ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games - ตอนที่ 90
เห็นได้ชัดว่าเขี้ยวมังกรสร้างความหวาดกลัวให้กับหมู่บ้านมาระยะหนึ่งแล้ว ชาวบ้านดูเหมือนกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลเก็บเกี่ยว ในขณะที่นายพรานแบกศพของเขี้ยวมังกรกลับมาที่หมู่บ้าน พวกพรานเหล่านี้ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีเหมือนวีรบุรุษ
ชาวบ้านถึงกับต้อนรับเด็กชายแปลกหน้าทั้งสองอย่างจอมและเทอร์รี่ให้นั่งข้างกองไฟ และมอบอาหารอุ่น ๆ ให้พวกเขา
อาหารในหมู่บ้านนั้นเรียบง่ายมาก มีขนมปังข้าวไรย์ธรรมดา ๆ ตอนนี้นักล่ากำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นแล่เนื้อเขี้ยวมังกรตัวใหญ่ พวกเขาหั่นมันเป็นเนื้อสเต็กขนาดเท่าฝ่ามือ และมอบให้กับผู้หญิงในหมู่บ้านนำไปปรุงอาหารบนกองไฟ ก่อนจะแจกจ่ายให้กับชาวบ้านคนอื่น ๆ
แม้แต่กระดูกของเขี้ยวมังกรก็ไม่สูญเปล่า แม่ครัวโยนกระดูกของมันลงในหม้อดินขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำแล้วนำไปต้ม หลังจากตักกากที่ก่อตัวขึ้นบนผิวน้ำทิ้งและเพิ่มใบไม้จากพืชบางชนิดที่จอมไม่รู้จักลงไป ส่วนผสมทั้งหมดก็ถูกเคี่ยวอย่างช้าๆ ไม่นานสตูว์เนื้อแสนอร่อยก็เสร็จสมบูรณ์
หากเคี่ยวให้นานกว่านี้อาจทำให้น้ำซุปมีรสชาติหวานมากขึ้น แต่เห็นได้ชัดว่าพวกชาวบ้านไม่สามารถรอได้อีกต่อไป ทุกคนต่างกระตือรือร้นที่จะเริ่มงานเลี้ยงมื้อใหญ่
อาจเป็นเพราะหมู่บ้านนี้อาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวในถ้ำที่เต็มไปด้วยหิมะ เขาถึงได้รู้สึกว่าพวกชาวบ้านไม่ได้ทานอาหารอร่อย ๆ แบบนี้มาสักระยะแล้ว จอมและเทอร์รี่เพิ่งลิ้มรสสตูว์ครั้งแรกเมื่อชาวบ้านส่วนใหญ่เลียชามไม้จนแห้งแล้ว เด็ก ๆ บางคนถึงกับวิ่งไปที่หม้อเพื่อขอเพิ่มอีกครั้งภายในไม่กี่วินาที
“พวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยวหรือ” เมื่อจอมเข้ามาในหมู่บ้านครั้งแรก เขาสังเกตเห็นบางสิ่งที่คล้ายกับเสาโทเท็มตรงทางเข้าถ้ำ มันเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยว ‘มาโคโล่’ มีเพียงสถานที่ ๆ มีประชากรในหมู่บ้านมากกว่า 100 คนและชาวบ้านทุกคนศรัทธาในเทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยวเท่านั้น ที่ ‘สวนธัญพืช’ ศาสนจักรของเทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยว จะสร้างสัญลักษณ์เช่นนี้ไว้ในหมู่บ้าน
มันเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปของเทพเจ้า เมื่อใดก็ตามที่เทพสร้างปาฏิหาริย์ศักดิ์สิทธิ์ สัญลักษณ์ของพวกเขาก็จะได้รับพลังและออร่ามาส่วนหนึ่ง และพลังที่ปล่อยออกมาจากสัญลักษณ์ ก็เป็นที่ชื่นชอบเป็นพิเศษของเหล่าชาวบ้าน
เทพตนอื่น ๆ ก็มีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองคล้ายกับเสาโทเท็มนี้เช่นกัน และสำหรับศาสนจักรของเทพเจ้าแห่งเกม มันก็คือไลฟ์สโตน
จอมถามนายพรานวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ข้าได้ยินมาว่าเทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยวได้แสดงปาฏิหาริย์ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ลงมาสู่ดินแดนของเราในปีนี้ หมู่บ้านของเจ้าได้รับการยอมรับจากสวนธัญพืช การเก็บเกี่ยวในหมู่บ้านก็น่าจะไปได้สวยนี่ ทำไมพวกเจ้าถึงดูอดอยากแบบนี้ล่ะ?”
