ข้าคือหงส์พันปี - บทที่16 คนร้ายทูลฟ้องก่อน
จางซื่อมิได้ใช้ตะเกียบ ใช้มือหยิบอาหารเน่าเสียขึ้นมาและกินเข้าไปอย่างหวาดกลัว
ปกติที่นางส่งของเหล่านี้ให้กับเฉินเสียนก็มิได้รู้สึกว่าเกินไปนัก แต่ตอนนี้ต้องเมื่อนางได้ลิ้มรสด้วยตัวเอง ถึงจะรู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร!
แต่ทันทีที่กินลงไป ก็อดไม่ได้ที่จะอาเจียนออกมา
เฉินเสียนมิได้รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังนั่งคอยนางกินอาหารทั้งหมดลงไป
เหล่าคนใช้ในจวนแม่ทัพต่างก็ต้องยอมนางทั้งนั้น นางยังมิเคยถูกกระทำเช่นนี้เลยสักครั้ง!
เสียงร้องแห่งความอัปยศอดสูของจางซื่อดังออกมาจากเรือนเล็ก
ในห้องอาหาร ฉินหรูเหลียงและหลิ่วเหมยอู่กำลังเตรียมรับอาหารมื้อค่ำและเรื่องนี้ก็กระจายไปถึงหูของพวกเขาโดยธรรมชาติ
จางซื่อวิ่งไปข้างหน้าด้วยความหวาดกลัว นางวิ่งไปพลางร้องคร่ำครวญไป แทบจะล่อคนทั้งจวนมาหมด
เฉินเสียนเพียงแค่เดินมือไขว้หลังอยู่ด้านหลังอย่างเฉยเมย ราวกับว่ากำลังเดินเล่นอยู่และยังดูเหมือนกำลังไล่เป็ดบ้าตัวข้างหน้าเข้ากรงอย่างไรอย่างนั้น
แต่พอวิ่งไปวิ่งมา จางซื่อก็วิ่งผ่านโถงบุปผาไป และวิ่งไปปรากฏอยู่ตรงหน้าเจ้านายทั้งน้ำตา
ขณะนี้ นางได้ล้มลงไปคุกเข่าและทูลฟ้องต่อฉินหรูเหลียงและหลิ่วเหมยอู่ว่า: “แม่ทัพ นายหญิง พวกท่านต้องช่วยบ่าวนะเจ้าค่ะ! องค์หญิงเป็นบ้าแล้วเจ้าค่ะ นางต้องการฆ่าบ่าวทิ้งเสียเจ้าค่ะ!”
ฟ้องไปพลางน้ำตาคลอและยื่นมือที่เต็มไปด้วยเลือดให้ทั้งสองดู
นี่คือหลักฐาน บนนิ้วมือของนางยังมีเสี้ยนไม้จากตะเกียบตำอยู่ ดูน่ากลัวยิ่งนัก
หลิ่วเหมยอู่ตกใจ ทนไม่ได้ที่จะมองตรงไปยังนาง
สีหน้าของฉินหรูเหลียงมืดครึ้มลงทันที
อาหารมื้อค่ำดีๆ ถูกสาวใช้คนนี้ยื่นมือที่เต็มไปด้วยเลือดมาให้ดูเช่นนั้น จะมีอารมณ์กินได้อย่างไรกัน!
หลิ่วเหมยอู่กล่าวอย่างเป็นห่วงว่า: “แม่นมจาง เกิดอันใดขึ้นงั้นรึ? ข้ารู้ว่าเจ้าทำดีที่สุดในจวนมาแต่ไหนแต่ไร เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนี้กัน?”
หลิ่วเหมยอู่ถามเช่นนั้น จางซื่อก็ตอบอย่างสะอึกสะอื้นว่า: “เย็นนี้ บ่าวไปส่งอาหารให้กับองค์หญิงตามปกติ แต่มิรู้ว่าองค์หญิงเป็นอะไรไป จู่ๆก็เป็นบ้าขึ้นมา ใช้ตะเกียบหนีบมือของบ่าว และยังคิดใช้เศษถ้วยกีดมือของบ่าวอีกเจ้าค่ะ! ทั้งยังบังคับให้บ่าวกินอาหารเน่าเสีย แต่บ่าวไม่ยอมกิน องค์หญิงเลยจะเดี้ยงมือของบ่าวเสียเจ้าค่ะ!”
จางซื่อร้องอย่างข่มขื่นและก้มหัวลงกับพื้น “ขอให้ท่านแม่ทัพและนายหญิงช่วยบ่าวด้วยเจ้าค่ะ! ดีที่บ่าววิ่งเร็ว มิเช่นนั้น คงได้ไปอยู่ในนรกแล้วเจ้าค่ะ!”
