ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games - ตอนที่ 25
หิมะยังไม่ตก แต่อากาศก็เริ่มเย็นลงทุกวัน
แองโกร่ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันสดใส ในระหว่างที่เขาเดินเล่นรอบเมือง เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ท้องฟ้าสีครามนั้นจะไม่มีให้เห็นนานถึง 3 เดือนเมื่อหิมะเริ่มตก
ถึงอย่างนั้นผู้คนในเมืองก็ไม่ได้หยุดมือแม้อากาศจะหนาวเย็น พวกเขากลับยุ่งมาขึ้นเรื่อย ๆ แทน
งานต่าง ๆ เช่นการเก็บเกี่ยวข้าวโอ๊ตวิญญาณจากฟาร์ม การสร้างบ้านไม้ การล่าสัตว์เพื่อหาเนื้อและขนสัตว์ ตลอดจนถึงการสร้างรั้วไม้ง่าย ๆ เพื่อป้องกันพวกเรเวแนนท์ที่อาจปรากฏตัวขึ้นนอกเมือง ทั้งหมดล้วนดำเนินการอยู่ตลอดเวลาโดยไม่มีการหยุดพัก พวกเขาต่างร่วมมือกันเพื่อให้งานเสร็จสมบูรณ์
โชคดีที่แองโกร่ามีระบบโอเวอร์ลอร์ด ที่ทำให้งานด้านการเกษตรและการก่อสร้าง ซึ่งต้องใช้เวลานานและใช้แรงงานจำนวนมากแล้วเสร็จได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้แม้แต่เหล่าคนชราที่ไม่มีแรง ก็ยังสามารถทำมันให้เสร็จได้เพียงแค่เอ่ยคำอธิษฐานง่าย ๆ มันช่วยลดแรงงานวัยหนุ่มสาวเพียงไม่กี่คนในเมือง และช่วยให้พวกเขามีเวลาทำงานที่สำคัญกว่าได้
“ท่านลอร์ด ท่านอยู่นี่เอง” เจ้าเมืองวัยชราปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกระทันหัน ดวงตาสีน้ำนมของเขาเต็มไปด้วยความสุขเมื่อเห็นแองโกร่ากำลังตรวจดูความคืบหน้าในการก่อสร้างบ้านหลังใหม่ “ข้าวโอ๊ตที่ได้รับพรชุดสุดท้าย เก็บเกี่ยวเสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“ทำดีมาก เรามาใช้ช่วงเวลานี้ปลูกผักอื่นก่อนที่หิมะจะมาถึงกันเถอะ”
แองโกร่าดึงถุงผ้าที่มีเมล็ดพันธุ์พืชชนิดอื่น ๆ ที่เขาแลกมาจากระบบเมื่อวานนี้ออกมา
ก่อนหน้านี้ขั้นตอนพื้นฐานในการทำฟาร์ม เป็นวัฏจักรที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง พวกเขาปลูกข้าวโอ๊ตวิญญาณ→รอให้พวกมันโตเต็มที่และเก็บเกี่ยว→เก็บครึ่งหนึ่งไว้ในยุ้งฉาง และขายครึ่งหนึ่งให้กับระบบ→รับเหรียญเกม→ใช้เงิน 90% ซื้อเมล็ดพันธุ์ใหม่→ปลูกข้าวโอ๊ตวิญญาณ
เหรียญเกมที่เก็บไว้ จะถูกจัดสรรไว้ซื้อพื้นที่เพาะปลูกใหม่และสร้างบ้านไม้
แต่จำนวนเมล็ดข้าวโอ๊ตที่ขายใน QQ Farm มีจำนวนจำกัด ขณะที่เขาขยายฟาร์มออกไป แองโกร่าก็ตระหนักว่าเมล็ดข้าวโอ๊ตทุกเมล็ดที่มีอยู่ในแต่ละวันนั้น ไม่เพียงพอสำหรับฟาร์มของพวกเขาในปัจจุบัน
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องอัปเกรด QQ Farm ก่อน หากต้องการซื้อเมล็ดพันธุ์ให้มากขึ้น และการจะทำเช่นนั้นได้ เขาก็ต้องเพิ่มระดับของเขาและค่าความเจริญรุ่งเรืองของเมือง พูดง่าย ๆ คือ มันเป็นเป้าหมายที่ค่อนข้างห่างไกลสำหรับตัวเขาในตอนนี้
เดิมแองโกร่าเองก็รู้สึกเศร้า เขาคิดว่าร้านค้าระบบนั้นขี้งกเกินไป
แต่ในที่สุดเขาก็ต้องยอมแพ้ ระบบนี้มีชื่อว่า ‘ระบบโอเวอร์ลอร์ด’ ไม่ใช่ ‘ระบบเจ้าแห่งฟาร์ม’
แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมองว่าพื้นที่เพาะปลูกมีค่าเท่ากับอาหาร และมันเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะทำงานในไร่ในนาตลอดทั้งวัน แต่สำหรับขุนนางอย่างเขา เกษตรกรรมเป็นเพียงกิจการส่วนหนึ่งของดินแดนเท่านั้น
หลังจากที่ยุ้งฉางเพียงแห่งเดียวในเมืองเต็มไปด้วยข้าวโอ๊ต แองโกร่าก็เริ่มคิดถึงการปลูกผักชนิดอื่น
สำหรับชาวเมืองที่ยากจนแร้นแค้น พวกเขามีความสุขเพียงแค่ได้กินอิ่มท้องทุกวัน แม้ว่ารสชาติจะดีขึ้นหรือแย่ลง พวกเขาก็ไม่สนใจ แต่แองโกร่าเป็นขุนนาง ทุกวันนี้เขาสามารถทนกินอาหารแห้งได้ แต่หากมีแต่ข้าวโอ๊ตให้กินตลอดฤดูหนาว เขาต้องบ้าตายแน่
เจ้าเมืองวัยชรารับถุงผ้าใบเล็กจากแองโกร่ามาอย่างขึงขัง
