ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games - ตอนที่ 12
แม้ว่าระบบจะตบหน้าเขา แต่เอ็ดเวิร์ดก็ยังกดรับเควสจากระบบอย่างมีความสุข
นั่นเพราะหลังจากที่พวกเขาคลำหาวิธีใช้งานระบบ และได้ทำความคุ้นเคยกับมันมาหลายวัน เขาก็ได้เรียนรู้ว่าการทำเควส จะได้รับค่าประสบการณ์และรางวัลมากกว่าการล่าสัตว์
แต่ถึงแม้พวกเขาจะได้รับเควสเช่น ‘เควสรายวัน: ล่าสัตว์ฟันแทะ 10 ตัว‘ หรือ ‘เควสรายสัปดาห์: รวบรวมเขี้ยวหมูป่า 30 ชิ้น‘ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้รับเควสเสริม
หลังจากอ่านเนื้อหาเควสแล้ว พวกเขาก็แอบเข้าไปใกล้ทิศทางที่เกิดเสียงการต่อสู้ขึ้น
ไม่ช้าพวกเขาก็มาถึง ทุกคนในปาร์ตี้ซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ขณะลอบมองสถานการณ์
การต่อสู้กินพื้นที่ค่อนข้างกว้างในป่า ที่ตรงใจกลางมีรถม้าหลายคันถูกล้อมอยู่ เอ็ดเวิร์ดจำได้ทันทีว่านี่คือกองคาราวานของพ่อค้า ในอดีตหมู่บ้านเคนนิงตันจะมีคาราวานพ่อค้าเดินทางมาเยี่ยมเป็นครั้งคราว ในเวลานั้น ทั้งหมู่บ้านจะคึกคักเหมือนกับช่วงงานเทศกาล น่าเสียดายที่หมู่บ้านเคนนิงตันนั้นยากจนเกินไป พวกเขาไม่มีเงินออมมากนัก พ่อค้าที่เดินทางมาไม่สามารถทำเงินได้มากในหมู่บ้านเช่นนี้ เมื่อเวลาผ่านไป คาราวานพ่อค้าก็หยุดแวะมายังหมู่บ้านของพวกเขา
มีก็อบลินอยู่จำนวนมากล้อมรอบกองคาราวาน ตัวของพวกมันสูงมากกว่าหนึ่งเมตร แม้พวกมันจะไม่มีอาวุธและชุดเกราะดีดีใส่ แต่พวกมันก็มีจำนวนมากกว่าหนึ่งร้อยตัว
พวกฮัมบีสต์*ที่ลากรถได้ถูกฆ่าไปแล้ว ศพของพวกมันถูกทหารรับจ้างใช้เป็นกำแพงป้องกันง่าย ๆ ล้อมรอบรถบรรทุกสินค้าของคาราวาน
(ฮัมบีสต์ สัตว์จำพวกที่มีโหนกเหมือนอูฐ)
ในทางกลับกัน พ่อค้าและทหารรับจ้างมีจำนวนไม่ถึง 12 คน แม้พวกเขาจะมีอาวุธที่แหลมคมและชุดเกราะหนังชั้นเลิศ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับจำนวนของฝ่ายตรงข้ามได้นาน ตอนนี้ทหารรับจ้าง 2 คนที่อยู่ใกล้ขอบซากฮัมบีสต์ได้พลาดพลั้งไปแล้ว
เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น ก่อนที่ทุกคนจะตายกันหมด
“นี่เราต้องช่วยพวกเขาเหรอ เจ้า…อยากทำไหม” โจกลืนน้ำลายก่อนจะกระซิบถามเอ็ดเวิร์ด
“…” เอ็ดเวิร์ดไม่ตอบ เขากัดเล็บสีหน้าดูค่อนข้างลังเล
โกวต้านกับเจสสิก้าก็ลังเลเช่นกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบกับสถานการณ์อันตรายแบบนี้ สิ่งที่ทำให้พวกเขากังวลคือมีก็อบลินมากเกินไป พวกเขาอาจถูกฆ่าหากพวกเขาสอดมือเข้าไปช่วย!