หลิ่วเหมยอู่ทั้งตกใจและหวาดกลัว กล่าวว่า: “คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงจะลงไม้ลงมือกับสาวใช้ตัวเองได้เยี่ยงนี้เชียว……”
นางมองไปทางฉินหรูเหลียงด้วยสีหน้ามิรู้จะยังไงกันแน่ และกล่าวว่า: “แต่นางก็เป็นองค์หญิงด้วยสิ ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ ท่านคิดว่าควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดีเจ้าค่ะ?”
ไม่รอให้ฉินหรูเหลียงออกปากพูด เฉินเสียนก็เดินเข้าไปในห้องอาหารแล้ว
เมื่อเห็นหน้าเฉินเสียน ภาพเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อน ยังคงปรากฏอยู่ หลิ่วเหมยอู่ไม่สามารถไม่มีปมในใจได้ ร่างกายของนางเลยเกร็งขึ้นมาทันที
ใบหน้าที่น่าเกลียดเช่นนี้ น่าขยะแขยงเสียจริง!
เหล่าสาวใช้ที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงคร่ำครวญของจางซื่อเช่นนั้น ก็แอบมองอย่างลับๆล่อๆ
เฉินเสียนเพียงแค่เดินไปยืนอยู่ข้างๆจางซื่อ จางซื่อก็หวาดกลัวจนหลบไปทั่วทุกมุม แม้กระทั่งมุดเข้าใต้โต๊ะ ทั้งน่าขันและน่าอายนัก
ในสายตาของคนภายนอก นางหวาดกลัวมากจริงๆ ทำให้เฉินเสียนดูดุร้ายยิ่งนัก
เฉินเสียนยกมุมปากขึ้น และมองจางซื่ออย่างเหยียดหยาม และกล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า: “ได้ยินว่าข้าจะฆ่าเจ้างั้นรึ? ในเมื่อเจ้าพยายามและตั้งใจเยี่ยงนี้ ข้าจะฆ่าเจ้าทำไมกัน?”
จางซื่อหลบอยู่ใต้โต๊ะและกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า: “บ่าวจะทราบได้อย่างไรเจ้าค่ะ……จู่ๆองค์หญิงก็เป็นบ้าขึ้นมา บ่าว บ่าวรับมือไม่ทันเจ้าค่ะ……นายหญิงต้องช่วยบ่าวนะเจ้าค่ะ……”
มุมปากของเฉินเสียนยิ้มบางๆ “ข้าคิดว่า ตอนนี้ข้ามีสติดีนะ ทำไมกัน ข้าดูเหมือนเป็นคนบ้าอย่างงั้นรึ?”
นางพูดไปพลางดึงเก้าอี้ออกและนั่ง ใช้หลังพิงเก้าอี้ลงไป ขาทั้งสองประสานกันแล้วกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า: “เจ้าจะเป็นบ่าวได้อย่างไรกัน ทั้งหยิกทั้งด่าข้าเช่นนั้น เจ้าสิถึงจะเป็นนายข้า”
เฉินเสียนโน้มตัวลงไป และยื่นมือออกไปอย่างกะทันหัน แรงในมือของนางแรงจนสามารถลากตัวจางซื่อที่หนาเช่นนั้นออกมาได้เลยทันที
จางซื่อเริ่มสั่นขึ้นมาจริงๆหลังจากที่เห็นรอยยิ้มตรงมุมปากของนาง
เฉินเสียนมองไปที่มือเปื้อนเลือดของนาง และเลิกคิ้วอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ไม่เลว มือของเจ้านั้น ข้าเป็นคนทำจริง แต่เพราะเหตุใดข้าถึงทำเจ้าล่ะ? เพราะเหตุใดข้าถึงให้เจ้ากินอาหารเน่าเสียกันล่ะ?”
ไม่รอให้จางซื่อตอบ ดวงตาของเฉินเสียนก็จมลงด้วยความรู้สึกกดขี่ แล้วกล่าวว่า: “ข้าจะไปที่ครัวเพื่อนำอาหารเน่าเสียมาให้เจ้ากินงั้นรึ? นั่นไม่ใช่อาหารที่เจ้าส่งมาให้ข้าหรอกหรือ?!”
“บ่าวถูกใส่ร้ายเจ้าค่ะ……”
เฉินเสียนกล่าวต่อ: “เจ้าถูกใส่ร้ายงั้นรึ? เอาเช่นนี้ ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง เพราะเจ้าเห็นข้าโง่เลยรังแกข้า หรือเพราะว่ามีคนบงการให้เจ้ารังแกข้าขณะที่ข้าโง่กันแน่?”