ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 103
ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 103 ต้อนรับท่านแม่ทัพ
เฝิงจิ้งเหวินโมโหมากขึ้น “ที่แท้นางก็เป็นคนของคุณชายรองแต่แรกแล้ว คุณชายรองผู้นั้นให้สัญญากับนางว่ารอให้เขาเป็นเถ้าแก่ร้านยาเต๋อเหรินก่อน แล้วจะให้นางเป็นอนุ ดังนั้นนางถึงได้วางยาพิษข้า”
พูดจบก็โมโหพูดขึ้นต่อว่า “พวกนางนั้นเติบโตมาพร้อมกับข้า แม้ในนามจะเป็นนายบ่าว แต่ข้าปฏิบัติต่อพวกนางประหนึ่งเป็นน้องสาวก็มิปาน เคยให้คำมั่นด้วยซ้ำ ว่าจะหาการแต่งงานที่ดีให้นาง ข้าคิดไม่ถึงเลย ว่านางจะทำเรื่องเช่นนี้ได้”
“ใช่แล้ว” เฝิงจิ้งซูเห็นด้วย “ท่านไม่ทราบ ตอนที่ข้ารู้ว่านางทำร้ายจนพี่สาวมีสภาพเช่นนี้ ข้าแทบจะแช่งชักหักกระดูก ถลกหนังนางออกเพื่อระบายความแค้น”
“จับคนได้ก็ดีแล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว “แต่ว่า ข้าก็ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้ยังแปลกพิกลอยู่ ซุ่ยหงเป็นแค่สาวใช้คนหนึ่ง ปกติแล้วจะมีเวลาไปหาเหวินเอ้อร์ที่เมืองซีเฉิงหรือ ระหว่างพวกเขาน่าจะต้องมีผู้ที่คอยส่งข่าวอีก พี่สะใภ้กลับไปแล้ว ก็ให้นายท่านเฝิงไต่ถามอีกครั้ง”
เฝิงจิ้งเหวินคิดว่าที่นางพูดมาก็มีเหตุผล จึงพยักหน้า “หลังจากกลับไป ข้าจะไปหาท่านพ่อข้า”
“เอาล่ะ คนก็จับตัวได้แล้ว พวกเราไม่คุยเรื่องที่ไม่สบายใจพวกนี้แล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบเข็มเงินออกมา “ตอนนี้มาเริ่มรักษาเถอะ”
เฝิงจิ้งเหวินนอนราบลงบนเตียง ถอดเสื้อออก คลุมผ้าผืนบาง เมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มรักษาให้นาง เฝิงจิ้งซูมองอยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าอย่างไร ถึงได้มองเห็นรอยแดงที่คอของเมิ่งเชี่ยนโยว ถามขึ้นอย่างสงสัย “พี่โยวเอ๋อร์ คอของท่านเป็นอะไรหรือ ถูกยุงกัดหรือเจ้าคะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดงขึ้นในทันที
เฝิงจิ้งเหวินเป็นคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน จึงเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ดุเฝิงจิ้งซู “เป็นสาวเป็นนาง ไม่ต้องถามทุกอย่างก็ได้”
ถึงแม้เฝิงจิ้งซูจะไม่เข้า แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก เพียงแต่มองเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยความสงสัยเป็นระยะ
อาการของเฝิงจิ้งเหวินดีขึ้นเป็นลำดับ เวลาที่ใช้ในการรักษาก็สั้นลง
ไม่ถึงครึ่งชั่วยามเมิ่งเชี่ยนโยวก็ดึงเข็มออก บอกให้ชิงหลวนไปชงน้ำชามา
เฝิงจิ้งเหวินใส่เสื้อเรียบร้อยแล้ว ลุกขึ้นยืน มานั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ ยกถ้วยชาขึ้นจิบคำหนึ่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ดื่มไปคำหนึ่ง ครุ่นคิดแล้วพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้ เมื่อวานนี้ดึกเกินไป ข้ากลัวว่าท่านจะเป็นกังวล มีเรื่องหนึ่งที่ข้ายังไม่ได้บอกท่าน”