เมื่อหลายวันก่อน ชายชราสะเทือนใจจนต้องหลั่งน้ำตา เมื่อเขาได้เห็นข้าวโอ๊ตที่เติบโตเต็มที่เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากปลูกลงดิน เขาร้องไห้อย่างดีใจจนถึงจุดที่แม้แต่ริ้วรอยลึกบนใบหน้าก็ดูตื้นลง
ชายชราเปลี่ยนทัศนคติของเขาที่เขามีต่อแองโกร่าเป็นความเคารพเทิดทูนอย่างสูง หลังจากที่เขาได้เห็นปาฏิหาริย์ครั้งนั้น
น่าเสียดายที่แม้แองโกร่าจะพยายามอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจชายชราว่า ‘ผู้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่ข้า แต่เป็นเทพเจ้าแห่งเกมที่ข้าศรัทธา’ มิฉะนั้นความหลงใหลของชายชราเพียงอย่างเดียว อาจทำให้เขากลายเป็นผู้ศรัทธาที่เคร่งศาสนาได้อย่างแน่นอน
“มีผู้พบเห็นพวกเรเวแนนท์นอกเมืองรึเปล่า” แองโกร่าถามอย่างกังวล
ขณะนี้ทุกอย่างในเมืองกำลังพัฒนาไปได้สวย แต่พวกเรเวแนนท์ที่อยู่นอกเมืองนั้นทำให้แองโกร่าไม่สบายใจ
“ยังไม่พบขอรับ” ชายชราส่ายหัว ขณะที่เขาจะจับถุงไว้แนบอกราวกับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่า “นอกจากโครงกระดูกที่พวกเขาเห็นในตอนแรก พรานหนุ่มยังไม่พบอะไรเลยหลังจากออกลาดตระเวนมาหลายวัน ไม่มีใครพบเห็นพวกมันอีก”
“เหรอ…” แองโกร่าถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ท่านลอร์ด ท่านไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ วีลาอาจพูดเกินจริงไปหน่อยเนื่องจากขาดประสบการณ์ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่กองทัพหลวงจะพลาดโครงกระดูกหนึ่งหรือสองตัวในการกวาดล้างครั้งใหญ่ พวกเรเวแนนท์ประเภทนั้นมักอ่อนแอ พวกมันไม่สามารถสู้พรานของเราได้”
ชายชราเห็นว่าแองโกร่าค่อนข้างกังวลกับเรื่องนี้ เขาจึงช่วยพูดให้ขุนนางของเขาสบายใจ “โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ กองทัพหลวงได้เผาป่าเพื่อปิดล้อมและทำลายเหล่าเรเวแนนท์ที่หลบหนีออกมา เมื่อพวกเขาถอนกำลังทหารออกไปอย่างปลอดภัย นั่นหมายความว่าไม่ควรมีเรเวแนนท์ที่หนีรอดอยู่มากเกินไป”
“พวกเรเวแนนท์จะไม่ออกมาจากหุบเขาแห่งความตายอีกแล้วงั้นเหรอ?” แองโกร่าถาม
“ไม่ขอรับ พวกเรเวแนนท์จะไม่ออกจากหุบเขาในฤดูหนาว หรืออย่างน้อยที่สุด สิ่งนั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้นในช่วง 60 ปีที่ผ่านมาในชีวิตของข้า สบายใจได้ท่านลอร์ด มันจะไม่เป็นไร”
“ถ้าเช่นนั้นก็ดี” แองโกร่าถอนหายใจ
เขาต่างจากชายชรา แม้ว่าเขาจะขาดประสบการณ์ แต่เขาก็มีอุปกรณ์โกงอย่างระบบอยู่
บนหน้าจอเควสซึ่งปกติจะไม่ค่อยมีอะไรปรากฏขึ้นมากนัก จู่ ๆ ก็เริ่มแจ้งเตือนภารกิจ ‘ปกป้องเมืองรอกำลังเสริม’ เนื่องจากความไว้วางใจของเขาที่มีต่อระบบ หรือเทพเจ้าลึกลับที่สร้างมันขึ้นมา แองโกร่าจึงรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะมีเหตุการเรเวแนนท์บุกเมือง!
‘คงจะดีไม่น้อย ถ้ารู้ว่าผู้เล่นคนอื่นจะมาถึงเมื่อไหร่‘ แองโกร่าคิด
เควสนี้ทำให้เขาต้องออกไปปกป้องเมืองจนกว่าผู้เล่นคนอื่นจะมาถึง หากเป็นเช่นนั้นจะต้องมีนักสู้อยู่ท่ามกลางสาวกคนอื่น ๆ แน่…พวกเขาอาจเป็นเช่นเดียวกับอัศวินคุ้มกันของพวกขุนนาง
ทำไมถึงไม่มีตัวจับเวลานับถอยหลังเหมือนตอนที่ปลูกข้าวโอ๊ตกันนะ?
ในขณะที่แองโกร่ากำลังรู้สึกหดหู่ใจกับเรื่องนี้ เขาก็ตัวสั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ลมเหนือกำลังกรีดร้องหวีดหวิว อากาศก็ดูเหมือนจะหนาวเย็นลงเรื่อย ๆ
เมื่อแองโกร่าเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เขาก็ต้องพบว่าท้องฟ้าที่เคยปลอดโปร่งแจ่มใส ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันมีเมฆหนาทึบลอยขึ้นมาปกคลุม
เกล็ดหิมะสีขาวเล็ก ๆ ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าที่มืดครึ้ม
หิมะตกแล้ว…
———————————————————————–