ข้าคือหงส์พันปี - บทที่58 ท่านทั้งสองรีบไสหัวไป!
“เฉินเสียน ท่านพูดให้ดีหน่อย”ฉินหรูเหลียงเอ่ยอย่างเย็นชา
เฉินเสียน เอ่ย“ยังมีอีก เหมยอู่ชอบ ข้าต้องยอมถอยให้? ท่านว่าถ้าหากนางชอบกระโถนในห้องของข้า ข้าต้องมอบมันให้กับนางใช่หรือไม่?”
หลิ่วเหมยอู่สีหน้าลำบากใจ ทำท่าทางจะส่งเจ้าแมวน้อยคืนให้กับเฉินเสียน แต่ทว่าชักช้าไม่ยินยอมยื่นมือออกไป ปากเอ่ยออกมาอย่างกล้ำกลืน“องค์หญิงไม่ยินยอมก็แล้วกันไปเถิดเพคะ ไม่ต้องเสียดสีเหมยอู่หรอกเพคะ”
ไม่รอให้เฉินเสียนเอาเจ้าแมวน้อยออกจากอ้อมกอดของนาง ฉินหรูเหลียงก็ก้าวเดินมาก่อนหนึ่งก้าวกดที่แมวนั้นไว้
ชั่วประเดี๋ยวเดียวเจ้าแมวน้อยก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
มันกลัวมาก ขนาดสะกิดยังไม่กล้าที่จะสะกิดฉินหรูเหลียงเลย อาจจะเพราะเมื่อก่อนเคยได้รับความทุกข์เจ็บปวดมา
เฉินเสียนจ้องมองเขม็งที่มือของฉินหรูเหลียง ฉินหรูเหลียงเอ่ยอย่างไม่แยแส“ข้าสัญญาว่าจะให้เจ้าแมวน้อยตัวนี้กับเหมยอู่แล้ว ตอนนี้เพียงแค่แจ้งให้เจ้าทราบ ต่อให้เจ้าไม่ยินยอม เจ้าก็ต้องให้นาง”
เฉินเสียนถามอย่างเรื่อยเปื่อยร่องรอย“สัตว์เลี้ยงของข้าวนไปให้ท่านเป็นเจ้านายผู้ตัดสินตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“เหอะ นี่เป็นสิ่งของของจวนแม่ทัพ”
“ถ้าหากว่าข้าไม่ยินยอมให้นางเล่า?”
ฉินหรูเหลียงมองเธอด้วยความเย็นชา พลางเอ่ย“สัตว์เลี้ยงเล็กๆ วุ่นวายจนภายในเรือนไม่สงบ อย่างนั้นแล้วเจ้าแมวน้อยตัวนี้ตายไปก็ไม่อาลัยมันหรอก”
เพียงแค่ฉินหรูเหลียงค่อยๆออกแรง ชั่วพริบตาเดียวก็สามารถที่จะบีบคอเจ้าแมวน้อยที่อ่อนแอได้
พูดอย่างชัดเจน วันนี้หนึ่งคือให้หลิ่วเหมยอู่อุ้มเจ้าแมวน้อยไป หรือให้ฉินหรูเหลียงทำให้มันตาย ใครก็อย่าคิดเอามันกลับไป
เฉินเสียนสีหน้าเปลี่ยน“แม่ทัพฉิน คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าแมวน้อยที่อ่อนแอตัวหนึ่ง จิตใจที่รู้จักบาปบุญของท่านไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือ?”
ฉินหรูเหลียงยิ้มอย่างเยือกเย็น“อย่างไรก็ดีกว่าท่าน ข้าก็ยังปฏิบัติต่อแมว แต่เจ้าจิตใจเหี้ยมอำมหิตปฏิบัติต่อคน”
เฉินเสียนหรี่ตาเอ่ยพูด“มีบางคนไม่ได้ดีเท่ากับเจ้าแมวน้อยเลย ข้าก็ลืมเสียแล้วว่าท่านแม่ทัพฉินไม่มีจิตใจที่รู้จักบาปบุญคุณโทษมาตั้งนานแล้ว เพื่อที่จะเอาใจเอาความรักจากหญิงสาว ท่านนี่ทำได้ทุกวิถีทางเพื่อจุดมุ่งหมายเสียจริงๆ”
เธอกระตุกยิ้มเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง เอ่ยอีกว่า“ผีเน่าย่อมเข้าคู่กับโลงผุ ท่านสองคนเลวทั้งคู่เหมาะสมกันเสียจริง!”
