ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games - ตอนที่ 89
จอมและเทอร์รี่กำลังเดินอยู่ในป่าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
พวกเขาเป็นเพื่อนที่รู้จักกันระหว่างการหลบหนี และกลายเป็นผู้ลี้ภัยในเมืองวิคกิดอร์ จากนั้นทั้งสองก็ได้ติดตามมาร์นี่กลับเมืองไร้ชื่อ และกลายเป็นผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม
“จอม ทำไมเราถึงมาไกลขนาดนี้…”
เทอร์รี่ในชุดนักรบมีอายุประมาณ 12-13 ปีเนื่องจากการขาดสารอาหาร เขาจึงยังไม่ได้เข้าสู่วัยแรกรุ่น ร่างกายของเขาผอมบางและดูเหมือนแมวตัวน้อยที่เงอะงะ
ขาของเขาจมลงไปในหิมะถึงข้อเท้า เอาอดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “เราไปเก็บเวลใกล้เมืองไม่ได้เหรอ”
“ไม่!” จอมสวมเสื้อคลุมสีขาวที่มีไม้กางเขนอยู่ด้านหลัง จอมดูตัวเล็กกว่าเทอร์รี่ด้วยซ้ำ แต่ดวงตาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า เขาดูเหมือนหนูน้อยที่ฉลาด เขาพูดอย่างไม่ลังเลว่า “ตอนนี้การสำรวจครึ่งแรกของหุบเขาแห่งความตายคนเต็มตลอด มันยากมากที่จะหาโครงกระดูกสักตัว เราทำอะไรไม่ได้เลย! และเราก็ยังเคลียร์ห้องใต้ดินของผีดิบไม่ได้ด้วย ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เราคงไม่ได้เปลี่ยนคลาสไปตลอดชีวิตแน่!”
“เราไปที่เกรย์ฟยอร์ดได้ ซุปปลาที่มนุษย์กบทำอร่อยมาก” เทอร์รี่นึกย้อนไปถึงรสชาติของซุปปลาอุ่น ๆ น้ำลายเขาก็ไหลออกมา
“แม้ว่าเกรย์ฟยอร์ดจะใหญ่และเต็มไปด้วยปลา แต่ปัญหาก็คือเราจับปลาไม่ได้!” จอมถอนหายใจ “ไปหุบเขาแห่งความตายยังดีกว่าที่นั่น”
“ข้าเห็นผู้เล่นจำนวนมากไปที่ฐานที่มั่นลับใต้ดินของแลงคาสเตอร์ อาจมีอะไรดี ๆ ที่นั่นก็ได้!”
เทอร์รี่กระชับเสื้อหนังของเขา แต่เกราะโลหะด้านนอกเสื้อหนังยังคงระบายความร้อนในร่างกายของเขาออกไป ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีเครื่องดื่มร้อนอยู่ในกระเป๋าเป้ เขายอมตายดีกว่าออกไปข้างนอกในสภาพอากาศแบบนี้
“พวกเขาไปที่นั่นเพื่อทำเควส ‘แสงของเทพเจ้าจะส่องสว่างไปทั่วผืนดิน’ มันเป็นเควสประจำสัปดาห์ พวกเขาต้องรับสมัครผู้ศรัทธาใหม่เข้าร่วมศาสนาเรา รางวัลของเควสนั้นค่อนข้างดี” จอมตอบแบบสบาย ๆ
ดวงตาของเทอร์รี่สว่างขึ้น “แล้วเราล่ะ…”
“เห็นว่ามีผู้เล่นจำนวนมากถูกรายงานว่าเป็นพวกลัทธิชั่วร้ายที่ออกมาเผยแพร่ศาสนา ผู้เล่น 7-8 คนเลยถูกแขวนอยู่นอกกำแพงเมืองของแลงคาสเตอร์ ถ้าเจ้าอยากจะกลายเป็นของประดับกำแพงเมืองก็เชิญไปคนเดียวเถอะ” จอมพูดด้วยสีหน้าว่างเปล่า
“ฮะ ๆ ข้าล้อเล่น” เทอร์รี่หัวเราะเล็กน้อยโดยหวังว่าเขาจะผ่านหัวข้อนี้ไป “แต่เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าทำไมเราถึงมาทางนี้”
“ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าไปรับเควสประจำวันจากคฤหาสน์เจ้าเมือง ข้าแอบเห็นแผนที่บนโต๊ะทำงานของเขา ถ้าข้าจำไม่ผิดข้างหน้าเราคือป่าทริเนีย หรือที่เรียกกันว่า ‘ป่าสัตว์ประหลาด’” จอมอธิบายจุดประสงค์ในการเดินทางครั้งนี้ของพวกเขาในที่สุด “จะต้องมีสัตว์ประหลาดให้เราล่าที่นั่นแน่ แล้วเราจะไม่ต้องกังวลเรื่องการอัพเลเวลอีกต่อไป!”