เฝิงจิ้งเหวินยกถ้วยชาขึ้น กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าว่ามาสิ”
“เมื่อวานเถ้าแก่เหวินได้รับบาดเจ็บ…”
เฝิงจิ้งเหวินผุดลุกขึ้นฉับพลัน ไม่สนใจว่าน้ำชาที่อยู่ในถ้วยจะหกรดตัวเอง ถามขึ้นอย่างร้อนใจว่า “ท่านพี่ได้รับบาดเจ็บหรือ”
“ข้ากลัวว่าท่านจะเป็นห่วง ดังนั้นคืนเมื่อวานจึงไม่ได้บอกท่าน พี่สะใภ้วางใจ เถ้าแก่เหวินไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ผิวหนังถลอกเท่านั้น ข้าใส่ยาให้เขาเองแล้ว”
เฝิงจิ้งเหวินที่เป็นถึงคุณหนูใหญ่ของตระกูลเฝิง ตอนที่ยังไม่ออกเรือนก็ช่วยจัดการดูแลกิจการของตระกูล ฉลาดเฉลียวมาก ฟังออกถึงความนัยที่ซ่อนในคำพูดของนางทันที กล่าวอย่างร้อนใจเช่นเดิม “น้องโยวเอ๋อร์ไม่ต้องปลอบใจข้า แค่ผิวถลอก ทำไมถึงต้องลำบากเจ้าใส่ยาให้เขาด้วยตัวเอง” ว่าแล้วก็วางถ้วยน้ำชาที่อยู่ในมือ “ไม่ได้ ข้าต้องกลับไปดู”
“พี่สะใภ้” เมิ่งเชี่ยนโยวเรียกนางไว้ “ตอนนี้เถ้าแก่เหวินน่าจะอยู่ที่ร้านยาเต๋อเหริน ถ้าท่านไปหาเขา ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านบอกเขาด้วย ให้เขาตรวจสอบไปตามนี้”
เฝิงจิ้งเหวินพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว ขอบใจน้องโยวเอ๋อร์ที่บอกข้า ข้าขอตัวก่อน” พูดจบก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เฝิงจิ้งซูเดินตามหลัง
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นส่ง กล่าวว่า “หลายวันนี้ข้าไม่มีธุระอะไร ต่อไปพี่สะใภ้จะมายามเช้าหรือยามบ่ายก็ได้ ข้าจะไม่ส่งคนไปตามแล้วเจ้าค่ะ”
เฝิงจิ้งเหวินตอบรับ ก้าวฉับๆ ออกจากประตูไป ขึ้นรถม้าไปพร้อมกับเฝิงจิ้งซู สั่งให้คนไปร้านยาเต๋อเหรินด้วยน้ำเสียงร้อนรน
มองดูรถม้าที่วิ่งออกไปไกลแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจในใจ เหวินซื่อคนนี้ช่างเป็นคนโง่ที่โชคดีแบบงงๆ ไม่เพียงได้เป็นเถ้าแก่หอการค้าเต๋อเหวินอย่างสับสนมึนงงเท่านั้น ยังได้แต่งงานกับภรรยาที่ดีที่มีใจตรงกันเช่นนี้อีก
หลายวันต่อมา เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ออกจากบ้านเลย หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่ได้มาหา เฝิงจิ้งเหวินสองพี่น้องก็ยังมารักษาทุกวันตามเดิม
ทุกวันหลังจากที่กินมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวเพิ่งจะนอนลงพักสักครู่ ก็มีเสียงของหวงฝู่อี้เซวียนดังขึ้นมา “ชิงหลวน เจ้าไปจูงม้าเหล่านั้นมา อีกสักครู่ออกนอกเมืองไปพร้อมพวกเรา”
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น หวงฝู่อี้เซวียนเดินเข้ามาในห้องแล้ว พูดกับนางว่า “กองทัพของท่านน้าใกล้เข้ามาในเมืองแล้ว เจ้าไปต้อนรับกับข้าหน่อย”
เปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกประตูใหญ่ตามเขาไป
ชิงหลวน กัวเฟย จู๋หลีทั้งสามคนจูงม้ารออยู่ด้านนอก
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของกัวเฟย กำลังจะรับเอาบังเ**ยนม้า หวงฝู่อี้เซวียนก็อุ้มนางขึ้นไปนั่งบนม้าของตัวเอง จากนั้นก็กระโดดขึ้นมาอย่างคล่แงแคล่ว มือข้างหนึ่งจับนางไว้แน่น มืออีกข้ากระตุกบังเ**ยน เจ้าม้าที่โดยสารทั้งสองคนได้พุ่งทะยานตรงออกไป
หวงฝู่อี้เห็นจนเป็นเรื่องปกติแล้ว จึงควบม้าตามออกไปโดยไม่คิดอะไร
กัวเฟยกับคนที่เหลืออีกสามคนหันมามองหน้ากัน โยนบังเ**ยนม้าตัวที่เหลือออกไป สั่งคนเฝ้าประตูว่า “เอ้าม้าไปไว้ในคอก” จากนั้นก็พุ่งทะยานตามหลังไป
ขบวนทัพเดินทางมาถึงประตูทิศทักษิณแล้ว ตอนที่หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวไปถึงนั้น ที่หน้าประตูมีคนยืนอยู่ไม่น้อย มีทั้งประชาชน มีทั้งขุนนางที่ได้รับพระราชโองการให้ออกมาต้อนรับ
ขุนนางยืนอยู่ตรงกลางของประตูข้างนอก เหล่าประชาชนยืนอยู่ข้างสองฝั่งทาง
ยังไม่เห็นร่องรอยของแม่ทัพใหญ่ ประชาชนทั้งสองข้างต่างแซ่ซ้องสรรเสริญถึงคุณงามความดีของแม่ทัพใหญ่ฉู่อย่างยินดี
หวงฝู่อี้เซวียนลงจากม้า ไม่สนใจสายตาของทุกคนที่มองมาอย่างสงสัย อุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวลง
พอขุนนางที่มาต้อนรับมองเห็นเขา รีบเข้ามาคำนับทันที “ซื่อจื่อ”
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้าน้อยๆ “ไม่ต้องสนใจข้า เสด็จลุงฮ่องเต้ส่งเจ้ามาต้อนรับท่านแม่ทัพ เจ้าทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายก็พอ วันนี้ข้ามาต้อนรับท่านน้าเท่านั้น”
การต้อนรับท่านแม่ทัพใหญ่เป็นเรื่องส่วนรวม การต้อนรับท่านน้าเป็นเรื่องส่วนตัว ขุนนางได้ยินแล้วก็เข้าใจความหมายของเขา หลังจากคำนับอีกครั้ง ก็เดินกลับไปยืนรอที่หน้าประตูเมืองเช่นเดิม
ไม่นานก็มองเห็นฝุ่นตลบจากที่ไกลๆ ได้ยินเสียงกีบเท้าของม้าดังขึ้น ฝูงชนฮือฮาส่งเสียงเช็งแช่ ร้องตะโกนอย่างตื่นเต้นยินดีว่า “แม่ทัพใหญ่กลับมาแล้ว แม่ทัพใหญ่กลับมาแล้ว”
เกิดความโกลาหนวุ่นวายท่ามกลางฝูงชน ทหารที่ทำหน้าที่ดูแลความสงบได้ตวาดพวกเขาขึ้น “ถอยออกไปหน่อย มาขวางทางเดินกลับเมืองของแม่ทัพใหญ่ พวกเจ้าต้องแบกรับผลเองให้ได้นะ”
ขบวนทัพค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ประตูเมือง ผู้ที่เดินนำขวบนั้นสวมชุดเกราะ สูงตระหง่านดูองอาจ นั่นก็คือฉู่เหวินเจี๋ย
เกิดความโกลาหลขึ้นในฝูงชนมากขึ้น จนถึงขั้นได้ยินเสียงกรีดร้องของสตรีดังระงมขึ้นไม่น้อย
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวยิ้มๆ “ดูท่าท่านแม่ทัพใหญ่ฉู่จะเป็นชายในฝันของสตรีไม่น้อย”
หวงฝู่อี้เซวียนพอจะเข้าใจคำว่าชายในฝันที่นางพูดหมายถึงอะไร ยิ้มเห็นด้วย “ใช่แล้ว เป็นความจริงที่มีสตรีไม่น้อยมีท่านน้าอยู่ในดวงใจ เสียดายที่ในใจของท่านน้ามีแต่เรื่องการทหาร ไม่เข้าใจเรื่องความงามตามธรรมชาติเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย”
ขุนนางที่มารอต้อนรับจัดอาภรณ์ของตนให้เรียบร้อยที่สุด เดินเข้าไปรับ คำนับแม่ทัพใหญ่ฉู่อย่างสุภาพ “ข้าน้อยได้รับพระราชโองการจากฮ่องเต้ มาต้อนรับท่านแม่ทัพโดยเฉพาะ ยินดีกับท่านแม่ทัพที่กลับมาด้วยชัยชนะ”
—————————-