ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games - ตอนที่ 65
หลังจากคล็อกกาโตว์หดตัวไปอยู่ที่มุมบ้าน ทุกคนก็กลับไปที่หัวข้อเดิม
“ในเมื่อท่านพูดถึงคนผิวแห้งที่ทำร้ายเรา แสดงว่าท่านรู้อะไรบางอย่างใช่ไหม” หัวหน้าหมู่บ้านถามขณะที่แก้มของเขาพองขึ้น และจ้องตรงไปที่วีลา
“คนที่ทำร้ายท่านคือกลุ่มโจรที่เรียกตัวเองว่าสมาคมลับแห่งดวงตา พวกเขาพบเส้นทางเดินเรือไปทวีปตะวันตก และต้องการพิชิตชายฝั่งทะเลแห่งนี้เพื่อเปลี่ยนให้มันเป็นท่าเรือลักลอบขนสินค้า”
ข้อมูลนี้ไม่ใช่ความลับตั้งแต่แรก ดังนั้นเธอจึงบอกข้อมูลเกี่ยวกับศัตรูให้หัวหน้าหมู่บ้านฟัง
“พวกเราเป็นนักผจญภัยจากเมืองนอกหุบเขาแห่งความตาย เรามีความขัดแย้งเล็กน้อยกับสมาคมลับแห่งดวงตา ดังนั้นเราจึงมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือท่าน”
“ท่านเป็นคนผิวแห้งแท้ ๆ แต่กลับใจกว้างผิดวิสัยจริง ๆ”
หัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้เห็นด้วยหรือปฏิเสธ ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจมนุษย์เป็นอย่างดี เขาไม่เชื่อว่าวีลาและปาร์ตี้จะช่วยเผ่าพันธุ์อื่นอย่างพวกเขาต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ของตัวเอง เพียงเพื่อสิ่งที่เรียกว่า ‘ความขัดแย้งเล็ก ๆ’
ความจริงแล้วที่ในยุคนี้ที่ความรู้จำนวนมากไม่ได้แพร่กระจายออกไป มนุษย์ส่วนใหญ่จึงไม่สามารถมองเห็นภาพรวมและเข้าใจเผ่าพันธุ์อื่น พวกเขาจึงเอาความต้องการของตนเป็นใหญ่ ดังนั้นเผ่าพันธุ์อมนุษย์ส่วนใหญ่ จึงมองมนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่เห็นแก่ตัวและโลภที่สุดในโลก
นี่คือโลกที่มีเทพเจ้าเป็นศูนย์กลาง พวกเขาไม่ต้องการผู้ที่ละทิ้งเทพและผู้ที่ไม่ถูกผูกมัดด้วยกฎหมาย ผู้นำคริสตจักรส่วนใหญ่เช่นพระสันตปาปาและอาร์คบิชอป รวมถึงราชวงศ์ที่อยู่บนยอดพีระมิด พวกเขาไม่ต้องการผู้ก่อความไม่สงบใด ๆ ที่จะโผล่ออกมาจากสามัญชน ที่อาจส่งผลกระทบต่อการปกครองของตน ดังนั้นพวกเขาจึงร่วมมือกันเพื่อจำกัดขอบเขตความรู้ของสามัญชน ทำให้สามัญชนโง่เขลาและง่ายต่อการควบคุม
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม ในโลกแห่งเวทมนตร์และพลังศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีศักยภาพในการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่กว่าโลกเดิมของซีเว่ย จึงอยู่ในยุคกลางมาหลายร้อยหลายพันปี
ขณะที่วีลากำลังคิดว่าจะทำยังไงให้พวกมนุษย์กบเชื่อใจเธอ โจที่นั่งอยู่บนพื้นจนขาชาก็ตะโกนขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “พอแล้วสำหรับการพูดคุย พูดมาเลยว่าเราต้องทำยังไงท่านถึงจะเชื่อใจเรา! ถ้าข้าฆ่าตัวตายตอนนี้ท่านจะเชื่อเรารึไม่!”
“หึ เจ้าเป็นแค่คนผิวแห้งขี้ขลาด เจ้าไม่มีทางฆ่าตัวตาย…” คล็อกกาโตว์ที่กำลังยืนอยู่มุมห้องหัวเราะออกมา
เมื่อได้ยินมนุษย์กบพูดแบบนั้น โจก็กระโดดขึ้นจากพื้นโดยไม่สนใจสาหร่ายทะเลที่พันรอบข้อมือของเขา เขาวิ่งไปที่คล็อกกาโตว์และคว้าหอกขึ้นมา
คล็อกกาโตว์กลัวมากจนผิวสีเขียวเข้มของเขาซีดลง แต่ปฏิกิริยาแรกของเขาคือการปกป้องหัวหน้าหมู่บ้านจากอันตราย
แต่เหตุการณ์กลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาคิด โจไม่ได้โจมตีคล็อกกาโตว์หรือหัวหน้าหมู่บ้าน เขาแทงหอกเข้าไปที่อกของเขาอย่างไม่ลังเล เลือดของเขาไหลออกจากปากขณะที่เขาเย้ยหยันว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่! ข้าจะตายเพื่อเจ้าตอนนี้เลย!”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ดึงหอกออก เลือดจำนวนมากพุ่งออกมาจากบาดแผลของเขาเหมือนน้ำพุ กระเซ็นไปทั่วสถานที่ ฉากอันน่าสยดสยองนี้ทำให้ทหารมนุษย์กบสองคนที่อยู่ข้าง ๆ หวาดกลัว
ไม่ใช่แค่ทหารมนุษย์กบเท่านั้นที่ตกใจ แต่แม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านที่มีอายุยืนยาวมานานก็ยังตกใจกับการกระทำของเขา มนุษย์กลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่กล้าหาญเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!
ทุกคนในห้องนิ่งไปสักพักกว่าจะรู้ว่าโจยังไม่ตาย และบาดแผลของเขาก็ดูเหมือนจะได้รับการเยียวยาจนเลือดหยุดไหลแล้ว
“เวร HP ของข้าสูงเกินไป เอื้อออ…” โจตระหนักถึงสาเหตุที่เขายังไม่ตาย แม้ว่าเขาจะแทงหัวใจตัวเอง แต่การโจมตีของเขาที่สามารถฆ่าคนทั่วไปให้ตายได้ในทันที กลับไม่ได้ทำให้เขาตายเพราะกฏของระบบเกม แม้ว่ามันจะเกิดคริติคอลเพราะโจมตีโดนจุดอ่อน แต่เขาก็ยังมี HP เหลืออยู่อีกมาก
ดังนั้นภายใต้การจ้องมองที่ตกตะลึงของมนุษย์กบทั้ง 2 เขาจึงสบถและแทงตัวเองด้วยหอกอีกครั้ง
“เชี่ย ในที่สุดข้าก็ตายซะที…”
หลังจากพูดจบ โจก็เสียชีวิตลงด้วยสีหน้าที่พึงพอใจอย่างมาก
ชั่วขณะหนึ่ง บ้านหอยสังข์ทั้งหลังก็เต็มไปด้วยความเงียบแปลกๆ
ผู้เล่นและมนุษย์กบต่างมองหน้ากันสักพัก ก่อนที่ความเงียบจะถูกทำลายโดยโกวต้านที่กลั้นหัวเราะไม่อยู่
“พรูดดด!”
แต่ปฏิกิริยาของโกวต้านก็รวดเร็วมาก เขาทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและมองไปรอบ ๆ บ้านทั้งที่ในบ้านไม่มีอะไรให้ดูมากนัก
คล็อกกาโตว์มองไปที่โกวต้านด้วยสีหน้าหวาดกลัว คนผิวแห้งคนนี้ต้องเป็นหนี้ปลาเค็มตากแห้งของเจ้าคนที่ฆ่าตัวตายแน่ ไม่งั้นเขาจะหัวเราะหลังจากเห็นเพื่อนตายได้ยังไง!
