ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 82 ฉินชิงหู่บันดาลโทสะ
และในตอนที่เย่เทียนกำลังขับรถกลับบ้าน ภายในคฤหาสน์รับรองแห่งเจียงเฉิงวุ่นวายกันไปหมด
เหตุเพราะบ่ายวันนี้ นายท่านตระกูลฉิน ฉินเจิ้ง หายใจผิดจังหวะขณะที่ฝึกกำลังอยู่กะทันหัน เป็นลมไปเลย
ขณะนั้น มีคนมากมายล้อมอยู่ขอบเตียง ฉินเจิ้งนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าชราของเขาซีดเผือด ลมหายใจแผ่วเบา มีความเป็นไปได้ว่าจะเสียชีวิตทุกเมื่อ
พวกนายเป็นหมอระดับมือพระกาฬของประเทศไม่ใช่หรอ ทำไมพอเป็นเวลาแบบนี้กลับหมดสิ้นหนทางซะล่ะ!
เสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังออกมา ฉินชิงหู่ที่สวมชุดทหารอยู่นั่นเอง
คุณชายใหญ่ครับ คุณน่าจะรู้นะครับว่าอาการป่วยของนายท่านนั้นซับซ้อนมาก จริงๆแล้วได้เกินขอบเขตของวิทยาการทางการแพทย์ไปแล้วครับ
ใช่ครับ อยู่ๆนายท่านก็ล้มป่วยหนัก พวกเราไม่มีวิธีแล้วจริงๆครับ
สถานการณ์ในตอนนี้ ผมว่ามีแต่ต้องส่งตัวไปที่โรงพยาบาลครับ บางทีวิทยาการทางการแพทย์ทางตะวันตกอาจจะมีวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยนายท่านได้ครับ
หมอระดับมือพระกาฬของประเทศสามคนยืนอยู่ตรงหน้าฉินชิงหู่ สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
พวกเขาเป็นคนใหญ่คนโตในแวดวงแพทย์จีนกันทั้งนั้น แต่เรื่องมาถึงตรงนี้กลับต้องขอความช่วยเหลือจากแพทย์ตะวันตก นี่นับว่าเป็นความอับอายของการแพทย์จีนจริงๆ
หมองี่เง่า
ฉินชิงหู่อดด่าเสียงดังไม่ได้ เขาโมโหจนหน้าแดงไปหมด
คุณปู่ เป็นอะไรไปคะ
ขณะนั้น ฉินโล่หยินที่ทราบข่าวรีบร้อนรุดหน้ามาและวิ่งเข้าไปที่ขอบเตียง พอเธอเห็นนายท่านที่หน้าซีดเผือด คนทั้งคนก็แข็งทื่อไปเลย
ผ่านไปได้สองวินาที ฉินโล่หยินก็ได้สติกลับมา และหันมาเอ่ยด้วยความร้อนใจ พวกคุณมัวรออะไรอยู่ รีบหาทางเข้าสิ
เธอร้อนรนมาก ตาพลันแดงขึ้นมา
มือพระกาฬที่ชื่อว่าซีเหวินชิงหัวเราะอย่างขมขื่น คุณหนูใหญ่ครับ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่หาทาง แต่ตอนนนี้ลมหายใจของนายท่านแผ่วมาก เลือดลมไหลย้อน พวกเราก็จนปัญญาครับ……
หรือว่าต้องทนมองให้พ่อฉันตายอย่างนั้นหรอ?
ฉินชิงหู่น้ำตาคลอที่ต้องเห็นพ่อผู้แก่เฒ่าป่วยหนักไม่มีทางรักษา คนทั้งคนดูแก่ลงไปหลายปี
จริงสิ ฉัน ฉันมีอันนี้ด้วย!
ในช่วงเวลาคับขัน ฉินโล่หยินพลันนึกถึงยาเม็ดที่เย่เทียนให้เธอไว้ เธอรีบหยิบออกมาจะให้นายท่านกิน
นี่มันอะไรครับ?
ซีเหวินชิงขมวดคิ้วและเดินเข้าไปถาม
นี่คือยาเม็ดที่เย่เทียนให้ฉันมา บอกว่าช่วงเวลาคับขันสามารถช่วยชีวิตของคุณปู่ฉันไว้ได้!
เด็กหนุ่มคนนั้นให้มาหรอครับ?
ซีเหวินชิงขมวดคิ้วเป็นปม พลางบอก ไม่ได้ครับ ตอนนี้อาการป่วยของนายท่านร้ายแรงมาก จะกินอะไรมั่วซั่วไม่ได้ครับ หากไปกระตุ้นอาการป่วยให้เลวร้ายลง เกรงว่าผลที่ตามมาจะรับไม่ไหวครับ
ป่านนี้แล้ว นายมีวิธีที่ดีกว่านี้หรือไงกัน?
ฉินโล่หยินตั้งสมาธิให้มั่นและเอ่ยถามคาดคั้นเสียงดัง
พอเธอพูดแบบนี้ ซีเหวินชิงและมือพระกาฬอีกสามคนก็พูดอะไรไม่ออก
ฉินชิงหู่สายตาตั้งมั่น เขานึกถึงภูมิหลังของเย่เทียนที่ตัวเองสืบมาได้ เอ่ยขึ้นอย่างเด็ดขาด หยิน ให้คุณปู่ของลูกกินเถอะ เวลานี้เราไม่มีวิธีอื่นอีก มีแต่ต้องลองดู
ไม่ได้นะครับคุณชายใหญ่ ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้น…..
ยังมีคนเข้าไปห้ามอยู่
หากเกิดปัญหาฉันจะรับผิดชอบเอง พวกนายไม่ต้องแบกรับความผิด!
ฉินชิงหู่สายตาเย็นยะเยือก แสดงความแข็งกร้าวของนายทหารพลตรีออกมา
ทุกคนไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่หุบปากแล้วยืนหงอยๆอยู่ด้านข้าง
บัดนี้ฉินโล่หยินได้นำยาเม็ดออกมาทั้งที่ตัวสั่น กลิ่นหอมสมุนไพรเข้มข้นกระจายออกมาทันที จนคนรอบข้างที่ได้กลิ่นใจสั่นไปด้วย
คุณปู่ อย่าเป็นอะไรนะคะ!
น้ำตาไหลลงมาตามแก้มของฉินโล่หยิน เธออธิษฐานไปพลางหยิบยาเม็ดยื่นเข้าปากของฉินเจิ้ง
ฉินชิงหู่อีกด้านได้ยกน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ป้อนฉินเจิ้งด้วยความระมัดระวัง ให้เขาได้กลืนยาเม็ดลงไป
นาทีนี้ ทุกคนกลั้นหายใจ ไม่กล้าชะล่าใจแม้แต่นิดเดียว
หนึ่งนาทีผ่านไป สองนาทีผ่านไป สามนาที……
ในขณะที่ทุกคนกำลังสิ้นหวัง จู่ๆฉินเจิ้งที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงก็ขยับเปลือกตา
ทุกคนมองเห็นอย่างชัดเจน ต่างก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวอย่างอดไม่ได้
ฉัน ฉันเป็นอะไรไป
ทันใดนั้น ฉินเจิ้งลืมตาขึ้นและพูดออกมาหนึ่งประโยค
พอได้เห็นภาพนี้ ทุกคนอึ้งกันไปหมด
คุณปู่ หนูตกใจแทบแย่!
ฉินโล่หยินตะโกนลั่นด้วยความตกใจระคนดีใจ และพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของฉินเจิ้ง
หยิน ระวังหน่อย คุณปู่ของลูกเพิ่งฟื้น ร่างกายยังอ่อนแออยู่ เดี๋ยวเป็นอะไรขึ้นมาอีก!
ฉินชิงหู่ตื้นตันใจมากเหมือนกัน แต่ยังรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ คอยเตือนฉินโล่หยิน
ฉินโล่หยินได้ยินแล้วรีบผละออกจากอ้อมกอดของปู่ตัวเอง และถามด้วยความเป็นห่วง คุณปู่ รู้สึกยังไงบ้างคะ?
ฉันรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยล่ะ!
ฉินเจิ้งหัวเราะเสียงใส มีท่าทีเหมือนคนป่วยเพิ่งฟื้นที่ไหนกัน?
เขารู้สึกเพียงว่ามีไออุ่นสายหนึ่งไหลผ่านภายในร่างกาย เข้าไปยังแขนขาและอวัยวะภายใน วนเวียนอยู่ระหว่างชีพจรทั้งแปด คนทั้งคนสดชื่นขึ้นมาทันควัน แม้แต่ใบหน้าที่เมื่อกี้ยังชราอยู่ยังสดใสขึ้นมาทันตา!
เมื่อกี้ฉันกินยาเซียนอะไรเข้าไปหรอ?
ฉินเจิ้งสูดหายใจลึก รู้สึกว่าอวัยวะภายในที่มักจะเจ็บแปลบในสมัยก่อนบัดนี้ไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด เขาอดตะลึงไม่ได้
ยาเซียนที่ไหนกันล่ะคะ แค่เย่เทียนให้ยาเม็ดกับหนูมาหนึ่งเม็ด บอกว่าสามารถช่วยชีวิตคุณปู่ไว้ได้ในเวลาคับขัน
ฉินโล่หยินรีบตอบ
ทุกคนเห็นแบบนี้แล้วยิ่งตะลึงไปกันใหญ่
เป็นไปไม่ได้!
หรือว่านายท่านฉินกินยาเซียนเข้าไปจริงๆ?
พวกซีเหวินชิงสามคนหน้าซีดบ้างเขียวข้าง รู้สึกแย่เหมือนตัวเองโดนตบหน้าสองฉาดใหญ่
เมื่อก่อนพวกเขาเอาแต่กังขาในตัวเย่เทียน คิดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาคับขัน กลับเป็นเย่เทียนที่ช่วยชีวิตนายท่านไว้
หรือว่าเย่เทียนคนนั้นเป็นทายาทของหมอเทวดา ไม่อย่างนั้นทำไมถึงมียาเม็ดอัศจรรย์เช่นนี้ได้!
เด็กหนุ่มคนนั้นหรอเนี่ย!
ฉินเจิ้งได้ยินแล้วถอนหายใจยาว พวกเรานี่มีตาหามีแววไม่จริงๆ ยอดคนแบบนี้กลับปล่อยให้เขาจากไป หยิน ลูกต้องเชิญเขากลับมานะ ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรฉันก็ยินดี!
พูดไป สายตาเขาก็ฉายแววประหลาด
ก่อนหน้านี้เย่เทียนเคยบอกว่าต้องพัฒนาพลังถึงจะรักษาให้หายขาดได้ จากที่เย่เทียนนำเม็ดยามหัศจรรย์แบบนี้มาได้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะพัฒนาพลังที่สืบทอดมาในตระกูลฉินของเขาได้จริงๆก็ได้
เฮอะ ผิดที่เจิงหรงนั่นแหละ พูดจาไม่ดีกับเย่เทียนหลายครั้งหลายครา ไม่อย่างนั้นจะเป็นแบบนี้ได้ยังไง?
ปากฉินโล่หยินบ่น แต่ในใจซาบซึ้งต่อเย่เทียนมาก
เจิงหรงทำเรื่องไร้สาระอะไรอีกล่ะ?
ฉินชิงหู่ได้ยินแล้วอดถามไม่ได้
ฉินโล่หยินก็ไม่ปิดบัง เล่าทุกอย่างให้ฟังต่อหน้าทุกคน
ไอ้สารเลว ฉันจะไปจับตัวกลับมาเดี๋ยวนี้แหละ ถ้าลูกทรพีคนนี้ไม่ได้รับการให้อภัยจากคุณเย่ ฉันฉินชิงหู่จะถือว่าไม่เคยมีลูกชายคนนี้มาก่อน!
ฉินชิงหู่ที่รักและตามใจลูกชายมาเสมอเพิ่งจะเคยโมโหขนาดนี้เป็นครั้งแรก!