“เฮ้อ เนื่องจากจักรวรรดิวัลลานับถือศาสนจักรสีขาวอันสว่างไสว แต่เรานับถือสวนธัญพืช หมู่บ้านของเราก็เลยต้องจ่ายภาษีให้กับศาสนจักรสีขาวอันสว่างไสวแพงขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อศาสนจักรสีขาวอันสว่างไสวเริ่ม ‘สงครามหนึ่งปี’ กับวิหารแห่งความรุ่งโรจน์ ภาษีในปีนี้จึงสูงมากเป็นพิเศษ เพื่อปันส่วนให้กองทัพ เราก็เลยมีเสบียงเหลืออยู่ไม่มากนัก…” นายพรานหยุดพูดกลางคัน เขาเสียสติไปแล้วแน่ ๆ ถึงได้บ่นเรื่องศาสนจักรออกมาดัง ๆ เหงื่อเย็น ๆ ไหลลงมาที่หลังของเขา “เฮ้เจ้าหนู ทำไมเจ้าถึงถามคำถามแบบนี้ล่ะ!”
“ข้าก็แค่อยากรู้” จอมตอบและถามต่อ “พวกเขารังแกเจ้าขนาดนี้ ทำไมเจ้าถึงไม่พูดอะไรเลย”
“เจ้าไม่รู้อะไรก็พูดได้สิ เจ้าหนู” นายพรานส่ายหน้าอย่างยอมแพ้ เขากระซิบข้างหูจอมว่า “ผู้อาวุโสในหมู่บ้านบอกว่า เทพเป็นหนึ่งเดียวกับศาสนจักร การทำให้ศาสนจักรเสื่อมเสียชื่อเสียง ก็คือการทำให้เทพเจ้าเสื่อมเสีย! ถ้าถูกจับได้ เจ้าจะถูกฆ่าแขวนคอไว้ที่กำแพงเมือง!”
จอมไม่ชอบสิ่งที่เขาได้ยิน “เจ้าจะตกใจอะไร ที่นี่แทบไม่ได้อยู่ในเงาของศาสนจักร ใครที่ไหนจะมาเอาชีวิตเจ้า”
“เจ้าพูดอะไรเนี่ย ตอนที่ไม่มีสงคราม หมู่บ้านของเราก็มีชีวิตที่ดี” เห็นได้ชัดว่านายพรานไม่พอใจ “ก็แค่ภาษีสูงขึ้นในช่วงสงคราม…เจ้ารู้ไหมว่า ‘สงคราม’ คืออะไร? มันอันตรายถึงชีวิต ก่อนที่จะส่งทหารเหล่านั้นไปตาย ก็ต้องแน่ใจว่าพวกเขาจะได้กินอิ่มท้อง”
“หึ…”
จอมทำเสียงขึ้นจมูกและไม่ตอบกลับ
เขาจะไม่รู้ได้ไงว่าสงครามคืออะไร? เขาและเทอร์รี่สูญเสียครอบครัวใน ‘สงครามหนึ่งปี’ นี่แหละ ถ้าไม่ใช่เพราะศาสนจักรของเทพเจ้าแห่งเกมรับพวกเขามาอยู่ใต้ปีกของพระองค์ ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคงจะยังคุ้ยขยะหาอาหารอยู่นอกกำแพงเมืองวิคกิดอร์!