“ท่านว่าอะไรนะ? ท่านกล้านักก็พูดอีกครั้งสิ!”
หลิ่วเหมยอู่พูดเกลี้ยกล่อม “ท่านแม่ทัพระงับโทสะด้วยเจ้าค่ะ ระมัดระวังจะทำให้แมวบาดเจ็บจริงๆเจ้าค่ะ”
เฉินเสียนมองแมวด้วยแววตาสั่นหวั่นไหว เอ่ยอย่างราบเรียบ“ช่างเถิด ก็ไม่ใช่เป็นเพียงแค่แมวตัวเดียวหรอกหรือ ในเมื่อเหมยอู่ชอบมากเช่นนี้ ก็เอากลับไปเลี้ยงเถิด ข้าเชื่อว่าเหมยอู่อ่อนโยนเช่นนี้ ต้องเลี้ยงมันได้ดีแน่นอน ถ้าไม่คุ้นชินกับการเลี้ยง ก็กรุณาส่งกลับมาคืนให้กับข้า”
หลิ่วเหมยอู่ยิ้มหวานราวกับดอกไม้ ลูบที่ขนของเจ้าแมวน้อย และเอ่ย“มันกับหม่อมฉันใกล้ชิดกันมาก องค์หญิงวางใจเถิดเพคะ ไม่นานหม่อมฉันก็คุ้นชินที่มีมันเป็นเพื่อนเพคะ”
ในเมื่อได้รับแล้ว ยังจะให้เหตุผลที่มีชัยกับเธออีก
เพียงแค่เธอชอบ หลิ่วเหมยอู่ก็ต้องการที่จะแย่งไปทั้งหมด
เฉินเสียนไม่รู้สึกเลยว่าหลิ่วเหมยอู่จะดูแลเจ้าแมวน้อยตัวนี้ได้ดี
สำหรับเฉินเสียน มันไม่ได้เป็นเพียงแค่แมว แต่ยิ่งเธอยี่หระใส่ใจ หลิ่วเหมยอู่น่าจะยิ่งจับมันไว้ในมือแน่นขึ้น เธอทำได้เพียงเอ่ยว่าไม่ได้ใส่ใจยี่หระมันแล้ว
เธอไม่สามารถที่จะมองดูนิ่งเฉยให้เฉินหรูเหลียงฆ่ามันได้
น่าโมโหเสียจริงๆ
เฉินเสียนสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินไป และแขนเสื้อนั้นสะบัดโดนใบหน้าของหลิ่วเหมยอู
หลิ่วเหมยอู่ร้องด้วยความตกใจ แม้ว่าฉินหรูเหลียงจะโมโหเช่นไร เฉินเสียนก็ไม่เหลียวหลังกลับมาแล้ว
เพียงแค่ชายหญิงคู่นี้ไม่มีความสุข แล้วเธอก็ต้องไม่มีความสุขด้วย?
“เฉินเสียน ท่านหยุดเดี๋ยวนี้!”ฉินหรูเหลียงตะคอกเสียงดัง“ขอโทษเหมยอู่ซะ!”
เฉินเสียนยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์ หันหลังกลับตามอำเภอใจไม่แยแส หรี่ตามองใบหน้ายิ้มสดใส เอ่ยว่า“ท่านทั้งสองรีบไสหัวไป!ขอโทษปู่ท่านสิ!จำคำพูดข้าไว้ให้ดี เจ้าแมวน้อยตัวนี้ถ้าหากขนน้อยแม้แต่เส้นขนเดียว ข้าจะให้หลิ่วเหมยอู่ต้องถลกหนังตนเอง!”
