ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games - ตอนที่ 47
ด้วยความช่วยเหลือของนายทะเบียน การสรรหาผู้ลี้ภัยจึงเป็นไปอย่างราบรื่น
หลังจากนั้นมาร์นี่และคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้อยู่ต่อ พวกเขารีบออกจากค่ายผู้ลี้ภัยทันทีภายใต้หิมะที่ตกหนัก
ต้องบอกว่าชื่อเสียงของนายทะเบียนดีมากในหมู่ผู้ลี้ภัย มันมากจนถึงจุดที่แทบไม่มีใครต่อต้านเรื่องการเดินทางท่ามกลางหิมะที่ดูเหมือนจะเป็นการฆ่าตัวตาย
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเมืองวิคกิดอร์เห็นสิ่งนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ออกมาหยุดขบวน สำหรับเมืองแล้ว การที่พวกเขาสูญเสียผู้ลี้ภัยไป 100 คนในคราวเดียว นั่นอาจนับว่าเป็นความโล่งใจครั้งใหญ่…
เกือบครึ่งวัน กลุ่มผู้ลี้ภัยเดินทางไปได้เพียง 3 กิโลเมตร
หิมะที่กองทับถมกันอยู่นั้นแตกต่างจากพื้นทราย เมื่อก้าวเดินบนหิมะ ขาของพวกเขาจะจมลงไปถึงครึ่งน่องทันที หิมะเพียงเล็กน้อยจะละลายเนื่องจากอุณหภูมิร่างกายของคนเรา เมื่อละลายหิมะจะกลายเป็นน้ำแข็งและมันยากที่จะดึงขาออกและก้าวเดินต่อไป
ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่เริ่มเหนื่อยแล้ว หลังจากออกแรงเดินท่ามกลางหิมะมาเป็นเวลานาน ความร้อนในร่างกายของพวกเขาก็หมดไป มันหนาวขึ้น และเหมือนกับว่าแม้แต่ความคิดของพวกเขาก็ถูกแช่แข็ง
แม้ว่าพวกเขาจะได้กินแผ่นข้าวสาลีย่างของมาร์นี่เพื่อบรรเทาความหิวโหย แต่ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ก็ยังหนาวและเหนื่อยล้า พวกเขาไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าการล้มตัวลงนอน แต่ถ้าพวกเขาทำแบบนั้นจริง ๆ พวกเขาก็คงไม่มีโอกาศที่จะได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างแน่นอน
มาร์นี่และลีอาได้รับพรจากระบบ ดังนั้นพวกเขาจึงดูสบาย ๆ กับสภาพอากาศเช่นนี้ แต่เนื่องจากพวกเขาเป็นชนพื้นเมืองของโลกใบนี้ พวกเขาจึงไม่มีความคิดที่จะสร้างเครื่องมืออย่างรถเลื่อนเพื่อให้การเดินทางในหิมะง่ายขึ้น เมื่อมองไปยังสภาพที่เลวร้ายของผู้ลี้ภัยที่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตายได้ทุกเมื่อหากยังต้องเดินทางต่อ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะช่วยคนพวกนี้ยังไงดี
สภาพในตอนนี้ คือผลที่เกิดขึ้นจากการที่นายทะเบียนเลือกคลาสเครลิค และคอยร่ายเวทย์รักษาให้กับเหล่าผู้ลี้ภัยเหล่านี้มาตลอดทาง
ชายชราเคยเรียนวิชาดาบสมัยเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก แต่เนื่องจากเขาอายุมากและอ่อนแอ ตอนนี้สเตตัสทางกายภาพของเขาจึงไม่สามารถเทียบเคียงได้กับคนที่อายุน้อยกว่า ดังนั้นแน่นอนว่าเขาไม่สามารถเลือกคลาสวอร์ริเออร์ที่เน้นในด้านร่างกายและคลาสเรนเจอร์ได้ คลาสเมจดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่หลังจากคิดอยู่นาน นายทะเบียนก็ยังคงเลือกที่จะเป็นเครลิค ซึ่งเป็นคลาสที่อุทิศตนมากที่สุด เพื่อชดเชยความศรัทธาที่เขาเคยละทิ้งไป มันดีที่เขาเลือกเช่นนั้น เนื่องจากอาจมีผู้ลี้ภัยบางคนที่ต้องประสบกับชะตากรรมอันเลวร้ายระหว่างการเดินทาง
หากยังคงเป็นเช่นนี้ การเดินทางที่ปกติจะใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวัน อาจไม่สามารถเสร็จสิ้นได้ใน 3 วัน
“คุณลุง แผ่นข้าวสาลีย่างเพียงพอหรือไม่” ลีอาถามอย่างเป็นห่วง
“ถ้าเรากินอย่างประหยัด มันอาจอยู่ได้ 2 วัน…”
มาร์นี่ก็นิ่งไปเช่นกัน มีผู้ลี้ภัยจำนวนมากที่พาครอบครัวมาด้วย และพวกเขาต้องเร่งรีบเดินทางในสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ พลังงานของพวกเขาจึงถูกใช้หมดอย่างรวดเร็ว หากอาหารไม่เพียงพอ ผู้ลี้ภัยจะไม่สามารถเดินต่อไปได้
“ในกรณีนี้เราคงต้องทำตามแผนก่อนเวลา เผยแพร่คำสอนให้กับผู้ลี้ภัยที่นี่” เจ้าหญิงน้อยมีสีหน้าเคร่งขรึม “การเป็นผู้ศรัทธาเท่านั้นที่จะทำให้การเดินทางง่ายขึ้น!”
