ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 147 หนึ่งคนต่อหนึ่งกระบวนท่า
ไอ้เด็กเมื่อวานซืน คอยดูนะว่าข้าจะระเบิดหัวสุนัขของแกด้วยหมัดเดียว!
ผู้อาวุโสสามที่มีร่างกายแข็งแกร่งได้มุ่งโจมตีไปที่เย่เทียนก่อน
กำปั้นอันกว้างใหญ่ของเขาได้ปล่อยออกไปอย่างห้าวหาญ ดูเหมือนมันจะตัดผ่านทุกอย่างได้ มันรุนแรงจนเสียงดังขึ้นราวกับเสียงระเบิดและพุ่งตรงไปที่ศีรษะของเย่เทียนอย่างไร้ความปรานี
อย่างคุณน่ะเหรอ?
เย่เทียนแสยะยิ้มและยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างมั่งคง จากนั้นเขายื่นมือขวาออกมาอย่างกับสายฟ้าและชกออกไปอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกัน
ในเวลานี้ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับหยุดกลั้นหายใจทีละคน สายตาจับจ้องไปที่พวกเขาทั้งสองคนอย่างไม่กะพริบตา เพราะกลัวว่าจะพลาดฉากสำคัญไป
คนหนึ่งก็เป็นคนรุ่นใหม่มาแรง ส่วนอีกคนก็เป็นผู้อาวุโสที่มีชื่อเสียงมาช้านาน แล้วใครจะเป็นผู้แข็งแกร่งหรือใครจะเป็นผู้อ่อนแอกว่า?
ในขณะนี้ ปลายหมัดของทั้งสองเหมือนคลื่นที่ซัดใส่กัน ทำให้ผู้คนเห็นถึงเงาสะท้อนอันงดงามจากแสงของคลื่น ซึ่งดูแล้วช่างน่าอัศจรรย์อย่างที่สุด
และนี่ก็คือสัญลักษณ์ที่แท้จริงและเป็นการปล่อยกำลังจากภายในสู่ภายนอกของนักบู๊ระดับดำ!
บึ้ม!
หมัดของทั้งสองได้กระแทกเข้าหากันอย่างรุนแรง และเสียงที่ราวกับใบมีดที่สะท้อนจนแสบแก้วหูก็ดังขึ้น!
วินาทีต่อมา สีหน้าของผู้อาวุโสสามได้เปลี่ยนไป เขาได้แต่ถอยหลังไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และทุกๆ ก้าวที่เดินถอยหลังไป เท้าของเขาก็จำเป็นต้องฝากรอยเท้าลึกๆ ไว้บนคอนกรีตแข็ง!
ในทางกลับกัน เย่เทียนกลับยืนนิ่งราวกับเท้าที่มีรากงอก
ด้วยการโจมตีเพียงแค่หมัดเดียวก็สามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่าใครคือผู้แพ้ ใครคือผู้ชนะ!
แน่นอน ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็รู้ดีว่านี่เป็นเพียงการทดสอบพลังของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น ซึ่งผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรยังไม่สามารถสรุปได้
หึ! ถึงว่าทำไมถึงโอหังแบบนี้ ที่แท้ก็พอมีฝีมืออยู่บ้างนี่นา
ผู้อาวุโสสามที่ถอยหลังออกไปห้ากาว ในที่สุดเขาก็ยืนนิ่งได้และสีหน้าก็ค่อยๆ กลายเป็นความเคร่งขรึมขึ้นมา
ในบรรดาผู้อาวุโสทั้งสามนั้น ถึงแม้ฝีมือของเขาจะอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด แต่กำลังหมัดของเขานั้นถือว่าแข็งแกร่งที่สุด
แต่แล้ว เย่เทียนกลับรับมือได้อย่างง่ายดาย แม้กระทั่งไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงทำให้ผู้อาวุโสสามรู้สึกไม่คาดคิดและไม่กล้าดูถูกเหมือนในตอนแรกอีก
ถ้ามีเวลามากกว่านี้ บางทีแกอาจจะเก่งกว่านี้ก็ได้ แต่ที่น่าเสียดายคือ แกไม่ควรฆ่าลูกศิษย์ของเรา!
จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่เหยียดแขนไปที่เอวแล้วดึงดาบออกมาเล่มหนึ่ง
ไอ้หนู ในระหว่างการต่อสู้กับพวกข้าทั้งสาม แกหนีไม่รอดแน่นอน ฉะนั้นข้าแนะนำให้แกถวายชีวิตมาซะโดยดี! แกจะได้ทรมานน้อยลง!
สองมือของผู้อาวุโสรองล้วงเข้าไปในลำตัว หลังจากที่ดึงแขนออกมา สองมือของเขาก็ออกมาพร้อมกับกรงเล็บเหล็ก และปลายเล็บที่ดำคล้ำนั้นเกรงว่าน่าจะชุบด้วยยาพิษแน่นอน!