แม้ว่าพวกเขาจะกลายเป็น ‘ผู้เล่น‘ และซีเว่ยก็เคยบอกพวกเขาแล้วว่า ถึงพวกเขาจะตาย ตราบใดที่พวกเขายังมีค่าประสบการณ์เพียงพอ พวกเขาก็จะสามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ แต่พวกเขายังไม่สามารถเอาชนะสามัญสำนึกแบบเดิม ๆ ได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าหลังจากพวกเขาออกจากหมู่บ้านเคนนิงตัน ทั้งกลุ่มก็ไม่มีใครเคยตายเลย ส่วนใหญ่จะมีแค่อาการบาดเจ็บและรอยฟกช้ำตามตัวที่พวกเขาได้รับระหว่างการต่อสู้เท่านั้น
ผิดกับเอลีน่า เธอไม่ลังเลเลย ในฐานะที่เธอเป็นนักบุญหญิง ศรัทธาของเธอแข็งแกร่งกว่าเด็กอีก 4 คนมาก
“ถ้าพวกเจ้ากลัว งั้นให้ข้าเบี่ยงเบนความสนใจของพวกก็อบลินเอง” เธอพูดอย่างกระตือรือร้น “ข้าคิดว่าข้าสามารถทุบพวกมันพร้อมกับได้เป็น 10 ตัว!”
“แต่พวกมันมีมากกว่าร้อย” โกวต้านโต้กลับเสียงต่ำ
“บรรพบุรุษตัวน้อย เจ้าเป็นคนเดียวในหมู่พวกเราที่สามารถใช้ทักษะชุบชีวิตได้ และตามที่เทพเจ้าเคยบอกไว้ ถ้าเจ้าตายที่นี่ เจ้าต้องรอไปอีก 3 วันก่อนที่เจ้าจะฟื้นคืนชีพ!” เอ็ดเวิร์ดรีบหยุดเธออย่างรวดเร็ว
“และลบ EXP 20%” เจสสิก้าเสริม
“เอ๊ะ? แต่ข้าเบื่อมากที่ต้องซ่อนตัวอยู่ข้างหลังพวกเจ้าทุกครั้ง…” เอลีน่าบ่นอย่างไม่มีความสุข
เอ็ดเวิร์ดหันไปทางโจที่เป็นวอร์ริเออร์ด้วยสีหน้าขอความข่วยเหลือ เขาอยากให้โจช่วยกล่อมเธอที
โจพยักหน้าเข้าใจ เขาตะโกนออกไปทันทีว่า ‘ว๊ากกกกกก!’ ขณะที่เขาพุ่งออกจากพุ่มไม้และฆ่าก็อบลิน
ทุกคนที่กำลังสู้อยู่ทั้งก็อบลินและกลุ่มพ่อค้า หันหน้ามาทางพวกเขาทันที
“ไอ้โง่!”
เอ็ดเวิร์ดลืมการเกลี้ยกล่อมเอลีน่าไปอย่างรวดเร็ว เขาหยิบไม้คทาขึ้นมาและไล่ตามโจออกไปโดยไม่รู้ว่าเขาควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ในขณะเดียวกัน โกวต้านก็ได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและยิงธนูไปที่ก๊อบลินตัวหนึ่ง ซึ่งกำลังพยายามซุ่มโจมตีพวกพ่อค้า ขณะที่เจสสิก้าได้บัฟให้โจด้วยสเตร็งเท่น(Strengthen)
“พวกเราเป็นสมาชิกหอการค้ากระดิ่งลมสีเงิน ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ!”
ชายวัยกลางคนที่แต่งตัวเหมือนนักธุรกิจท่ามกลางกลุ่มทหารรับจ้าง ตะโกนขอบคุณพวกเขาด้วยความดีใจ แต่จากนั้นเขาก็ถามออกมาอย่างงง ๆ ว่า “กองกำลังที่เหลืออยู่ไหน? มีผู้ใหญ่บ้างรึเปล่า?”
