ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games - ตอนที่ 80
แม้ว่าจำนวนคนที่เข้าร่วมในการต่อสู้จะไม่มาก แต่การต่อสู้ระหว่างผู้เล่นและชุมนุมลับดวงตาก็ดุเดือดมาก
นักเล่นแร่แปรธาตุของชุมนุมลับดวงตาได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไร้ค่า เขาถูกผู้เล่นฆ่าตายอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะหมดลง เขาก็ได้เปิดใช้งานธูปหอมเรียกโครงกระดูก ตอนนี้พวกเขาอยู่ไม่ไกลจากหุบเขาแห่งความตายมากนัก แม้ว่ากองทัพของราชวงศ์จะออกลาดตระเวนเป็นประจำทุกปี แต่ก็มีปีศาจหลุดออกมาเป็นระยะ
ควันธูปลอยขึ้นไปในอากาศ และโครงกระดูกก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามา
โครงกระดูกไม่ได้แบ่งแยกมิตรหรือศัตรู มันโจมตีกองกำลังของทั้งสองฝ่าย แต่พวกมันส่งผลต่อผู้เล่นมากกว่า ทั้งที่เดิมทีพลังโดยเฉลี่ยของผู้เล่นจะได้เปรียบกว่าเล็กน้อย เพราะพวกเขามีทั้งขวัญกำลังใจ เลเวล และข้อได้เปรียบจากการเป็นผู้ซุ่มโจมตี
แต่ขวัญกำลังใจของชุมนุมลับดวงตาก็เริ่มสูงขึ้นจากการต่อสู้ที่กินเวลานาน ความตกใจที่ชุมนุมลับดวงตาได้รับจากการซุ่มโจมตีก็หายไปตามธรรมชาติ เมื่อมีกองทัพโครงกระดูกมาเข้าร่วม นั่นหมายความว่าพวกเขามีจำนวนมากกว่าศัตรู
เมื่อเอ็ดเวิร์ดที่ค่อย ๆ พัฒนาทักษะบัญชาการรบสังเกตเห็นว่าศัตรูดูเหมือนจะตระหนักถึงความสำคัญของเครลิคและเรนเจอร์ที่วนเวียนอยู่รอบ ๆ จึงเริ่มจัดการกับเรนเจอร์ก่อน และบุกเข้าไปแนวหลังเพื่อสังหารเครลิค
“วอร์ริเออร์ไปยั่วยุศัตรู! ปกป้องเครลิค!” เอ็ดเวิร์ดตะโกนสั่งสุดเสียง “ส่วนคนอื่น ๆ รีบโจมตีบอสก่อน!”
หากเป็นในเกม กลยุทธ์นี้สามารถนำทุกคนไปสู่ความหายนะได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วบอสจะถูกล้อมรอบด้วยลูกสมุนฝีมือดี วิธีที่ดีกว่าในการโจมตีคือการมุ่งเน้นไปที่ลูกสมุนเหล่านั้นก่อน กำจัดพวกมันให้หมด และค่อยโจมตีบอส
แต่นี่ไม่ใช่เกม และพวกเขาก็ไม่ได้กำลังสังหารสัตว์ประหลาด พวกเขาต่อสู้อยู่กับมนุษย์
ขวัญกำลังใจนั้นมีผลมาก เอ็ดเวิร์ดเคยแทรกซึมเข้าไปในค่ายของชุมนุมลับดวงตา เขาจึงรู้ว่าชุมนุมลับดวงตาสาขาจักรวรรดิวัลลานี้ได้รวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวเพราะกลัว พวกเขากลัวผู้นำของพวกเขา แส้ดำ
พูดได้ว่า การเอาชนะแส้ดำจะทำให้จิตวิญญาณการต่อสู้ของศัตรูดับมอดลง!