เย่เทียนได้เหลือบมองด้วยหางตาแล้วพูดอย่างเย้ยหยัน คุยโวใครๆ ก็ทำได้ แต่ผมเกรงว่าอีกสักพัก พวกคุณทั้งสามจะพร้อมใจกันคุกเข่าต่อหน้าผมแล้วร้องขอชีวิตกับผมมากกว่านะ!
โอหัง!
รนหาที่ตาย!
ฆ่ามันซ้ะ!
ทั้งสามโกรธมาก เพราะความเย่อหยิ่งของเย่เทียนทำให้พวกเขาโมโหถึงขีดสุด
ในโลกของการต่อสู้ การร่วมมือกันของทั้งสามสามารถเอาชนะนักบู๊สู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับดำได้อย่างแน่นอน แม้กระทั่งสามารถเทียบเท่ากับผู้แข็งแกร่งระดับดินก็ว่าได้
แต่เย่เทียนกลับพูดจาเยาะเย้ยต่อพวกเขาทั้งสามคน และทำเหมือนพวกเขาไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลยด้วยซ้ำ ซึ่งนี่มันจะถือเป็นการดูถูกมากเกินไปแล้ว!
ตาย!
ผู้อาวุโสสามที่ยังคงอารมณ์โกรธอยู่ก็ได้ริเริ่มลงมือก่อน เขาส่งเสียงตะโกนและรวบรวมกำลังทั้งหมดไปที่หมัดของเขาแล้วชกไปที่เย่เทียนอย่างสุดแรง
ส่วนผู้อาวุโสรองชักกรงเล็บเหล็กของเขาออกมาและมันตัดผ่านอากาศราวกับน้ำตกที่ถูกตัดขาดเป็นชิ้นๆ จากนั้นกรงเล็บเหล็กอันเย็นเฉียบนั้นก็มุ่งตรงไปที่หัวใจของเย่เทียน!
สำหรับผู้อาวุโสใหญ่นั้นมันน่ากลัวกว่า
เสื้อคลุมบนตัวของเขาปลิวขึ้นแม้จะไร้ลม และมันก็พัดเสียงดังราวกับถูกลมพัด ดาบอ่อนในมือเขาร่ายรำดุจมังกรที่ประกายแสงอันเยือกเย็น และมันได้ปิดกั้นทางหนีทั้งหมดของเย่เทียนไว้แล้ว
หวางซานที่ถอยเข้าไปในโกดังร้างก็มองดูฉากนี้อย่างจริงจัง รอยยิ้มอย่างมีความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา และเขาก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า ผู้อาวุโสทั้งสามช่างน่ากลัวจริงๆ ดูสิว่าคราวนี้เย่เทียนจะรอดได้อีกไหม!
เหลียงเยว่หรูผู้น่าสงสาร แม้ว่าเธอจะถอยกลับไปหลบอยู่ในโกดังแล้ว แต่ด้วยแรงกดดันอันทรงพลังนี้ ในที่สุดก็ทำให้เธอหมดสติไปจนได้
สำหรับเย่เทียนที่ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ดุเดือดของผู้อาวุโสทั้งสามนี้ เขาไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใดแถมยังยิ้มตอบอย่างมีเลศนัย
สามคนร่วมมือกันสามารถสู้กับผู้แข็งแกร่งระดับดินได้งั้นเหรอ? เหอะๆ!
เมื่อพูดเสร็จ กำลังภายในคัมภีร์หวงในตัวของเย่เทียนทำงานทันที พลังชี่ทิพย์ก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือสองข้างของเขาอย่างรวดเร็ว และจากนั้น เขาผลักผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสรองที่มีอาวุธในมือถอยหลังออกไปด้วยฝ่ามือสองข้างของเขา
ในขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสสามที่กระโจนเข้าใส่เย่เทียนราวกับสัตว์ร้ายก็ใช้กำปั้นของเขาชกไปที่เย่เทียนอย่างสุดแรง
เย่เทียนบิดเอวเบาๆ และหลบการโจมตีของเขาได้ด้วยความเร็วสายฟ้า แต่ในขณะเดียวกันก็โต้กลับด้วยหมัดอันทรงพลัง
ผู้อาวุโสสามที่เพิ่งทดสอบพลังของเย่เทียนคนนี้จะกลัวที่ไหน ถึงแม้หมัดขวายังไม่ทันดึงกลับมา แต่เขายังมีหมัดซ้ายไม่ใช่หรือ?