“โอ้ งี้นี้เอง!” เทอร์รี่ปรบมือ
ทันใดนั้นสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง
กลิ่นของสัตว์ป่าอบอวลไปทั่วในอากาศ เสี้ยววินาทีต่อมา สัตว์ร้ายขนาดยักษ์ก็โผล่ออกมาจากกองหิมะในป่าและกระโจนเข้าหาเทอร์รี่!
ดวงตาเกียจคร้านของเทอร์รี่หายไปนานแล้ว เขากลิ้งหลบการโจมตีของสัตว์ร้ายด้วยปฏิกิริยาการตอบสนองที่ว่องไว!
ถ้าเอ็ดเวิร์ดหรือเอลีน่าอยู่ที่นี่ด้วย พวกเขาจะรู้เลยว่าสัตว์ร้ายที่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเด็ก ๆ นั้นเป็นสายพันธุ์เดียวกับเขี้ยวมังกรที่โจมตีหมู่บ้านของพวกเขา!
การขาดแคลนอาหารในฤดูหนาว ส่งผลอย่างชัดเจนต่อนักล่าอันดับต้น ๆ ในหมู่สัตว์ร้ายอย่างเขี้ยวมังกร การเคลื่อนไหวและการโจมตีของมันไม่ได้ใจเย็นเท่าเขี้ยวมังกรที่โจมตีหมู่บ้านเคนนิงตัน
ผู้เล่นเด็กน้อยทั้งสองมองไปที่ตัวเลขเลเวล 10 ที่ลอยอยู่เหนือหัวของศัตรู และแถบพลังชีวิตที่ว่างเปล่าไปแล้วครึ่งหนึ่ง หลังจากยืนยันว่าเขี้ยวมังกรไม่ใช่บอสหรือศัตรูระดับอีลิท พวกเขาก็คลายความกังวลและพร้อมที่จะกำจัดมันทันที
ในขณะที่เขี้ยวมังกรกำลังจะโจมตีครั้งที่สอง จอมกับเทอร์รี่ก็หยิบอาวุธของพวกเขาออกมา เขี้ยวมังกรตัวนี้มีลูกธนูปลายขนนกปักอยู่ที่ตาซ้าย ซึ่งส่งผลต่อเส้นทางการโจมตีของมัน ชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อขนสัตว์หนากระโจนออกมาจากด้านหลังเด็กชายทั้งสอง และผลักพวกเขาล้มลงกับพื้นขณะที่พวกเขากำลังร่ายทักษะ นั่นทำให้ทักษะของพวกเขาถูกยกเลิก แต่ก็ยังช่วยให้พวกเขาหลบหลีกการโจมตีของเขี้ยวมังกรได้
หลังจากที่ชายคนนี้ปรากฏตัว ก็มีคนจำนวนมากที่แต่งตัวด้วยเสื้อขนสัตว์โผล่ออกมา ทุกคนใช้อาวุธง่าย ๆ เช่นธนูและคราดเพื่อเอาชนะเขี้ยวมังกรที่ตาบอดไปแล้วข้างหนึ่ง บนตัวของเขี้ยวมังกรเต็มไปด้วยลูกธนูจำนวนมาก และความโกรธของมันทำให้ต้นไม้สองต้นล้มลง มันดิ้นรนสู้อยู่นานก่อนที่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะหมดลง
กลุ่มชายในเสื้อขนสัตว์โห่ร้องด้วยความดีใจ
จนถึงตอนนี้จอมและเทอร์รี่พึ่งจะได้สติ พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือร้องไห้ดี…พวกเขาถูกกลุ่มพรานป่าธรรมดาปล้น? ไม่ ดูจากอาวุธของพวกเขา คนเหล่านี้ไม่ได้เป็นพรานด้วยซ้ำ
พวกเขาดูเหมือนจะซุ่มโจมตีอยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้ว ดวงตาและใบหน้าของพวกเขาบวมเป็นสีม่วงช้ำ เมื่อเห็นแบบนี้จอมก็เลยไม่ได้บ่นอะไร
“เจ้ามาจากหมู่บ้านไหน เด็กน้อย” ชายวัยกลางคนที่จับพวกเขานอนคว่ำ ดึงพวกเขาขึ้นมาจากพื้นหิมะ
“เรามาจากหุบเขาแห่งความตายที่น่าเศร้า…” จอมส่งสัญญาณให้เทอร์รี่เงียบ และให้คำตอบที่คลุมเครือกับชายคนนั้น
ชายคนนี้ไม่ได้สงสัยอะไรเลย เขาเริ่มตำหนิพวกเด็ก ๆ ว่า “ผู้ปกครองของพวกเจ้าไม่สนใจพวกเจ้าเลยรึ? วิ่งมาไกลจนถึงที่นี่ นี่พวกเจ้าไม่รู้เหรอว่าป่าในฤดูหนาวอันตรายขนาดไหน!”
‘ข้าจะไม่มาที่นี่ถ้ามันไม่อันตราย’ จอมบ่นกับตัวเอง
ถ้าชายคนนั้นยังคงเทศน์ต่อไป พวกเขาอาจจะสวนกลับใส่เขาสักหมัด โชคดีที่ชายคนนี้ไม่ได้บ่นต่อ เขาทำสีหน้าอ่อนโยนแล้วพูดว่า
“แต่ในที่สุดเราก็ล่าสัตว์ร้ายได้แล้ว เจ้าสองคนควรมาพักที่หมู่บ้านของพวกเราก่อน เราจะทำสตูว์กัน หลังจากที่เจ้าอุ่นท้องแล้วข้าจะไปส่งพวกเจ้ากลับบ้าน ดีไหม” ชายวัยกลางคนถามความเห็นพวกเขา
เทอร์รี่มองจอม จากนั้นก็พยักหน้า
อีกฝ่ายดูเหมือนจะใจดี พวกเขาไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ
พูดตามตรงมันไม่สำคัญหรอกว่าคนพวกนี้จะมีแผนร้ายอะไร จอมมั่นใจว่าผู้เล่นอย่างเขาไม่มีอะไรต้องกลัว! พวกเขาเดินป่ามาทั้งวันและถูกปล้นสัตว์ร้ายไป หากคนพวกนี้ทรยศพวกเขาในภายหลัง เขาจะให้พวกเขาได้เห็นว่าอะไรคือความโกรธของผู้เล่นที่แท้จริง!
ชาวบ้านคนอื่น ๆ ได้ผูกเขี้ยวมังกรไว้บนโครงไม้ มีคนประมาณ 1 โหลร่วมมือกันแบกสัตว์ร้ายกลับหมู่บ้าน
จอมอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามเกี่ยวกับสติปัญญาของพวกเขา หากพวกเขาใช้เลื่อนจะไม่ประหยัดแรงได้มากกว่าเหรอ…?
แต่ชาวบ้านทุกคนดูเหมือนจะมีความสุขและภาคภูมิใจกับการล่าในครั้งนี้ จอมเลยไม่คิดจะขัดอารมณ์พวกเขา
ใช้เวลาไม่นานทั้งกลุ่มก็มาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ถูกซ่อนอยู่ในถ้ำ ที่นี่มีบ้าน 30-40 หลังคาเรือน จำนวนประชากรของพวกเขาอาจมีมากกว่าเมืองไร้ชื่อ