“ไม่มีคนอื่นแล้ว!” เอ็ดเวิร์ดตอบหลังจากปล่อยฟรอสบอมเพื่อตรึงก็อบลินสองตัว “มีแค่พวกเรา 5 คน”
ชายวัยกลางคนที่พึ่งจะดีใจก็เปลี่ยนไปทำหน้าเศร้าสลดตามเดิม
มีผีน้อย 5 ตัวที่ขนยังไม่ขึ้นโผล่มาในสถานการณ์ที่พวกเขาถูกล้อมรอบไปด้วยก็อบลินนับร้อย นี่มันคือการดับไฟป่าด้วยน้ำหนึ่งแก้วชัด ๆ
แต่ความคิดนี้ก็อยู่ได้ไม่นาน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง เพราะเด็กประหลาดทั้ง 5 คนนี้เก่งเกินคาด
แม้ว่าเจ้าเด็กตัวโตที่มีกล้ามเป็นมัด ๆ จะตอบสนองช้า และการเลื่อนไหวก็ไม่เหมือนนักรบเลย แต่การแกว่งดาบแต่ละครั้งของเขา จะส่งก็อบลินลอยขึ้นไปในอากาศ แถมไม่ว่าก็อบลินตัวนั้นจะแทงหรือทุบเขา ก็ไม่มีก็อบลินตัวไหนจะหยุดการพุ่งเข้าชาร์ตของเขาได้ พวกมันทั้งหมดปลิวขึ้นไปบนฟ้า!
นี่ผิดปกติมาก ในขณะที่นักดาบปกติมักจะไล่ตามเป้าหมายของพวกเขาและแทงมันจนตาย แต่เขากลับต่างออกไป หลังจากก็อบลินแต่ละตัวถูกส่งบินขึ้นไปบนฟ้า เขาก็จะคว้าพวกมันกลับมาและโยนมันขึ้นไปใหม่…
แม้จะดูทรงพลัง แต่ข้ากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ
นักเวทน้อยที่ดูเหมือนหัวหน้ากลุ่มนั่นยิ่งไปกันใหญ่ เมื่อก่อนเขาเคยได้พบนักเวทแก่ ๆ ในเมืองใหญ่ และได้เห็นพวกเขาใช้เวทมนตร์ในระยะใกล้มาแล้ว แต่นักเวททั้งหมดที่เขาพบ ต้องสวดมนต์หรือเตรียมวัสดุลึกลับบางอย่างก่อนที่พวกเขาจะสามารถปลดปล่อยเวทมนตร์ออกมาได้ แม้แต่คนที่ทรงพลังที่สุด ก็ยังต้องออกท่าทางหรืออะไรบางอย่างเพื่อร่ายเวทย์!
แม้ว่านักเวทน้อยคนนี้จะสลับไปมาระหว่างเวทย์ลูกไฟและระเบิดน้ำแข็ง แต่เขาก็สามารถร่ายเวทย์ได้โดยตรง โดยไม่ต้องเตรียมการใด ๆ เลย
ถ้าเป็นนักเวททั่วไป เราจะได้ยินพวกเขาร่ายประมาณว่า “วิญญาณน้ำในอากาศ จงเปลี่ยนแปรและสร้างรูปลักษณ์ของเจ้าใหม่ ในนามของน้ำแข็ง จงแช่แข็งเลือดและกระดูกของศัตรู เพื่อนำความหนาวเย็นมาสู่ผืนแผ่นดิน…”
ส่วนนักเวทน้อยคนนี้ “ฟรอสบอม!”
ทั้งหมดที่เขาพูดคือแค่นั้นแหละ…
ไม่ต้องพูดถึงว่าพลังโจมตีจากเวทมนตร์ของเขาที่ไม่ได้อ่อนกำลังลงเลย แม้เขาจะร่ายเวทมานานแล้วก็ตาม
นี่มันเหลือเชื่อมาก!
————————————————-