เมื่อนึกแล้วผู้อาวุโสสามก็ไม่คิดจะหลบเลี่ยงการโจมตี ได้แต่กำฝ่ามือซ้ายเป็นหมัดซ้ายแล้วกระแทกไปยังหมัดของเย่เทียนที่กำลังโจมตีเข้ามา
ถึงแม้เขาจะสามารถหลบได้ แต่เพื่อยื้อเวลาให้กับผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสรอง ผู้อาวุโสสามจึงเลือกที่จะเผชิญหน้าและถ่วงเวลาเย่เทียนไว้
เย่เทียนที่เห็นเช่นนี้ได้แต่แสยะยิ้มออกมา จากนั้นพลังชี่ทิพย์ก็พลุกพล่านออกมาแล้วรวบรวมไปที่กำปั้นของเขา และสุดท้ายก็ทุบมันออกไปด้วยสุดแรง
อ๊าก!
เสียงหมัดของทั้งสองที่กระแทกกันดังทุ้มขึ้น แต่เสียงกรีดร้องของผู้อาวุโสสามนั้นดังกว่าและปกคลุมเสียงกระแทกนั้น จากนั้นมือซ้ายของผู้อาวุโสสามก็ระเบิดปลิวออกไปอย่างกะทันหัน!
เลือดกระเซ็นออก และชิ้นเนื้อก็ปลิวออกไปทั่ว ซึ่งทำให้คนมองแล้วรู้สึกผวามาก!
เจ้าสาม!
น้องสาม!
ในเวลานี้ ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสรองที่เพิ่งหลบการโจมตีของชี่ทิพย์ก็พุ่งเข้ามา ในขณะที่ทั้งสองกรีดร้องด้วยความเศร้าและความโกรธ ทั้งสองยังคงโจมตีเย่เทียนอย่างดุเดือดไปด้วย
แต่ว่า เย่เทียนที่ตื่นตัวมาตลอดจะละเลยสองคนนี้ได้อย่างไร
เขาขยับเท้าเล็กน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีที่หมายเอาชีวิตของพวกเขาทั้งสอง และในขณะที่ทั้งสองยังไม่ทันได้ตั้งตัว หมัดทั้งคู่ของเขาก็พุ่งออกไป
ตู้ม!
ผู้อาวุโสใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดแทบจะแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ไม่ทัน แต่สุดท้ายเขาก็เอาดาบป้องกันหมัดของเย่เทียนไว้ได้
แต่ว่า ดาบในมือของเขาที่ถูกกระแทกก็ต้องแตกหักออกไปเป็นเสี่ยงๆ เขาถูกโจมตีจนเกินต้านและถอยหลังไป ทำได้เพียงกระอักเลือดออกมาอย่างเต็มปาก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาช้ำในไม่น้อย
เมื่อมองไปทางผู้อาวุโสรองอีกครั้ง เขาดูน่าสังเวชยิ่งกว่า
เขาไม่ทันได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำ หัวไหล่ก็ถูกกระแทกด้วยหมัดของเย่เทียนอย่างรุนแรง และทั้งหัวไหล่ของเขาไปจนถึงช่วงคอก็ถูกอัดจนระเบิดกระจัดกระจายออกไป
ผู้อาวุโสรองผู้น่าสงสาร เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะกรีดร้องเลยด้วยซ้ำ ได้แต่เบิกตากว้างแล้วล้มลงและตายคาที่!
เจ้าสอง!
พี่รอง!
ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามตะโกนร้องลั่นออกมา ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ได้แต่มองไปที่เย่เทียนด้วยความหวาดกลัวและไม่มีความคิดที่จะสู้กันอีกเลย
เย่เทียนชำเลืองมองเขาทั้งสองแล้วพูดอย่างเหยียดหยามว่า ฝีมือแค่นี้ยังเรียกว่าพลังผสานที่สามารถต่อกรกับระดับดินได้งั้นเหรอ? ตลกสิ้นดี!
ถ้าพูดอย่างจริงจัง นอกจากการทดสอบพลังกับผู้อาวุโสสามในตอนแรกแล้ว ก็ถือได้ว่าเย่เทียนจัดการกับพวกเขาเพียงแค่คนละหมัดเท่านั้น!
ในพลังของสามหมัดนี้ หมัดแรกหักดาบของผู้อาวุโสใหญ่และทำให้เขาช้ำในไปด้วย หมัดที่สองก็ระเบิดแขนของผู้อาวุโสสามออกไปและลดกำลังต่อสู้เขาลงอย่างมาก
ส่วนหมัดที่สำคัญที่สุดคือหมัดที่สาม เพราะมันเป็นการปลิดชีวิตของผู้อาวุโสรอง และทำให้ผู้อาวุโสทั้งสามเหลือเพียงแค่สองคนเท่านั้น!
อันที่จริงแล้ว เป็นเพราะเย่เทียนอายุน้อยเกินไป จึงทำให้ผู้อาวุโสทั้งสามประเมินศัตรูต่ำไป
ถ้าหากพวกเขาต่อสู้อย่างจริงจังตั้งแต่แรก ถึงจะไม่สามารถฆ่าเย่เทียนได้ แต่อย่างน้อยก็คงไม่ต้องพ่ายแพ้ด้วยหมัดเดียวของศัตรูแบบนี้…..