ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games - ตอนที่ 86
ของสะสมเป็นหนึ่งในวิธีที่ซีเว่ยกระตุ้นให้ผู้เล่นทำเควสประจำวัน ในบรรดาของสะสมเหล่านี้ได้แก่ ท่าเต้น คอสตูมต่าง ๆ ที่ไม่เปลืองช่องสวมใส่อุปกรณ์ และของเล่นสนุก ๆ อื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้งานจริง
เขาเชื่อว่าผู้เล่นที่รู้สึกเบื่อหน่ายเนื่องจากความสงบสุขเมื่อเร็ว ๆ นี้ จะเริ่มกลับมาทำเควสประจำวันอีกครั้ง
แน่นอนว่าซีเว่ยไม่ได้ใช้เวลาของเขาในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ เพื่อสรรหาวิธีทำให้ผู้เล่นทำลายตับตัวเอง นอกเหนือจากการที่เขาต้องย่อยเจ้าแห่งน้ำที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ในท้องแล้ว เขาก็สงสัยว่าเขาจะพัฒนาผู้เล่นของเขายังไงต่อ
ท้ายที่สุด ศัตรูที่ผู้เล่นต้องเผชิญในตอนนี้คือผู้ศรัทธาของเทพเจ้าตัวน้อยเหมือนกับตัวเขาเอง หรือกองกำลังธรรมดาที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเทพเจ้า
แต่เมื่ออาณาเขตของผู้เล่นขยายใหญ่ขึ้น มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับผู้ศรัทธาในเทพที่มีอำนาจมากกว่าเขาไม่ช้าก็เร็ว
เทพอื่น ๆ ไม่มีพลังในการข้ามโลกอย่างซีเว่ย สำหรับซีเว่ย เขาสามารถให้พรแก่ผู้เล่นได้ง่าย ๆ ผ่านเส้นสายแห่งศรัทธา พูดได้ว่าหากเขาไม่มีเส้นสายแห่งศรัทธานี้ เขาจะต้องทำงานอย่างซื่อสัตย์ในการสร้างปาฏิหาริย์เช่นเดียวกับเทพเจ้าองค์อื่น ๆ เมื่อเทพเจ้าองค์อื่นต้องการให้พรแก่ผู้ศรัทธา พรของพวกเขาจะต้องผ่านบาเรียโลกก่อนที่จะไปถึงผู้ศรัทธา ยิ่งพรหรือของศักดิ์สิทธิ์มีพลังมากเท่าใด พลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการข้ามบาเรียโลกก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเป็นแบบนี้ พวกเขาจะสามารถช่วยเหลือผู้ศรัทธาได้มากแค่ไหนกัน
สิ่งนี้บังคับให้เทพเจ้าองค์อื่นต้องฝึกฝนผู้ศรัทธาเพื่อสร้างเส้นทางการติดต่อที่ยอดเยี่ยม นอกเหนือจากนักบุญและผู้ถูกเลือกแล้ว ผู้ศรัทธาที่จะได้รับพรอันยิ่งใหญ่ก็เลยมีเพียง ผู้ศรัทธาที่ก้าวผ่านอุปสรรคนับไม่ถ้วน เพื่อดำรงตำแหน่งระดับสูงในศาสนจักร หรือผู้ศรัทธาที่พิสูจน์แล้วว่ามีศรัทธาที่คลั่งไคล้ในตัวเทพเจ้า(พวกคลั่งศาสนา) สำหรับผู้ศรัทธาอื่น ๆ พวกเขาจะได้รับพรจากเทพเจ้าในระดับที่จำกัด เช่น ‘ทักษะศักดิ์สิทธิ์’ ของคลาสที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าเท่านั้น
สำหรับซีเว่ยมันง่ายกว่ามาก เขาสามารถหลีกเลี่ยงกฎทั้งหมดนี้ได้โดยทิ้งตัวลงไปในดินแดนมรรตัย พวกเขาสามารถกินอาหารด้วยกัน ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดด้วยกัน และแข็งแกร่งขึ้นไปพร้อมกัน และเมื่อเขามีผู้ศรัทธามากพอ มันก็จะเกิดความแตกต่างระหว่างผู้เล่นระดับสูงและผู้เล่นธรรมดาขึ้นมาเองตามธรรมชาติ แน่นอนผู้เล่นระดับสูงจะต้องมีจำนวนน้อยกว่า มันเป็นตรรกะง่าย ๆ…
แต่ซีเว่ยในปัจจุบันยังเป็นเทพเจ้าใหม่ รากฐานของเขายังตื้นเกินไป เวลาและจำนวนผู้ศรัทธาของเขาคือจุดอ่อนสองจุดที่เขามี แม้แต่ผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา เอลีน่านักบุญหญิงฝึกหัด และเจ้าหญิงนักรบลีอา ทั้งสองยังไม่สามารถเทียบได้กับผู้ศรัทธาระดับสูงของศาสนจักรอื่น
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องหาทางทำให้ผู้เล่นแข็งแกร่งขึ้น
การเพิ่มขีดจำกัดเลเวลของผู้เล่นเป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุด แต่เขาเคยทำมาแล้ว 2 ครั้งก่อนหน้านี้ และผู้เล่นของเขาก็มีหนทางอีกยาวไกลก่อนที่จะเลเวลตัน ดังนั้นการเพิ่มระดับให้สูงขึ้นจึงไม่สามารถทำได้ในตอนนี้ เขาควรใช้พลังงานศักดิ์สิทธิ์ของเขาไปกับเรื่องอื่นก่อน
“ถ้าฉันย่อยเจ้าแห่งน้ำได้สมบูรณ์ ฉันก็จะมีพลังงานเหลือเพียงพอที่จะอัพเกรดระบบ ฉันอาจจะเพิ่มฟังก์ชันใหม่หรืออะไรบางอย่าง…”
เขาควรจะสร้างระบบความชำนาญทักษะดีไหม
ระบบความชำนาญทักษะ สามารถเพิ่มพลังให้กับผู้เล่นของเขาได้อย่างชัดเจน
แต่หลังจากชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้ว ซีเว่ยก็ตัดสินใจที่จะไม่ใช้ระบบความชำนาญทักษะในตอนนี้
เหตุผลแรกคือ ซีเว่ยจะต้องสร้างแผนผังทักษะใหม่หมด ซึ่งมันจะใช้พลังงานศักดิ์สิทธิ์มากเกินไป ซีเว่ยไม่แน่ใจว่าเขาจะทำมันไหวในตอนนี้ มันค่อนข้างยุ่งยากถ้าเขาใช้พลังไปจนตัวแห้ง และยังไม่สามารถสร้างระบบความชำนาญทักษะที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์
เหตุผลที่สองก็คือ ระบบคลาสในปัจจุบันค่อนข้างแย่ แต่ละคลาสมีตัวเลือกการเปลี่ยนคลาสใหม่เพียงคลาสเดียว ดังนั้นแม้ว่าความชำนาญทักษะจะถูกเพิ่มเข้าไป แต่ก็อาจทำให้ผู้เล่นมุ่งเน้นไปที่การเติบโตด้านเดียวมากเกินไป และผู้เล่นรุ่นก่อนจะส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้เล่นใหม่ในศาสนจักร
แถมผู้เล่นกลุ่มใหญ่อาจจบลงด้วยคลาสแปลก ๆ และทักษะแปลก ๆ จากนั้นซีเว่ยก็จะต้องใช้พลังงานศักดิ์สิทธิ์ของเขามากขึ้นเพื่อสร้างคะแนนทักษะ และสร้างใบรีเซ็ตทักษะ มันจะทำให้เขาเสียพลังงานไปฟรี ๆ…
ซีเว่ยตัดสินใจว่าเขาจะยังไม่สร้างระบบความชำนาญทักษะ จนกว่าผู้เล่นจะเข้าใจคลาสของตัวเองดีพอ
“แล้วอาชีพล่ะ” ซีเว่ยคิดกับตัวเอง
ซีเว่ยกำลังนึงถึงอาชีพที่ไม่ใช่อาชีพหลัก นั่นก็คือการสร้างคลาสรองเพื่อเพิ่มค่าสถานะให้ผู้เล่น หรือเพิ่มพลังให้กับคลาสหลักของพวกเขา
ตัวอย่างเช่น ผู้เล่นที่เลือกคลาสรองช่างตีเหล็ก อาจมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ผู้ที่เลือกคลาสรองชาวนา อาจมีพลังโจมตีเมื่อถืออาวุธเช่นเคียวและง้าวเพิ่มขึ้น ผู้ที่เลือกคลาสรองผู้ส่งสาร อาจมีความเร็วในการเคลื่อนที่และอื่น ๆ เพิ่มขึ้น…
นอกจากนี้เขายังสามารถทำให้ผู้เล่นล่าเนื้อได้เอง เมื่อผู้เล่นที่เลือกคลาสรองบุทเชอร์ เปิดใช้งานทักษะของคลาสรอง เนื้อจากสัตว์ประหลาดที่พวกเขาล่าก็จะไม่ถูกส่งไปยังอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์โดยอัตโนมัติ (แต่จะไม่สามารถรับ EXP ในการฆ่าได้) มันสามารถแก้ปัญหาพื้นที่จัดเก็บที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขา และทำให้ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องไปที่แลงคาสเตอร์เพื่อนำเข้าเนื้อสัตว์
เพื่อเพิ่มและประหยัดพลังงานศักดิ์สิทธิ์ ซีเว่ยสามารถทำให้ทักษะอาชีพเหล่านี้ไม่สามารถอัพเกรดได้ด้วยคะแนนทักษะ แต่ผู้เล่นต้องใช้ความพยายามในการเก็บระดับทักษะแทน…
หากทำเช่นนั้น เขาไม่เพียงแต่จะเพิ่มสีสันในการใช้ชีวิตของผู้เล่นได้มากกว่าแค่การเควสประจำวันเท่านั้น แต่เขายังปรับปรุงความสามารถในการต่อสู้ของผู้เล่นได้อีกด้วย มันเป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบ!
นอกจากนี้มันยังช่วยให้ผู้เล่นที่ไม่สนใจการต่อสู้ ได้แสดงความสามารถในด้านอื่น ๆ ออกมา นี่มันยอดเยี่ยมไปเลยไม่ใช่เหรอ
หลังจากมาลองคิดดูแล้ว การใช้คลาสรองเป็นคลาสวิชาชีพดูเหมือนจะมีประโยชน์มากที่สุด
“ตอนนี้คำถามก็คือ…ด้วยจำนวนพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันมี ฉันจะสามารถทำมันให้เสร็จก่อนที่ฉันจะกลายเป็นลูกเกดได้ไหม” ซีเว่ยพันหนวดรอบร่างบอลเรืองแสงของเขาอย่างลังเล
ตามหน่วยวัดที่เขาตั้งไว้ในบทที่ 1 พลังงานศักดิ์สิทธิ์ของซีเว่ยตอนนี้แทบจะมีไม่ถึง 50 หน่วย…สำหรับจำนวนที่เขามี เดิมอยู่ที่ประมาณ 100 หน่วย แต่หลังจากเพิ่มคลาสใหม่ไป 2 คลาสและเพิ่มระบบผู้ติดตาม เขาก็มีพลังเหลืออยู่ไม่มาก
บางคนอาจสงสัยว่า “ตอนนั้นเขาก็สามารถควบคุมระบบเกมได้ก่อนที่อัตลักษณ์ความเป็นเทพของเขาจะเสถียรไม่ใช่เหรอ ย้อนกลับไปตอนนั้น ฉันยังเป็นเด็ก…โอ้ ฉันหมายความว่าตอนนั้นฉันมีพลังงานศักดิ์สิทธิ์เพียง 10 หน่วยเท่านั้น!”
เหตุผลที่ตอนนั้นเขาทำได้นั้นง่ายมาก เพราะระบบของเขานั้นเบสิคสุด ๆ ทั้งทักษะและความสามารถเฉพาะของคลาสก็ถูกสร้างขึ้นโดยพลังของซีเว่ยเอง แต่ระบบคลาสที่ใช้งานอยู่ตอนนี้ได้รับการอัปเดตอย่างลับ ๆ มาโดยตลอด นอกจากนั้น ตอนนั้นเขายังมีผู้เล่นเพียงแค่ 5 คนเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงระบบได้ ตอนนี้เขามีผู้เล่นมากกว่า 100 คน และทุกคนต้องได้รับการอัปเกรดพร้อมกัน…
ซีเว่ยมาถึงทางตัน แต่เขาก็รู้สึกเหมือนนั่งเฉย ๆ ทั้งวันจะไม่ทำให้อะไรดีขึ้น เขาเลยตัดสินใจว่า “ถึงเขาจะไม่ทำอะไรเลย เรื่องเลวร้ายก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอ” และยอมเสี่ยงโชคกับพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่เหลืออยู่ทั้งหมดของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ใช่เทพที่มีผู้ศรัทธามหาศาล แต่เขาก็ยังมีผู้ศรัทธามากมายที่ต้องพึ่งพาเขาในตอนนี้ เขาไม่สามารถไร้ความรับผิดชอบหรือประมาทเหมือนเมื่อก่อนได้
“ฉันอาจจะเป็นเทพเจ้าเพียงองค์เดียวในโลกที่มีความรับผิดชอบ…”
ซีเว่ยพึมพำกับตัวเอง เขาตัดสินใจว่าบางทีเขาควรจะหยุด และสะสมพลังศรัทธาให้มากขึ้นกว่านี้อีกนิดก่อนที่จะเริ่มสร้างคลาสรอง
เมื่อเขาวางแผนจะทำกิจวัตรประจำวันตามปกติของเขา เช่นการนอนย่อยเจ้าแห่งน้ำและติดตามดูการเคลื่อนไหวของผู้เล่น ซีเว่ยก็ตัวแข็ง
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง (อย่าถามฉันว่าทำไมลูกบอลถึงมีสีหน้าจริงจังได้ โปรดใช้จินตนาการของคุณ) เขาจ้องมองเข้าไปในความว่างเปล่า เขารู้สึกว่ามีบางอย่างปรากฏตัวอยู่นอกอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขา