ข้าคือหงส์พันปี - บทที่ 85 เกิดเรื่องระหว่างทาง
ฉินหรูเหลียงตัวสั่น วินาทีถัดมาเหมือนลมพัดตรงหน้าเฉินเสียน หายไปจากถนนสวนดอกพุดตานในพริบตาเดียว
แม่บ้านจ้าวรีบหยุดสาวใช้ที่กล่าวเช่นนั้นเอาไว้ แล้วพูดขึ้น “นายหญิงน้อยฆ่าตัวตายจริงๆ หรือ?”
สาวใช้พยักหน้ากล่าว “นายหญิงน้อยแขวนคอฆ่าตัวตายจริงๆ เจ้าค่ะ หากพี่เซียงหลิงไม่พบได้ทันเวลา เกรงว่าจะเสียจริงๆ เจ้าค่ะ!”
เฉินเสียนยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “ดูเหมือนเซียงหลิงจะพบได้ทันเวลาจริงๆ”
สิ้นสุดคำพูด พ่อบ้านก็เดินมาจากหน้าเรือน เห็นเฉินเสียนก็กล่าวอย่างเคารพ “องค์หญิง เกี้ยวคุณชายเหลียนมาถึงแล้วขอรับ บอกว่าจะมารับองค์หญิงไป”
เฉินเสียนขมวดคิ้ว เวลานี้แล้ว เหลียนชิงโจวมารับเธอเพราะเหตุใด?
เห็นเฉินเสียนไม่กล่าว พ่อบ้านก็กล่าวอีกครั้ง “องค์หญิง ท้องฟ้ามืดแล้ว บ่าวไปปฏิเสธคุณชายเหลียนว่าพรุ่งนี้องค์หญิงค่อยไปดีกว่าไหมขอรับ?”
เฉินเสียนยกมือขึ้นหยุด ลุกขึ้นแล้วกล่าว “อย่างไรก็มิไกล ข้าไปสักหนก็ใช้เวลาไม่มาก”
พ่อบ้านวางใจได้อย่างไร หากองค์หญิงไปแล้วมิกลับมาหนึ่งคืน ท่านแม่ทัพรู้เข้าจะไม่โกรธหรือ?
พ่อบ้านกล่าว “มิเช่นนั้น บ่าวไปบอกท่านแม่ทัพเสียก่อนดีไหมขอรับ?”
เฉินเสียนกล่าวยิ้มๆ “แน่นอน แต่เมื่อครู่นี้ท่านแม่ทัพเพิ่งไปสวนดอกพุดตาน ได้ยินว่านายหญิงน้อยแขวนคอฆ่าตัวตาย เจ้าอยากไปหาเรื่องเดือดร้อนหรือ?”
พ่อบ้านเงียบปาก
จากนั้นแม่บ้านจ้าวก็ไปคืนแมวให้ข้างบ้าน เฉินเสียนจึงพาอวี้เยี่ยนออกไปจากประตูใหญ่ด้วยกัน
เกี้ยวนุ่มๆ อันนั้นตอนนี้หยุดตรงหน้าประตูใหญ่ รอให้เฉินเสียนขึ้นมัน
ขณะที่เฉินเสียนออกจากจวน ฉินหรูเหลียงก็รีบไปที่สวนดอกพุดตาน เห็นผ้าไหมสีขาวยาวสามฟุตห้อยอยู่ในห้อง สีหน้าก็ค่อนข้างซีดเซียว
หลิ่วเหมยอู่ได้รับการช่วยเหลือลงมาเรียบร้อย รอยแดงบนคอบอบบางนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง ลมหายใจอ่อนแอ สีหน้าซีดเผือด
เซียงหลิงร้องไห้ตาแดงอยู่ข้างๆ “นายหญิงเจ้าคะ เหตุใดท่านถึง……”
หลิ่วเหมยอู่ยิ้มเศร้าสร้อยกล่าวขึ้น “ข้าก็แค่คนที่ท่านแม่ทัพทอดทิ้ง มีชีวิตอยู่ไปก็ขวางหูขวางตาท่านแม่ทัพ ตายไปเพื่อความโล่งใจกันและกันเสียดีกว่า”
ฉินหรูเหลียงเข้ามาในห้องก็กอดหลิ่วเหมยอู่แน่น
ทั้งสองคนไม่พูดอะไรอยู่นานมาก
หลังจากหลิ่วเหมยอู่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างไร้เดียงสา ฉินหรูเหลียงก็กล่าว “เหมยอู่ ขอโทษนะ ขอโทษ……ข้าไม่ควร ไม่ควรจงใจละเลยเจ้า”
“ท่านแม่ทัพลืมเหมยอู่ไปนานแล้ว มาทำอะไรที่นี่หรือเพคะ? เหมยอู่อยู่ที่นี่เพียงคนเดียว ไม่มีที่พึ่งพิง ท่านแม่ทัพคือทุกอย่างของเหมยอู่……แต่ตอนนี้เหมยอู่สูญเสียทุกอย่างแล้ว จะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรล่ะเพคะ?”