ระบบไม่ได้บังคับว่าวอร์ริเออร์จะต้องใช้โล่เท่านั้น มันก็เป็นเช่นเดียวกับวอร์ริเออร์ที่ละทิ้งดาบ มันมีทักษะพิเศษที่เกี่ยวกับโล่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเพิ่มพลังป้องกัน เพิ่ม HP รวมถึงสะท้อนการโจมตี ในบรรดาทักษะเหล่านี้ ทักษะที่มีประโยชน์มากที่สุดก็คือ ‘ยั่วยุ’ อย่างไม่ต้องสงสัย ในสถานการณ์เช่นนี้ วอร์ริเออร์สายแท็งค์จะส่องประกายเป็นพิเศษ
“เฮ้ ไอ้พวกหนอน!”
“ทำไมเจ้าไม่วิ่งกลับบ้านไปร้องไห้ซบอกแม่เจ้าล่ะ”
“แม่แกเป็นก็อบลินและพ่อของแกก็เป็นโคโบลด์!”
การใช้ทักษะยั่วยุหมายถึงการใช้เสียงของคุณเองเพื่อดึงดูดความสนใจของศัตรู แต่ก็ไม่มีความแตกต่างระหว่างการตะโกนทักษะว่า ‘ยั่วยุ!’ หรือ ‘ตะโกนด่าแม่’ แต่ไม่รู้ว่าทำไมวอร์ริเออร์จึงชอบสร้างสรรค์คำยั่วยุให้ศัตรูอยู่เสมอ
บางทีพวกเขาอาจจะคับแค้นใจมานาน เมื่อพวกเขาต้องรับการโจมตีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันด้วยร่างของพวกเขา…
ปัง!
ลีอาที่แยกตัวออกมาปะทะศัตรูระดับสูงลดการ์ดของเธอลงโดยประมาท และทันใดนั้นธงของเธอก็ถูกศัตรูปัดกระเด็นออกจากมือ
“ฮ่า ๆ มันจบแล้ว!”
รองหัวหน้าของชุมนุมลับดวงตาที่มีดาบคู่อยู่ในมือ ลงลิ้นเลียใบมีดของเขาด้วยท่าทางอนาจาร สีหน้าของเขาช่างชั่วร้าย เขาต้องการเห็นเด็กสาวผมบลอนด์คนนี้หวาดกลัวและตื่นตระหนกต่อหน้าเขา
แม้ว่าเขาจะเป็นสมาชิกระดับสูงของชุมนุมลับดวงตา แต่เมื่อใดก็ตามที่สมาชิกคนใดคนหนึ่งกระทำความผิดร้ายแรง เขาก็มักจะลงมือทำโทษพวกมันเป็นการส่วนตัว เขามีความสุขมากที่ได้เห็นสีหน้าที่หวาดกลัว สิ้นหวัง และเกลียดชังของคนเหล่านั้นในขณะที่เขาลงมือทำร้าย
แต่คราวนี้เขาคิดผิด
“โอ้ แต่ข้าไม่คิดอย่างนั้น…” ลีอาเหลือบมองธงหอกที่หลุดจากมือเธอด้วยความผิดหวัง มันเป็นรางวัลที่เธอได้รับจากการเป็น NPC กิจกรรมโจมตีลัทธิกระดูกเน่า เทพเจ้าได้มอบมันให้กับเธอ มันเป็นเพียงไอเทมระดับอีลิทที่มีคุณสมบัติที่ไม่มีวันพัง และยังสามารถขยายรัศมีออร่าของเธอได้อีก 20%
ในฐานะเจ้าหญิงนักรบ ลีอามีเอฟเฟกต์พิเศษที่เกี่ยวข้องกับรัศมีออร่ามากมาย ธงหอกที่ขยายออร่าได้จัดเป็นไอเทมที่สมบูรณ์แบบสำหรับเธอในการต่อสู้แบบทีม
แต่สิ่งนี้ก็มีประโยชน์ในการต่อสู้แบบทีมเท่านั้น นั่นเป็นครั้งเดียวที่เธอใช้มันอย่างคุ้มค่า ในการดวลเดี่ยวการใช้ธงหอกมันช่างไร้สาระ มันมีเพียงสถิติของไอเทมระดับอีลิทเท่านั้น และเธอก็ไม่มีทักษะโจมตีใด ๆ ที่จะใช้ได้กับธงหอกของเธอ
ความจริงมันไม่ใช่อาวุธที่ดีที่สุดของเธอ แม้ว่ามันจะเปล่งประกายไปด้วยรัศมีจากสวรรค์ และคนอื่น ๆ อาจมองว่ามันเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังมหาศาล และไม่สนใจดาบยาวที่ห้อยอยู่ข้างสะโพกของเธอ!
“เทพเจ้าของข้า โปรดมองมาที่ข้า…” หลังจากกล่าวคำอธิษฐาน เธอก็ดึงดาบยาวของเธอออกมา
“อะไร นี่เจ้าอยากจะเล่นฟันดาบกับข้าตอนนี้หรือ น่าเสียดายข้าเชี่ยวชาญในการเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยดาบยิ่งกว่าหอก!”
“มาดูกัน ว่าเจ้าจะป้องกันดาบของข้าได้อย่างไร!” ด้วยการสะบัดข้อมือเบา ๆ ดาบของเจ้าหญิงลีอาก็กลายเป็นแส้ใบมีด!
ขณะเดียวกัน สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนจากเคร่งขรึมเป็นหยิ่งผยองในพริบตา ริมฝีปากของเธอบิดขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มเยาะ เธอกลายเป็นราชินีผู้ภาคภูมิพร้อมกับมีรอยยิ้มที่โหดร้ายประดับอยู่บนริมฝีปาก
ใบดาบที่เหมือนงูพิษของเธอตะวัดอากาศกลายเป็นแส้ดาบพร่ามัวนับไม่ถ้วน ปิดล้อมบริเวณโดยรอบทันที!
“คุกเข่าลงแทบเท้าข้าซะ อ๊าา~ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ก้อนหินและต้นไม้ทุกต้นที่อยู่รอบ ๆ โดนแส้ดาบของเธอตัดทำลายอย่างง่ายดาย จนทุกอย่างถูกหั่นเป็นเศษเล็กเศษน้อยส่วนจำนวนนับไม่ถ้วน
นักดาบของชุมนุมลับดวงตาปัดป้องการโจมตีได้เพียง 2-3 ครั้ง ก่อนที่เขาจะถูกกลืนกินโดยพายุแส้ใบมีดจนร่างฉีกขาด เมื่อเงาแส้สลายหายไป ร่างของเขาก็ล้มลงเหมือนขยะเปียกที่แทบจำไม่ได้ว่าเคยเป็นมนุษย์
“นั่น…ไม่ใช่…ดาบ… ” เขาอ้าปากพูดด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย
เนื่องจากการโจมตีครั้งนี้โหดร้ายมาก ไม่เพียงแต่ศัตรูเท่านั้น แม้แต่ผู้เล่นที่อยู่ใกล้ ๆ ยังถอยห่างออกจากเจ้าหญิงลีอา
“ฝ่าบาท…” องครักษ์คนหนึ่งกระซิบเรียกเธออย่างระมัดระวัง
“เรียกข้าว่าราชินี!” ลีอาสวนกลับอย่างเย็นชา
“เอ่อ…ฝ่าบาท…” เขาสำลัก แต่เมื่อเขาเห็นประกายแสงที่เย็นยะเยือกในสายตาเธอ เขาพูดอย่างตะกุกตะกักว่า “ราชินี ของ ข้า!”
ลีอาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
องครักษ์อดไม่ได้ที่จะกลอกตาและคิดในใจว่า ‘เมื่อท่านกลับมามีสติและจำเรื่องนี้ได้ ไม่ต้องแอบไปหาปี๊บมาคลุมหัวเลยนะ!’