“จอมไม่กินเหรอ? ขนมปังนี้อร่อยดีนะ” เทอร์รี่กำลังเคี้ยวขนมปังข้าวไรย์เนื้อแข็งอย่างมีความสุข โดยไม่สนใจเนื้อย่างที่ชาวบ้านจ้องจนน้ำลายไหล
อาหารที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในเมืองไร้ชื่อคือเนื้อย่าง แม้ว่ามันจะมีเครื่องปรุงรสดี ๆ แต่พวกเขาก็รู้สึกเอียนเมื่อต้องกินมันไปนาน ๆ นั่นคือเหตุผลหลักที่ทำให้ซุปปลาของท่าเรือเกรย์ฟยอร์ดกลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้เล่นอย่างรวดเร็ว
จอมกัดขนมปังข้าวไรย์ของเขา นอกจากมันจะแข็งเหมือนหินแล้ว มันยังมีรสชาติคล้ายกับบิสกิตรสหวานที่แม่ของเขาเคยทำ
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงพ่อแม่ของเขาที่ตายอยู่ในกองไฟ รอยแผลที่เขาคิดว่าหายดีแล้วก็ปริออกอีกครั้ง เขารู้สึกเจ็บปวดแบบเดียวกับที่เคยมีในตอนนั้น
ถ้าแค่เขาได้รู้จักเทพเจ้าแห่งเกมก่อนหน้านั้น ถ้าเขาสามารถติดตามเทพเจ้าแห่งเกมได้เร็วกว่านี้ พ่อกับแม่ของเขาก็คงจะไม่ตาย…
จอมมองไปที่พวกชาวบ้านอีกครั้ง เขารู้สึกสำนึกในบุญคุณของเทพเจ้าแห่งเกม ก่อนที่เขาจะเป็นผู้เล่น จอมเคยล้อเลียนผู้ศรัทธาบ้าบอ ที่เอาแต่ร้องเพลงสรรเสริญไม่รู้จบเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาพูดถึงเทพเจ้าแห่งเกม
แม้ว่าพระองค์จะไม่สามารถเอาชนะเทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยวได้ในแง่ของจำนวนผู้ศรัทธา แต่เทพเจ้าแห่งเกมก็ให้ชีวิตที่ร่ำรวยแก่ผู้ศรัทธาของเขา ต่างจากเทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยว ที่เอาเฝ้ามองผู้ศรัทธาของตนอย่างเฉยเมย
เทพเจ้าแห่งเกมมอบพลังให้ผู้ศรัทธาได้ต่อสู้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ และกิจกรรมต่าง ๆ ที่เขาจัดขึ้น ก็ดูเหมือนจะสอนผู้เล่นว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความพยายามไม่มีทางทรยศพวกเขา ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะต่อสู้เพื่อตัวเอง!
โลกของพวกเขาไม่มี “ความเท่าเทียมกัน” แต่จอมก็รู้ดีว่าชาวบ้านจะไม่เปลี่ยนศรัทธาจากเทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยวไปง่าย ๆ เขาจึงไม่ได้วางแผนที่จะพยายามชักชวนชาวบ้านคนใดคนหนึ่งให้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม
พวกเขาจะเตรียมตัวออกเดินทางทันทีที่ทานอาหารเย็นเสร็จ และพวกเขาก็อาจจะช่วยล่าสัตว์เล็ก ๆ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณต่อชาวบ้าน
ขณะที่จอมกำลังจะอ้าปากพูด ทันใดนั้นร่างที่ตื่นตระหนกก็วิ่งเข้ามาในถ้ำ ด้วยความเร่งรีบเขาวิ่งชนหม้อจนล้มส่งเสียงดังก้องกังวานไปทั่วถ้ำ ทำให้ชาวบ้านต่างพากันตกใจ
“นอตเต้ ทำไมเจ้าไม่เฝ้าอยู่ที่ทางเข้า” ชายชราที่ดูเหมือนผู้ใหญ่บ้านถามชายที่กำลังตื่นตระหนก
“มะ มะ มะ ไม่ดีแล้ว!” ชาวบ้านคนนั้นตัวสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้า ดวงตาสีดำของเขามีความกลัวที่ไม่อาจควบคุมได้ “พวกโจรภูเขากำลังมา!”
ราวกับว่ามีใครบางคนกดปุ่มปิดเสียง ชาวบ้านที่คึกคักก่อนหน้านี้ต่างก็เงียบลงทันที มีเพียงเสียงฟืนที่แตกเปรี๊ยะ ๆ ดังอยู่ในอากาศ
“พวกมันอยู่ห่างจากหมู่บ้านแค่ไหน?” ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ เขาถามอย่างจริงจัง
“มะ ไม่ไกล!” ชาวบ้านคนนั้นกลัวจนน้ำตาไหล เขาพูดด้วยความกลัวว่า “พวกเขาจะมาถึงแล้ว!”
ข่าวนี้เหมือนมีคนเอาไม้แหย่รังแตน พวกชาวบ้านแตกตื่น ตัดสินใจไม่ถูกว่าพวกเขาควรหาที่ซ่อน หรือพยายามหนีออกจากหมู่บ้านก่อนที่โจรจะมาถึงดี
“ใจเย็น ๆ! อย่าตกใจ!” ชายชราพยายามรักษาความสงบเรียบร้อย “ตราบใดที่เรามอบอาหารให้ พวกโจรก็จะไม่เอาชีวิตใคร!”
แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีประโยชน์ ชาวบ้านยังคงกรีดร้องและตะโกนใส่กัน
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังกึกก้องไปทั่วถ้ำ แม้แต่แผ่นดินก็ยังสั่นไหว
ทุกคนตัวแข็ง และค่อย ๆ มองไปยังที่มาของเสียง ที่ตรงนั้นมีเด็ก 2 คนนั่งหน้านิ่งอยู่
คนหนึ่งตัวเตี้ยกว่าอีกคนเล็กน้อย เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวและมีผมสีน้ำตาล ถือไม้กางเขนโลหะที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับค้อน ที่ปลายไม้กางเขนอยู่ใกล้กับกระทะที่กองอยู่บนพื้น บ่งบอกว่าเขานี่แหละตัวการ
“ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น” เด็กผู้ชายผมสีฟ้าอีกคนที่สูงกว่าเล็กน้อยก็ยืนขึ้นเช่นกัน เขาแลบลิ้นออกมาเลียเศษขนมปังบนริมฝีปากของเขา และเอาดาบยาวที่ด้านหลังของเขาออกมาถือไว้ในมือ
“เพื่อเป็นการขอบคุณ เราจัดการโจรพวกนั้นให้” จอมมองไปทางชาวบ้านที่ยังคงตกตะลึงและยิ้มให้พวกเขา ก่อนจะเดินไปที่ทางเข้าหมู่บ้านพร้อมกับเทอร์รี่
นายพรายวัยกลางคนพยายามอย่างยิ่งที่จะหยุดพวกเขา “เดี๋ยวก่อน! นั่นไม่ใช่โจรภูเขาธรรมดานะ!”
“ไม่ต้องห่วง เราก็ไม่ใช่เด็กธรรมดาที่เจ้ารู้จักเหมือนกัน” จอมตอบโดยเน้นที่คำว่า ‘เด็กธรรมดา’
“ใช่ใช่ ข้ายืนยันได้ว่าพวกเราแข็งแกร่งมาก”
เทอร์รี่ยิ้มราวกับจะอวดความแข็งแกร่งของเขา เขาพยายามงอแขนเกร็งกล้ามให้นูนขึ้นมา แต่แขนที่ผอมแห้งเหมือนกิ่งไม้ของเขา ก็ส่งผลตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงต่อพวกชาวบ้าน…
ชาวบ้านแปะความกังวลไว้ทั่วใบหน้า แต่ก็สายเกินไปที่จะหยุดพวกเด็ก ๆ ตอนนี้พวกโจรได้มาถึงทางเข้าหมู่บ้านแล้ว
ในที่สุดจอมก็สามารถมองเห็นกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า ‘โจรภูเขา’ ได้อย่างถูกต้อง
อธิบายง่าย ๆ ก็คือกลุ่มคนสวมผ้าขี้ริ้วที่ขี่โจโคโบะ แต่พวกเขาก็แตกต่างจากชาวบ้านที่อดอยากเห็นได้ชัด พวกโจรเหล่านี้คงจะได้กินอาหารดี ๆ และมีสุขภาพแข็งแรงกว่าพวกชาวบ้าน ส่วนอาวุธของพวกโจร มันคือดาบยาวที่ใช้งานง่ายเมื่ออยู่บนหลังม้า
พวกเขากำลังบุกเข้ามาตรง ๆ อย่างไม่มีการออมแรง แรงกดดันของพวกเขาคล้ายกับทหารม้าบนโลก กองทหารราบอาจถูกครอบงำโดยกลุ่มทหารม้าที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ทำให้เกิดความเครียดทางจิตใจจากการเผชิญหน้ากับศัตรู และมันก็จะทำให้ร่างกายของพวกเขาอ่อนแอลง
แต่สำหรับจอมและเทอร์รี่ พวกเขาไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย
เหตุผลนั้นง่ายมาก
“ทำไมโจรถึงมีเลเวลแค่ 5 พวกเขาแย่ขนาดนี้เลยเหรอ” เทอร์รี่ยกดาบยาวขึ้นพาดบ่า “ไม่ต้องใช้มือข้าก็เอาชนะพวกเขาได้!”
“โจโคโบะของพวกเขาเลเวล 8” จอมกำลังเตรียมตัวอยู่ข้างหลังเทอร์รี่ “เล็งหัวพวกมันก่อน”
ดังนั้นก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น พวกโจรภูเขาที่กำลังควบโจโคโบะมาเต็มอัตรา ก็เห็นเด็กหนุ่มทั้งสองที่พยายามจะหยุดพวกเขา เหล่าโจรหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนานกับเรื่องตลกที่เด็กสองคนนี้พยายามจะทำ
แต่ในขณะนั้น โจรบางคนก็รู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูก…