ข้าคือหงส์พันปี - บทที่662 พวกเขากล้าดียังไงมารังแกเสด็จแม่ของข้าแบบนี้
เฉินเสียนฐานะเป็นจักรพรรดินี ไม่ควรเข้าไปในห้องคลอดของประชาชน แต่นางฟังแล้วก็ยังเข้าไปกับฝูหลิง
ในเวลานั้นหว่านเอ๋อร์กรีดร้องอย่างเจ็บปวด และหมอตำแยก็พูดอย่างกังวลว่า “ตำแหน่งของทารกในครรภ์ไม่ถูกต้อง และเด็กจะไม่สามารถออกมาได้! หากเป็นเช่นนี้ทั้งแม่และเด็กก็จะเข้าสู่อันตราย!”
นิ้วที่บิดเบี้ยวของหว่านเอ๋อร์จับที่มุมแขนเสื้อของเฉินเสียน น้ำตาคลอ นางกัดฟันด้วยความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ช่วยลูกของข้าด้วย…….ต้องช่วยเขาให้ได้…….”
เฉินเสียนเงียบไปครู่หนึ่ง สีหน้าของนางกระชับเข้มขรึมขึ้น และกล่าวว่า “หากข้าจะเปิดท้องของเจ้าเพื่อช่วยลูกเจ้า เจ้าจะกลัวหรือไหม?”
หว่านเอ๋อส่ายหัว น้ำตาไหลพราก และกล่าวว่า “ไม่กลัว ข้าไม่กลัว เพียงแค่สามารถช่วยชีวิตเขาได้…….”
เฉินเสียนกล่าวว่า “ดีมาก สมควรที่ได้เป็นภรรยาของเหลียนชิงโจว เจ้ายึดมั่นในข้า หากไม่ถึงวินาทีสุดท้าย เจ้าจะยอมแพ้ไม่ได้ เข้าใจหรือไม่?”
หว่านเอ๋อร์กัดริมฝีปากของนางจนเลือดออกและพยักหน้าอย่างแรง
เฉินเสียนถอดเสื้อคลุมที่เกะกะออก มัดผมของนางแล้วล้างมือ นางไม่ค่อยที่จะแน่ใจ แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่อาจจะรอช้าได้ หากไม่รีบ ทั้งแม่และลูกอาจจะตายได้
แม้ว่าฝูหลิงจะเป็นหมอและมีทักษะทางการแพทย์ที่ดี แต่นางก็ไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ในมือได้ถือมีดบางๆ แต่ลงมือไม่ได้สักที และหลังมือที่เปื้อนเลือดก็เช็ดเหงื่อไปที่หน้าผากอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า กล่าวว่า “หม่อมฉันทำไม่ได้………..”
เฉินเสียนหยิบเอามีดบางๆ สั่งให้ฝูหลิงใช้เข็มเงินฝังเข็มไปที่จุดต่างๆ เข็มเงินที่เจาะเข้าไปในจุดฝังเข็มจะชุบด้วยยา ซึ่งมีฤทธิ์ในการห้ามเลือดและบรรเทาอาการปวด
ยาละลายเข้าสู่กระแสเลือดของหว่านเอ๋อร์โดยตรง เนื่องจากความเจ็บปวดเบาลง ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน และกลิ่นคาวเลือดในห้องก็แรงมาก
เหลียนชิงโจวกลับเรือนก่อนพระอาทิตย์ตก ทันทีที่เข้าไปในเรือนก็ได้ยินว่าหว่านเอ๋อร์กำลังคลอดลูก แต่นางมีอาการผิดปกติ และถึงตอนนี้ยังไม่มีใครออกจากห้อง
เหลียนชิงโจวเป็นกังวลมาก ถ้าไม่ใช่เพราะถูกพ่อบ้านหยุดยั้งไว้ เกรงเขาอาจจะรีบเข้าไปในห้องทันที
เมื่อเด็กออกมา ก็ได้ส่งเด็กให้หมอตำแยทันที และล้างด้วยน้ำอุ่น แล้วตีไปหลายครั้ง เด็กถึงได้ร้องไห้ออกมา เมื่อเห็นเด็กร้องไห้ หมอตำแยก็โล่งใจในที่สุด และห่อด้วยผ้าห่อตัวอย่างรวดเร็ว
เมื่อหมอตำแยอุ้มทารกออกมา เหลียนชิงโจวเพิ่งเดินเข้ามา ก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาและเข้มงวดดังออกมาจากห้อง “บอกเหลียนชิงโจว ให้ล้างตัวเองให้สะอาดก่อนถึงจะสามารถอุ้มลูกชายของเขาได้”
เหลียนชิงโจวตกตะลึง ที่เขาได้ยินเสียงนั้น เป็นเสียงของเฉินเสียน
หมอตำแยบอกว่า ภรรยาของเขามีคลอดบุตรยาก เด็กออกมาไม่ได้ เป็นหมอหญิงสองคนที่อยู่ข้างในที่ได้ผ่าคลอดให้แก่นายหญิงและเอาทารกออกมา
การผ่าคลอดบุตรนั้น สำหรับหมอตำแยนั้น ยังคงเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงและมีความเสี่ยงสูงมาก
เหลียนชิงโจวถามว่า “แล้วภรรยาของข้าล่ะ?”
หมอตำแยกล่าว “นายหญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ ตอนนี้กำลังเย็บบาดแผล หากไม่ใช่เพราะหมอท่านนั้นที่ตัดสินใจทำอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด กลัวแต่ผลลัพธ์ที่จะตามมาอย่างคาดไม่ถึง”
เมื่อเฉินเสียนและฝูหลิงจัดการบาดแผลของหว่านเอ๋อร์เสร็จแล้ว หว่านเอ๋อร์ก็เหนื่อยมากและผล็อยหลับไป เมื่อคนใช้เข้ามาในห้อง และเปลี่ยนที่นอนอย่างเบาๆ เพื่อให้หว่านเอ๋อร์นอนที่สะอาดและสบายขึ้น
เฉินเสียนและฝูหลิงมีเลือดติดบนร่างกายของพวกนางไม่น้อย เมื่อออกจากห้องฟ้าก็มืดแล้ว นี้ยังเป็นสถานการณ์ที่อันตรายที่ฝูหลิงต้องเผชิญกับมันเป็นครั้งแรก ตอนนี้คนทรุดตัวลงเล็กน้อย เฉินเสียนช่วยพยุงนางด้วยคิ้วที่อ่อนล้า แต่ก็ยังยิ้มแล้วพูดว่า “ทนไม่ได้แล้วหรือ?”
ฝูหลิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หม่อมฉันหิวเพคะ หิวจนไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว”
พ่อบ้านรีบให้คนไปจัดเตรียมอาหาร
เหลียนชิงโจวยืนอยู่ในชานเรือนและมองไปที่เฉินเสียน แสงไฟในห้องสะท้อนเลือดบนร่างกายของนาง ดูไม่เหมือนว่านางจะมีสภาพที่ไม่ดี แต่เป็นผู้สูงศักดิ์และบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ราคี
ในเวลานั้นเฉินเสียนทำให้เหลียนชิงโจวประทับใจเช่นนี้ จู่ๆ เขาก็พบว่าแท้จริงแล้วนางไม่เปลี่ยนไป แม้ว่านางจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงสุด และมีการพิจารณามากมาย แต่นางก็ยังมีความพากเพียรและเปิดใจกว้างในใจตัวเอง
เฉินเสียนขดริมฝีปากและยิ้ม “ท่านกลับมาได้ตรงเวลา และทันเวลาที่จะอุ้มลูกชายของท่านพอดี”
เหลียนชิงโจวถามอย่างโง่เขลา “หว่านเอ๋อร์ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“บนท้องนางได้ถูกผ่าคลอดไป ต้องพักผ่อนประมาณหนึ่งเดือน และจะต้องดูแลให้ดี ต่อไปอาจจะขาวๆ อ้วนๆ ขึ้นได้”
ทันทีที่เสียงลดลง เหลียนชิงโจวก็คุกเข่าลงต่อหน้าเฉินเสียน เขาไม่สามารถอธิบายบุญคุณนี้ของตัวเองได้ เขาทำได้เพียงวางหน้าผากลงกับพื้นและพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “ขอบพระทัยฝ่าบาท ที่ช่วยชีวิตภรรยาและลูกชายของกระหม่อม”
เฉินเสียนกล่าวว่า “ท่านไม่โทษที่ข้าลงมีดเพื่อผ่าคลอดให้ภรรยาของท่านก็พอแล้ว”
เฉินเสียนและฝูหลิงไปที่ห้องอาหารเพื่อทานอาหาร เพียงแค่เป็นทั้งสองคนมีสมาธิจดจ่ออยู่นานเกินไป แต่ตอนนี้ผ่อนคลายแล้ว แต่ว่ามือกลับก็ไม่เชื่อฟัง และขณะที่ถือตะเกียบก็ตัวสั่นโดยไม่ตั้งใจ
ฝูหลิงได้วางตะเกียบลง แล้วใช้มือจับขาไก่มาแทะอย่างแรง
เหลียนชิงโจวหัวเราะและพูดว่า “ถ้าเจ้าชอบกิน ก็กินให้มากๆ และถ้าไม่พอจะให้คนทำมาเพิ่ม”
ฝูหลิงกล่าวด้วยความยินดีว่า “แม่ครัวของที่เรือนท่านยอดเยี่ยมมาก ข้าอาศัยอยู่ที่นี่มาหนึ่งถึงสองเดือน ได้อ้วนขึ้นไปอีกชั้นแล้ว”
เมื่อมองดูนางเช่นนี้ แท้จริงแล้วนางก็ดูกลมกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย แต่นางมีผิวสีแดงสด ยิ่งทำให้นางยิ่งสวยมากขึ้น
เหลียนชิงโจวพูดอย่างประหลาดใจ “เจ้าพักอยู่ที่นี่นานมากขนาดนี้?”
ฝูหลิงกล่าวว่า “ตัวข้าเป็นหมอหญิงที่วังหลวง ฝ่าบาทให้ข้ามาดูแลล่วงหน้าก่อน”
หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ เฉินเสียนก็ต้องพาฝูหลิงกลับไปพร้อมกัน เมื่อเดินไปถึงประตูเรือนของเหลียนชิงโจว เฉินเสียนก็หันหลังกลับไปมองเหลียนชิงโจว แล้วกล่าวว่า “ข้าให้ท่านไปที่เย่เหลียง ท่านไม่เคยบอกเลยว่าภรรยาท่านได้ตั้งครรภ์แล้ว”
เหลียนชิงโจวหัวเราะ ในรอยยิ้มนั้นยังมีความรู้สึกเสียใจ “เรื่องบ้านเมืองต้องมาก่อน”
เฉินเสียนดูเขาออก และกล่าวว่า “ท่านไม่ใช่กลัวว่าข้าจะจับตัวภรรยาและลูกของท่านรึ”
เหลียนชิงโจวกล่าวว่า “เป็นที่กระหม่อมใช้ใจที่ต่ำทรามไปวัดกับความดีของผู้ยึดมั่นในคุณธรรม กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนหันหลังและเดินออกจากขั้นบันไดหน้าประตูบ้านแล้วพูดเบาๆ ว่า “พักผ่อนที่เรือนสักสองสามวัน อยู่กับภรรยาและลูกของท่านก่อน แล้วค่อยเข้าไปในวังเพื่อรายงานต่อข้า”
เหลียนชิงโจวกล่าวว่า “พ่ะย่ะค่ะ”
ปีต่อมา เรือเดินทะเลได้ทดสอบน่านน้ำเสร็จสิ้นแล้ว เหลียนชิงโจวมีประสบการณ์ค่อนข้างมากในเรื่องนี้ ใช้เรือขนาดเล็กของเขา และนำเรือเดินทะเลที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่นี้แล่นออกไปทะเลจีนตะวันออกหลายร้อยไมล์ได้อย่างราบรื่น
จำนวนคนที่สามารถอยู่บนเรือได้นั้นมีจำนวนมากกว่าเรือพาณิชย์ทั่วไปที่เหลียนชิงโจวมีอยู่
เฉินเสียนขอให้โรงต่อเรือเตรียมสร้างเรือเดินทะเลลำที่สองในทันที เพียงแค่มีแนวโน้มที่จะใช้อาวุธและอุปกรณ์มากกว่า ซึ่งสามารถใช้เป็นเรือรบสำหรับการทำสงครามทางทะเลได้
ต้าฉู่ครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของชายฝั่งทะเลจีนตะวันออก ส่วนเย่เหลียงและเป่ยเซี่ยก็มีแนวชายฝั่งเล็กๆ เช่นกัน แต่ไม่เคยคิดว่าต้าฉู่จะทำงานหนักบนท้องทะเล
ต้าฉู่และเย่เหลียงได้แบ่งแยกสิทธิ์ทางทะเลของทะเลจีนตะวันออกในทันที และเป่ยเซี่ยได้ออกคำสั่ง ซึ่งคงทำไม่ได้ที่จะไม่ให้จักรพรรดิเป่ยเซี่ยที่จะเตรียมพร้อมใหม่อีกครั้งกับคู่ต่อสู่ที่ยังเด็กอย่างจักรพรรดินีแห่งต้าฉู่
ในอดีตจักรพรรดิเป่ยเซี่ยดูหมิ่นจักรพรรดินีแห่งต้าฉู่ แม้ว่าจะเข้าร่วมกองกำลังกับเย่เหลียง ก็ไม่สามารถรุกรานเป่ยเซี่ยของเขาได้ แต่ตอนนี้สิทธิ์ทางทะเลได้ถูกแบ่งออก ทั้งสองอาณาจักรนั้นสามารถจัดการกับเป่ยเซี่ยจากทะเลได้
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยค้นพบว่าเขาดูถูกเฉินเสียนอย่างมาก ผู้หญิงคนนี้ทะเยอทะยานและมีความสามารถกลยุทธ์มากกว่าที่เขาคิด