย ขอให้ทางเป่ยเซี่ยส่งองค์หญิงมาเป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ”
หัวใจที่สงบไม่รู้สึกอะไรของฉินหรูเหลียงจมดิ่งลง และเขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงหญิงสาวพิงกำแพงในคืนที่หิมะปีที่แล้ว ร่างกายของนางสัมผัสริมฝีปากของเขา จากนั้นนางก็จากไป
เขาคุกเข่าลงและตอบว่า “หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาท”
เฉินเสียนเหล่ตามองไปที่เขา “ที่ข้ามีรูปวาดขององค์หญิงท่านนั้น และรวมไปถึงประวัติของพระองค์ ท่านแม่ทัพต้องการดูหรือไม่?”
ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันยังจำได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ยังจำได้?” เฉินเสียนถามด้วยความประหลาดใจ “ข้ายังไม่เคยเห็นหน้าขององค์หญิงท่านนั้นเลย ท่านแม่ทัพเคยเห็นหรือ?”
ฉินหรูเหลียงสะดุ้งเล็กน้อย
เฉินเสียนโน้มตัวไปข้างหน้าและวางไว้บนโต๊ะของจักรพรรดิแล้วตรัสว่า “หรือท่านคิดว่าเป็นองค์หญิงจาวหยาง? แต่ไม่ใช่ คนนั้นคือองค์หญิงจาวเหอแห่งเป่ยเซี่ย ส่วนองค์หญิงจาวหยางน่ะหรือ? ตอนแรกนางก็ชอบท่าน แต่ก็นับว่านางคิดถูกแล้ว รู้ว่าอยู่ที่นี่นางไม่มีโอกาสกับท่าน ก็เลยกลับไปเป็นองค์หญิงเหมือนเดิมที่เป่ยเซี่ย หากท่านไม่ชอบนาง ข้าก็ไม่ยัดเยียดนางให้กับท่านไม่งั้นจะทำให้นางเจ็บปวดและถูกรังแก อย่าพูดว่าซูเจ๋อจะยอม ข้าก็ไม่ยอม”
ฉินหรูเหลียงก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไร
เพียงครู่หนึ่ง เฉินเสียนจึงตรัสว่า “แต่ถ้าหากท่านชอบนาง และต้องการที่จะแต่งงานกับนาง ข้าสามารถพูดคุยกับเป่ยเซี่ยอีกครั้งหนึ่ง เปลี่ยนให้นางมาเป็นภรรยาของท่าน”
ในความทรงจำของฉินหรูเหลียง องค์หญิงจาวหยางเป็นผู้หญิงที่มีชีวิตชีวาและสดใส ถ้านางจะต้องติดตามเขาไปจริง ๆ บางทีชีวิตนี้อาจจะถูกเขาทำให้ผิดหวังไปตลอด
ไม่เช่นนั้นเขาแต่งงานกับผู้หญิงแปลกหน้าไปเลยจะดีกว่า
ฉินหรูเหลียงกล่าวด้วยเสียงต่ำ “ขอบพระทัยฝ่าบาท แต่ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อเลือกว่าเป็นองค์หญิงจาวเหอ งั้นก็เป็นพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นหลังจากที่องค์หญิงแต่งงานมาอยู่กับท่านแล้ว ท่านต้องดูแลนางดี ๆ”
“หม่อมฉันจะเคารพและให้เกียรติพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนถอนหายใจและกล่าวว่า “งั้นก็ตกลงเป็นองค์หญิงจาวเหอแล้วกัน องค์หญิงจาวหยางควรจะคู่ควรกับคนที่รักนางจริง ๆ ข้าได้ยินมาว่านางก็กำลังจะแต่งงานที่เปยเซี่ยแล้ว”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
จากนั้นต้าฉู่และเป่ยเซี่ยก็เริ่มเตรียมตัวสำหรับงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสนี้ ฉินหรูเหลียงได้มอบให้เฉินเสียนมีอำนาจตัดสินใจแทนเขาทั้งหมด เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เขาไม่ได้ใช้เวลามากในเมืองหลวงของต้าฉู่ ดังนั้นเขาจึงกลับไปทางเหนือของเป่ยเจียง
เมื่อถึงเวลาที่เจ้าสาวถูกส่งไปที่บ้านของเขาในเป่ยเจียง เขาก็มีหน้าที่รับผิดชอบในการแต่งงานและรับเจ้าสาวเข้ามาในบ้านของเขา
จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าองค์หญิงจาวเหอนั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร แต่เขาก็ไม่ได้อยากรู้เลย
เมื่อเร็ว ๆ นี้กลุ่มโจรหนีจากเป่ยเซี่ยไปยังต้าฉู่อย่างหัวซุกหัวซุน ได้ยินมาว่ากลุ่มโจรนี้ก่ออาชญากรรมทุกหนทุกแห่ง และจับกุมหญิงสาวจากครอบครัวใหญ่แล้วจับเป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่ สิ่งที่น่ารังเกียจคือครอบครัวที่ถูกเรียกค่าไถ่จ่ายค่าไถ่ตามคำขอของพวกมัน แต่ผู้หญิงที่ถูกจับกุมถูกปล้นความบริสุทธิ์ของพวกนางไป
แน่นอนว่าเป่ยเซี่ยส่งกองกำลังทหารไปปราบปรามพวกโจรหลายครั้ง แต่ก็ยังทำให้พวกมันหลบหนีไปได้ คราวนี้พวกมันเข้าไปในดินแดนเขตของต้าฉู่ เพื่อรักษามิตรภาพระหว่างสองอาณาจักรและหลีกเลี่ยงพวกอันธพาลจากการทำร้ายผู้คนของต้าฉู่อีกครั้ง ฉินหรูเหลียงจึงต้องการช่วยเหลืออย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เขาได้รับจดหมายด่วนระยะทางกว่าสี่ร้อยลี้จากท่านอ๋องมู่แห่งเป่ยเซี่ย และในเวลานี้ท่านอ๋องมู่ก็กำลังเดินทางไปที่ชายแดนของต้าฉู่แล้ว
ในจดหมายระบุว่ากลุ่มโจรได้จับกุมตัวองค์หญิงจาวหยางไป