พูดแล้วเธอก็ออกไปจากตรงนั้น
หลิ่วเหมยอู่ราวกับว่ากลัวในท่าทางของเธอ หน้าซีดเผือด เอ่ยอย่างเศร้าสลด“ท่านแม่ทัพ เหมยอู่…….ทำผิดไปแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
ฉินหรูเหลียงที่กำลังโมโห เอ่ยว่า“ไม่จำเป็นต้องกลัวนาง มีข้าอยู่ ข้าจะปล่อยให้นางทำอะไรเจ้าได้อย่างไรกันเล่า!?”
หลิ่วเหมยอู่ก้มหัวลง มองสายตาของเจ้าแมวน้อยแล้วมีรอยยิ้มของความสะใจอยู่ในนั้น แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนเดิม“เช่นนั้นเหมยอู่ก็วางใจแล้วเจ้าค่ะ”
ใช่สิ มีท่านแม่ทัพอยู่ นางยังจะต้องกลัวอะไรล่ะ
น้อยมากที่อวี้เยี่ยนจะเห็นเฉินเสียนโมโหเช่นนี้
นางเองก็โมโหเป็นอย่างมาก และยังคงต้องปลอบประโลมองค์หญิง“องค์หญิงอย่ากริ้วเลยเพคะ คนเยี่ยงนั้นไม่ควรที่จะกริ้วให้ค่าราคานะเพคะ!”
“บ่าวว่านายหญิงหลิ่วจงใจเพคะ รู้ว่าองค์หญิงเลี้ยงแมวก็มาแย่งชิงไป องค์หญิงกริ้วแล้วจะทำสุขภาพร่างกายย่ำแย่นะเพคะ แล้วจะเป็นตามที่นายหญิงหลิ่วคาดหวังไว้นะเพคะ”
เฉินเสียนสงบลงภายในเวลาสั้นๆ เอ่ยเบาๆหนึ่งประโยค“ข้าเพียงสงสารเจ้าแมวน้อยตัวนั้น”
คิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ภายในใจของอวี้เยี่ยนก็ทนไม่ไหวเช่นกัน
ปกติแมวอยู่ในสวนสระวสันตฤดูจะฉลาดอีกทั้งยังร่าเริง จะสั่นระริกอย่างเมื่อครู่นี้ที่ไหนกันเล่า
แต่ในสถานการณ์เช่นนั้น องค์หญิงจำใจจักต้องวางมือ ไม่เช่นนั้นเจ้าแมวน้อยก็จะไม่มีชีวิตต่อไป
อวี้เยี่ยนรู้ว่าเฉินเสียนชื่นชอบเจ้าแมวน้อยตัวนั้นมาก
เมื่อตอนสมัยนั้นเฉินเสียนเคยป้อนอาหารมันในห้องครัวหนึ่งครั้ง คาดไม่ถึงว่ามันยังจะจำได้ แล้วยังตามอวี้เยี่ยนกลับมาที่สวนสระวสันตฤดูให้เฉินเสียนเป็นเจ้านายของมัน
เจ้าแมวน้อยตัวนั้นเป็นแมวที่ฉลาดทั้งยังเข้าใจความหมายของคนด้วย
ตอนที่เฉินเสียนอยู่กับมันแล้วเป็นคนที่อารมณ์ดีร่าเริงแจ่มใส ไม่ว่าจะมีเรื่องราวอันใดหรือไม่มีก็หยอกล้อกันกับมันอยู่ใต้ต้นไม้ เกาจุดที่คันให้มันแปรงขนให้มันอีกด้วย
เฉินเสียนดูแลเจ้าแมวน้อยตัวนั้นดีมาก และทำความสะอาดร่างกายให้อย่างดี
ตอนนี้มันถูกหลิ่วเหมยอู่แย่งชิงไปแล้ว ก็เหมือนขาดคนในครอบครัวไปหนึ่งคน
ภายในเวลาอันสั้นนี้สวนสระวสันตฤดูก็เกิดความเงียบสงัด
เดิมทีแม่บ้านจ้าวไม่ชอบแมว แล้วจากนั้นก็ค่อยๆมีความรู้สึกรักเอ็นดูเจ้าแมวน้อย หลังจากที่ได้ยินว่ามันถูกหลิ่วเหมยอู่เอาไปแล้ว ก็มีความรู้สึกเสียใจ แต่ก็ไม่มีกำลังพอที่จะช่วยเหลืออะไรได้
แม่บ้านจ้าวเอ่ยปลอบใจ“องค์หญิงไม่ต้องเศร้าใจเพคะ กลับไปบ่าวจะไปดูที่ห้องครัวว่ายังมีแมวอีกหรือไม่นะเพคะ จะอุ้มกลับมาให้องค์หญิงเลี้ยงอีกหรือหากว่าไม่มี บ่าวจะให้พ่อบ้านไปเอาที่เรือนคนอื่นมาให้หนึ่งตัวเพคะ”
เฉินเสียนเดินเข้าห้อง นั่งลงบนเก้าอี้ หรี่ตามองดอกไม้สีสันสวยงามที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง แสงอาทิตย์สาดส่องสวยงาม
เธอไม่เอื้อนเอ่ยสักคำ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองสิ่งใด และไม่ต้องพูดถึงความโศกเศร้าเสียใจหรือว่าท่าทางที่โมโหกริ้วโกรธยิ่งไม่มี
แม่บ้านจ้าวพูดกับอวี้เยี่ยนที่อยู่ด้านนอกว่า“เจ้าเข้าไปเกลี้ยกล่อมปลอบองค์หญิงดีๆ ข้าจะไปยกน้ำซุปหวานมาให้องค์หญิง”
อวี้เยี่ยนพยักหน้ารับทราบ แม่บ้านจ้าวจึงได้หมุนตัวออกไป อวี้เยี่ยนถึงได้ย่องเท้าเข้าไปในห้องเงียบๆ
“องค์หญิง…….”เฉินเสียนนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างเป็นเวลานานแล้ว อวี้เยี่ยนเป็นห่วงจึงตะโกนเรียก
เฉินเสียนดึงสติกลับมา เลิกคิ้วด้วยความคุ้นชิน หันกลับมามองอวี้เยี่ยน แสงอาทิตย์ที่อยู่นอกหน้าต่างขับดวงตาสีดำคู่นั้นของเธอให้เด่น เหมือนกับมีน้ำตาที่หลั่งออกมาไม่เหือดแห้ง
อวี้เยี่ยนถูกสายตาของเธอดึงดูดไป ไม่รอให้เอ่ยปาก เฉินเสียนก็ชิงเอ่ยก่อน“ยาขี้ผึ้งครั้งก่อนที่ใช้รักษารอยแผลเป็นยังมีเหลืออยู่หรือไม่?”
อวี้เยี่ยนรีบเอ่ยตอบ“ยังเหลืออีกเล็กน้อยเพคะ แต่ก็ไม่มากแล้วเพคะ”
หลังจากที่ใบหน้าของเฉินเสียนหายดีแล้วนั้น ยาขี้ผึ้งที่เหลือก็ไม่ได้ใช้อีก อวี้เยี่ยนคิดว่าต่อไปถ้าหากผิวหนังมีรอยอะไร ยังสามารถเอามาใช้รักษารอยแผลได้
เฉินเสียนลุกขึ้นยืน“ไปเอามาให้ข้า”
อวี้เยี่ยนหมุนตัวไปหยิบยาขี้ผึ้งออกมาจากตลับเครื่องแต่งหน้า อีกด้านก็เอ่ยถาม“เหตุอันใดองค์หญิงถึงได้ต้องการสิ่งนี้อย่างกะทันหันเพคะ?”
เพียงแค่สามารถที่จะดึงดูดความสนใจของเฉินเสียนได้ ครั้งนี้เฉินเสียนจะทำสิ่งใดนางก็พร้อมที่จะเคียงข้างสนับสนุน