ฉินหรูเหลียงไม่คิดว่าจะเกิดปัญหามาถึงจุดนี้ เขากอดหลิ่วเหมยอู่แน่นขึ้น แล้วกล่าว “ใครบอกว่าข้าลืม ข้ามิได้ลืม ข้าแค่อยากใจเย็นเสียหน่อย”
หลิ่วเหมยอู่ร้องไห้แทบตายในอ้อมแขนเขา
ทั้งสองแลกเปลี่ยนความรู้สึกจริงใจต่อกัน ราวกับกลับมาสู่อดีตที่เคยรักกันอย่างดูดดื่ม ภายในใจมีแค่อีกฝ่ายเท่านั้น
หลิ่วเหมยอู่ให้ฉินหรูเหลียงอยู่ที่สวนดอกพุดตานตลอดเวลา ฉินหรูเหลียงเห็นนางมีท่าทางทุกข์ใจ ก็มิอยากจากไปจนถึงค่ำ
เมื่อกล่าวถึงวัยเด็ก หลิ่วเหมยอู่ก็ยิ้มทั้งน้ำตากล่าวขึ้น “ตอนเด็กๆ ครอบครัวข้ามิได้โดดเด่น ถูกองค์หญิงข่มเหงอยู่เสมอ ตอนนั้นท่านแม่ทัพยืนหยัดปกป้องข้า” หลิ่วเหมยอู่มองฉินหรูเหลียงด้วยความเสน่หา “ต่อจากนี้ไปท่านแม่ทัพปกป้องเหมยอู่ต่อไปได้หรือไม่เจ้าคะ?”
ฉินหรูเหลียงตอบ “ได้สิ ข้าจะปกป้องเจ้าตลอดไป”
อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเฉินเสียนขึ้นมา จึงกล่าวขึ้น “วันนี้ข้าเพิ่งรู้ ว่าแมวตัวนั้นที่สวนสระวสันตฤดูตายไปแล้ว”
หลิ่วเหมยอู่ชะงัก สีหน้าเศร้าสร้อย “เป็นไปได้อย่างไรเพคะ! แมวตัวนั้นน่ารักมากขนาดนั้น ตอนข้าส่งกลับไปมันยังมีชีวิตอยู่เลย เหตุใด……จู่ๆ ถึงตายล่ะเเจ้าคะ?”
เห็นหลิ่วเหมยอู่มีการตอบสนองที่เศร้าใจ ฉินหรูเหลียงก็สบายใจขึ้น เอ่ยปลอบ “แม้แต่แมวนางก็เลี้ยงไม่ได้ด้วยซ้ำ ตายไปแล้วจะโทษผู้ใดได้ เหมยอู่ ไม่ต้องเสียใจนะ”
เฉินเสียนออกจากจวนแม่ทัพไป นั่งเกี้ยวนุ่มเปิดม่านด้านใน เห็นพระอาทิตย์ตกจมลงสู่หุบเขาเบื้องล่างสุดขอบฟ้า แสงเรืองรองน่าดึงดูดใจบนท้องฟ้าค่อยๆ เลือนออกไปจากท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
ในเวลานี้ไม่ร้อนเหมือนตอนกลางวัน เดินอยู่ในตรอกซอยแคบ ได้ยินเสียงจักจั่นในเรือนไหนสักแห่งร้องกันเซ็งแซ่
เมื่อผ่านตรอกแคบนี้ มีผู้คนในซอยน้อยมาก อวี้เยี่ยนเดินข้างเกี้ยว เห็นเฉินเสียนมองออกมา ไม่ลืมที่จะพัดให้นาง ขณะที่กล่าวขึ้น “ดึกป่านนี้แล้วคุณชายเหลียนยังมาเชิญ เดี๋ยวอีกสักครู่ยิ่งดึกกลับมาไม่สะดวกจะทำอย่างไรเพคะ?”
เฉินเสียนค่อยๆ กล่าวขึ้น “ที่ใดฟ้ามืดก็นอนที่นั่นเสีย”
“แต่คราวก่อนท่านแม่ทัพไปหาที่บ้านคุณชายเหลียนนะเพคะ”
เฉินเสียนหัวเราะสองที แล้วกล่าวขึ้น “วันนี้เกรงว่าสุนัขฉินจะยุ่งกับการกินไก่หลิ่ว ไม่ว่างมาก่อเรื่องหรอก”
อวี้เยี่ยนกล่าว “องค์หญิงพักเสียหน่อยเถิดเพคะ เดี๋ยวถึงแล้วบ่าวจะเรียกพระองค์เองเพคะ” อย่างไรแล้วท่านแม่ทัพก็อยู่กับนายหญิงหลิ่ว จะต้องไม่มารบกวนองค์หญิงเป็นแน่ คิดเช่นนี้แล้วอวี้เยี่ยนก็วางใจ
เฉินเสียนลดผ้าม่านลง พิงเกี้ยวนุ่มๆ แล้วหลับตาพักผ่อน แต่จากนั้นไม่นานนัก เกี้ยวนุ่มๆ ที่แทบมิเคยเป็นโตลงเคลง จู่ๆ ก็เกิดการกระแทกอย่างรุนแรง
เฉินเสียนตกใจ ลืมตาขึ้นมา ยังไม่ทันลุกขึ้น ทันใดนั้นเกี้ยวนุ่มๆ ก็ล้มลงข้างหนึ่ง นางกลิ้งไปมาอยู่ด้านใน
ทันใดนั้นข้างหูก็ได้ยินเสียงต่อสู้ ตามด้วยเสียงอุดอู้ตามมาติดๆ
กลิ่นเลือดรุนแรงลอยเข้ามาจากด้านนอก
“อวี้เยี่ยน?”
เฉินเสียนตะโกนอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับของอวี้เยี่ยน
เสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านนอก
เฉินเสียนมีสีหน้ามืดมน ลุกขึ้นมาจากเกี้ยวนุ่มอย่างว่องไว เปิดม่านเตรียมจะออกไปอย่างง่ายดาย
แต่เมื่อเปิดม่านออก การกระทำของเฉินเสียนก็หยุดลง
มีดส่องประกายด้ามหนึ่งแนบอยู่บนคอนาง บนมีดนั้นเปื้อนเลือด หยดเหนียวหนึบลงมาส่วนหน้ากระโปรงสีธรรมดาของเฉินเสียนทีละหยด ราวกับดอกบ๊วยเบ่งบาน
ชายหยาบคายไม่กี่คนสวมชุดธรรมดากำลังยืนหน้าเกี้ยว ร่างกายคลุ้งไปด้วยเหงื่อและความบ้าคลั่ง นัยน์ตาคล้ายหมาป่าจ้องเขม็งเฉินเสียน
อากาศโดยรอบเหมือนเย็นลง ความรู้สึกกดดันและความรู้สึกขาดอากาศหายใจอย่างรุนแรงทำให้เฉินเสียนหายใจติดขัดเล็กน้อย
ผู้นำคนนั้นเห็นใบหน้านางชัดเจน ถ่มน้ำลายลงบนพื้น “แม่ง ที่แท้ก็พวกผู้หญิงอัปลักษณ์!” เขาส่งมีดไปทางลำคอเฉินเสียนสองที แล้วกล่าวอย่างก้าวร้าว “เจ้าจะออกมาเองหรือให้ข้าจับเจ้าออกมา? แต่ถ้าให้ข้าลงมือ จะไม่อ่อนโยนนะ”
เฉินเสียนมีสีหน้าเรียบนิ่ง ลุกขึ้นครึ่งตัวอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นก็ค่อยๆ เดินออกมาจากเกี้ยว
ด้านนอกมีกลิ่นเลือดรุนแรงมากยิ่งขึ้น
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เมื่อเธอจ้องมองดู พบว่าคนแบกเกี้ยวสี่คนล้วนถูกสังหาร จมอยู่ในกองเลือด!
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาแบกเธอไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
เฉินเสียนไม่เคยเห็นฉากเช่นนี้มาก่อน เลือดทิ่มแทงสายตาไปทุกที่ แต่ละศพล้มอยู่บนพื้น แต่ก่อนหน้านี้……นั่นล้วนมีแค่การแสดงในละคร!
ตอนที่แสดง เลือดกระเซ็นบนพื้นนั้นคือพลาสมาพิเศษ มันไม่มีกลิ่นคาวเลือดรุนแรงเช่นนี้ คนที่อยู่บนพื้นก็ล้วนแสร้งทำเป็นตาย และไม่ได้น่าเวทนาเกินกว่าจะดู และนอนตายตาไม่หลับเช่นนี้!