“จะไม่เป็นไรแน่นะฝ่าบาท เราอยู่ใกล้วิคกิดอร์มากเกินไป คริสตจักรอื่น ๆ อาจสังเกตเห็นเรา…?” นายทะเบียนถามด้วยความกังวล
“ถ้าเรากลัวอยู่ตลอดเวลา ต่อไปเราจะทำอะไรได้!” ลีอามองไปที่มาร์นี่ “ลุงคิดเหมือนข้าใช่ไหม”
“ท่านบอกว่าข้าดูไม่เหมือนมิชชันนารี ข้าคิดว่าท่านควรทำ เจ้าหญิง…” มาร์นี่ส่ายหัว
เจ้าหญิงน้อยไม่ปฏิเสธ เธอกระโดดขึ้นไปยืนบนรถม้าก่อนที่จะหายใจเข้าลึก ๆ
“ทุกคนฟังข้า!”
เจ้าหญิงน้อยยืนอยู่ท่ามกลางหิมะฤดูหนาวอันโหดร้าย สีหน้าของเธอแน่วแน่และไม่ท้อถอย เมื่อสายลมพัดมากระทบเส้นผมสีทองและเสื้อผ้าบาง ๆ ของเธอ เสียงที่ชัดเจนและก้องกังวานของเธอก็ได้ดึงดูดสายตาของเหล่าผู้ลี้ภัยที่อ่อนล้า
“เจ้าอาจจำข้าไม่ได้ ดังนั้นให้ข้าแนะนำตัว! ข้าคือลีอา•ยาการัน เจ้าหญิงแห่งเทียร์ร่า!”
คำพูดของเด็กสาวนั้นน่าประหลาดใจ จนทำให้เหล่าผู้ลี้ภัยเริ่มซุบซิบกัน
“เจ้าหญิง จะเป็นไปได้ยังไง!”
“ราชวงศ์ถูกทำลายไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“นายทะเบียนไม่ได้บอกเหรอว่าเรากำลังจะไปเป็นกรรมกร ทำไมถึงมีเจ้าหญิงที่นี่”
ความสับสนและความตกตะลึงทำให้เหล่าผู้ลี้ภัยต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนและความตื่นตระหนก
“เงียบ! ข้าขอสาบานในนามของข้า นายทะเบียนแห่งเทียร์ร่า แวนเค่อ•นอร์เรจี้ ว่านี่คือเจ้าหญิงแห่งเทียร์ร่าตัวจริง!” นายทะเบียนเดินออกมาทันทีและหยุดการซุบซิบของพวกเขา “คำอธิบายของฝ่าบาทยังไม่เสร็จสิ้น ดังนั้นข้าขอร้องให้พวกเจ้าใจเย็น ๆ ก่อน!”
ลีอาพยักหน้าขอบคุณนายทะเบียน นายทะเบียนก็พยักหน้ากลับด้วยรอยยิ้มให้กำลังใจ
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทุกคนเป็นพลเมืองของเทียร์ร่า อาณาจักรที่ล่มสลายของเรา! ผู้รุกรานที่ชั่วร้ายเหล่านั้นได้นำไฟแห่งสงครามและความขัดแย้งเข้ามาในอาณาจักรของเรา ทำให้อาณาจักรเราต้องล่มสลาย ขโมยชีวิตที่สุขสงบของเราไป พวกเขาเอาทุกอย่างไปจากเรา!”
“เราก็ไม่ต่างกัน! จมปลักอยู่กับอดีตและไม่สามารถเผชิญกับความจริงอันโหดร้าย เราหมดหวังและไม่แน่ใจเกี่ยวกับอนาคต ท้อถอยและหยุดดิ้นรน โดยคิดว่ามันจะไม่เป็นไรตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ต่อไป…”
ผู้ลี้ภัยฟังคำพูดของเจ้าหญิงขณะที่พวกเขาก้มหัวลงด้วยความเศร้าโศก คำพูดของเธอกระทบเข้าที่ใจพวกเขา
แต่ทันใดนั้น น้ำเสียงของเธอก็เปลี่ยนไป เสียงของเธอสดใสขึ้น และดวงตาของเธอก็เริ่มเปล่งประกายแห่งความหวัง
“จนกระทั่งเทพเจ้าที่เราศรัทธาตอบสนองต่อคำอธิษฐานของข้า”
ผู้ลี้ภัยทั้งหมดรู้สึกสับสนกับคำพูดของเธอ
เทพเจ้าที่พวกเขาเคยศรัทธา นั่นไม่ใช่เทพเจ้าแห่งเกมที่คริสตจักรอื่นบอกว่าพระองค์ไม่มีอยู่จริงหรือ?
เทพเจ้าที่ไม่มีอยู่จริง จะตอบสนองต่อคำอธิษฐานของท่านได้อย่างไร
“พวกเขากล่าวว่าไม่มีบันทึกเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของเทพเจ้าแห่งเกม บัญชาสวรรค์ของพระองค์นั้นคลุมเครือเกินไปและใกล้เคียงกับเทพเจ้าอื่น ๆ พระองค์ไม่ได้ช่วยเหลือเราแม้ในขณะที่เทียร์ร่าใกล้จะถึงคราวล่มสลาย…หลายคนคงสงสัยเกี่ยวกับการมีอยู่ของเทพเจ้าแห่งเกม จนถึงจุดที่เจ้าได้ละทิ้งศรัทธาไปใช่หรือไม่” เธอไม่ได้ต้องการคำตอบของพวกเขา เธอกล่าวต่อว่า “เพราะพระองค์ไม่ได้ช่วยเจ้าในขณะที่เจ้าตกอยู่ในวันคืนอันมืดมนที่สุดในชีวิตเจ้า เพราะพระองค์ไม่ทรงตอบรับคำอธิษฐานของเจ้า…”
ผู้ลี้ภัยหลายคนแสดงสีหน้าอึดอัดเมื่อถูกชี้
เป็นความจริงที่คนส่วนใหญ่ได้ละทิ้งศรัทธาของพวกเขาหลังจากที่เทียร์ร่าล่มสลาย
ไม่ใช่พวกเขาไม่กลัวบาป แต่มันเป็นเพียงทางเลือกเดียวเพื่อให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อไป
“แต่ตอนนี้ข้าสามารถตอบเจ้าได้อย่างมั่นใจ…”
น้ำเสียงที่หนักแน่นของลีอาดังขึ้นในหูของผู้ลี้ภัยแต่ละคน
ซีเว่ยเห็นฉากทั้งหมดนี้ ตัวเขา (ที่เป็นลูกบอลแสง) ก็สว่างขึ้น
“น่าสนใจ! แบบนี้ฉันจะไม่ช่วยเพิ่มเทคนิคพิเศษให้ได้ยังไง…”
“เทพเจ้าแห่งเกมมีอยู่จริง!”
ขณะที่ลีอาประกาศออกไป แสงสีทองราวกับแสงแห่งรุ่งอรุณก็ได้ส่องทะลุผ่านเมฆหนาทึบและหิมะที่ตกหนัก ส่องลงมาบนร่างของเด็กสาว ราวกับแสงสปอตไลท์บนเวที ไม่ว่าจะเป็นลมหนาวที่โหมกระหน่ำ หรือหิมะที่ตกหนัก ก็ไม่สามารถทะลุผ่านบริเวณที่มีแสงสีทองปกคลุมอยู่ได้
เส้นผมสีทองของเธอเป็นประกายดั่งแสงของดวงอาทิตย์ หิมะรอบตัวเธอละลายทันที มีดอกตูมงอกผ่านพื้นดินที่ว่างเปล่าและรกร้างรอบ ๆ รถม้าจนกลายเป็นสวนดอกไม้ขนาดย่อม ดั่งฤดูใบไม้ผลิได้เข้ามาแทนที่ฤดูหนาวในพริบตา
ในขณะนี้ ภาพของเจ้าหญิงที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ดูศักดิ์สิทธิ์และน่าเคารพนับถือ ได้ถูกสลักลงในหัวใจของทุกคนในที่นี้