เขาคิดว่าคนผิวแห้งคนนี้กำลังแกล้งตายเพื่อหลอกพวกเขา แต่หน้าอกและลำคอของโจก็ถูกแทงจริง อีกทั้งหัวใจก็ไม่เต้นและไม่มีลมหายใจแล้ว จากสัญญาณทุกอย่าง เห็นได้ชัดว่าเขาตายจริง แต่คล็อกกาโตว์ก็ยังรู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างผิดปกติ…
“ท่านก็ได้เห็นความจริงใจของพวกเราแล้ว”
เมื่อเห็นว่าโกวต้านกำลังพยายามกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่ วีลาจึงรีบคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อพยายามจบข้อตกลงนี้ให้เร็วที่สุด “เรามาคุยเรื่องความร่วมกันดีกว่าค่ะ”
“อืม…นี่ท่านจะไม่ดูแลศพของสหายก่อนหรือ?” หัวหน้าหมู่บ้านถามด้วยความสับสน
จากปฏิกิริยาของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะเปิดกว้างและพร้อมที่จะทำงานร่วมกับผู้เล่นแล้ว
ตอนนี้โจก็ได้เสียสละตัวเองเพื่อพิสูจน์ความซื่อสัตย์ไปแล้ว เขากลัวว่าหากเขายังลังเลต่อไป มนุษย์อีกคนคงจะฆ่าตัวตายพิสูจน์ความจริงใจต่อ
แค่การรับมือกับสมาคมลับแห่งดวงตานั้นก็หนักหนาพออยู่แล้วสำหรับมนุษย์กบ หากพวกเขายังต้องรับมือกับมนุษย์เหล่านี้ที่เรียกตัวเองว่านักผจญภัยอีก เผ่ามนุษย์กบก็คงจะต้องรับศึก 2 ด้าน และเผ่าของเขาก็คงจะหายไปในไม่กี่วัน…
“อา นั่น…” วีลาก็ไม่รู้วิธีจัดการกับศพของโจเช่นกัน
เธอควรจะบอกพวกเขาดีไหม ว่าศพของผู้เล่นจะหายไปเองตามธรรมชาติหลังจากหมดเวลาคืนชีพ?
“ทำไมท่านไม่แก้มัดพวกเรา และปล่อยให้เราลากเขาออกไปล่ะ” เอ็ดเวิร์ดเสนอความคิดขึ้นมาทันที
มันก็ดีที่จะปล่อยให้มนุษย์กบลากเขาออกไป แต่เอ็ดเวิร์ดก็อยากจะทดสอบว่าพวกเขาให้ความร่วมมือกับผู้เล่นมากแค่ไหน และอย่างที่สอง…พวกเขาอยากจะหัวเราะมากจริง ๆ
ดังนั้นคล็อกกาโตว์จึงนำหอกที่โจใช้ฆ่าตัวตายมาตัดสาหร่ายที่พันรอบข้อมือของผู้เล่นออก
ภายใต้การดูแลของคล็อกกาโตว์ คนอื่น ๆ ในปาร์ตี้ก็ลากศพของโจออกจากบ้าน ในขณะที่วีลายังอยู่บ้านเพื่อพูดคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านเกี่ยวกับความร่วมมือในอนาคต
เมื่อเห็นคล็อกกาโตว์อยู่ข้าง ๆ ผู้เล่น มนุษย์กบคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้สนใจการกระทำของผู้เล่นมากนัก
เมื่อคล็อกกาโตว์กลับไปที่บ้านหอยสังข์ เอ็ดเวิร์ดและโกวต้านก็ระเบิดหัวเราะออกมา
“วะฮ่าฮ่าฮ่า โจแม่งโคตรโง่! ข้ากลั้นหัวเราะแทบตาย!”
“อย่าหัวเราะ เขาใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อปูทางไปสู่อนาคตที่สงบสุข…ฮ่าฮ่าฮ่า ขอโทษ ข้ากลั้นไม่ไหวแล้ว มันตลกเกินไป!”
เสียงหัวเราะอันสนุกสนานของผู้เล่นบ้าบอและศพที่ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม ได้ดึงดูดความสนใจของมนุษย์กบทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น…