ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 110
ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 110 จัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้ทหารที่พิการ
คนที่ว่างงานในเขตทางเหนือต่างก็ได้รับการว่าจ้างให้ไปบุกเบิกพื้นที่ว่างเปล่า ขนาดคนขายลูกสาวลูกชายก็ยังไม่มีแล้ว ดังนั้นบนถนนจึงไม่เห็นคนเร่ร่อนเหมือนแต่ก่อน กลุ่มคนเหล่านี้เดินมา จึงไม่เกิดความโกลาหลวุ่นวายเลย
เดินมาจนถึงประตูโรงหัตถกรรม ฉู่เหวินเจี๋ยประกบมือคำนับทั้งสองคน “คุณชายเมิ่ง แม่นางเมิ่ง ข้าพาคนมาแล้ว พวกเจ้าดูว่าเหมาะสมหรือไม่”
ทั้งสองคนรีบคำนับคืน “แม่ทัพฉู่!”
ฉู่เหวินเจี๋ยโบกมือ “วันนี้ที่ข้าสวมชุดธรรมดามา ก็เพื่อไม่ให้พวกเจ้าเห็นข้าเป็นแม่ทัพ ทหารเหล่านี้ข้าเลือกมาเองตามที่แม่นางเมิ่งต้องการ พวกเจ้าตรวจดูอีกครั้ง ถ้าไม่เหมาะข้าก็จะพากลับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเงยหน้าขึ้นมอง กลุ่มทหารที่มาต่างก็มองนางด้วยสายตาคาดหวัง
สบตากับเมิ่งฉี เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อแม่ทัพฉู่เลือกมาแล้ว พวกเราก็ไม่ทำสิ่งใดเกินจำเป็นแล้ว ข้ามีเงื่อนไขเพียงข้อเดียว ทุกคนมาเพื่อทำงาน ต่อไปต้องปฏิบัติตามกฎของโรงหัตถกรรม ผู้ใดที่ไม่ยอมรับ ผู้ใดที่ก่อเรื่องวุ่นวาย ผู้ใดที่แอบหลบงาน ข้าจะไล่ออกสถานเดียว ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น”
ฉู่เหวินเจี๋ยหันหลับไปถามทุกคนเสียงดัง “ที่แม่นางเมิ่งพูดเมื่อสักครู่พวกเจ้าได้ยินหมดแล้วใช่หรือไม่”
เหล่าทหารคุ้นเคยกับการตอบโดยพร้อมเพรียงกัน “ได้ยินแล้ว!”
ในน้ำเสียงของฉู่เหวินเจี๋ยเข้มงวดดุดันขึ้น “พวกเจ้าต่างก็ทราบดีว่าตัวเองหลังจากที่กลับบ้านไปแล้วจะมีสภาพเช่นไร โชคดีที่แม่นางเมิ่งจิตใจดีงาม ไม่สนใจว่าพวกเจ้าจะร่างกายพิการ ให้พวกเจ้าได้ทำงาน พวกเจ้าจะต้องกำจัดนิสัยเคยชินที่ไม่ดี เห็นคุณค่างานนี้ เพื่อที่จะได้เหลือทางสุดท้ายไว้ให้เดิน”
แล้วก็ตอบโดยพร้อมเพรียงอีกครั้ง
ฉู่เหวินเจี๋ยหันกลับมา กล่าวว่า “แม่นางเมิ่ง คุณชายเมิ่ง ต่อไปคนเหล่านี้ต้องมอบให้พวกเจ้าแล้ว ถ้าหากพวกเขาไม่ปฏิบัติตามกฎของโรงหัตถกรรม พวกเจ้าจะตี จะด่า จะไล่ออกก็สุดแล้วแต่ใจของพวกเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า หันไปมองเมิ่งฉี
เมิ่งฉีเข้าใจ เดินก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ยืนอยู่ต่อหน้าของทุกคน พูดเสียงดังว่า “กฎของโรงหัตถกรรมเราไม่เข้มงวด ขอเพียงแต่ทุกท่านทำงานของตัวเองให้ดี จะไม่มีคนมาหาเรื่องพวกเจ้าเด็ดขาด อีกอย่างพวกเราจะดูแลเรื่องอาหารมื้อเที่ยง มีเนื้อผัดหม้อใหญ่กับผักต่างและหมั่นโถว เชิญกินได้เต็มที่ มื้อเช้ากับมื้อเย็นพวกเจ้าจัดการกันเอง ส่วนเงินค่าแรง ก็เท่ากันคนทั่วไป คือทุกวันจะได้รับเงินแปดสิบอีแปะ แต่ก่อนจะได้รับเงินค่าแรงทุกห้าวัน ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไปจะได้รับค่าแรงเป็นรายเดือน ระหว่างนั้นถ้าพวกเจ้าต้องการใช้เงิน ก็ให้มาเบิกกับข้าก่อน รอตอนเงินออกค่อยหักจากนั้น ถ้าหากพวกเจ้ายอม ก็เดินตามข้าเข้าไปในโรงหัตถกรรม ข้าจะสอนว่าต้องทำงานอย่างไร ถ้าไม่เต็มใจพวกเราก็ไม่บังคับ”
กองทหารก็จ่ายเงินเป็นรายเดือนเช่นกัน เรื่องนี้เหล่าทหารไม่ค่อยสนใจ แต่พอได้ยินว่าทุกวันจะได้กินอาหารที่มีผักมีเนื้อสัตว์ให้หนึ่งมื้อ ทุกคนต่างก็ตาค้าง เปล่งแสงระยิบระยับ การใช้ชีวิตเป็นทหารนั้นแสนลำบาก ตอนที่ออกทัพก็ต้องนอนกลางดินกินกลางทราย ตอนที่ไม่ได้รบก็กว่าจะได้รับอาหารดีๆ สักมื้อหนึ่ง ตอนนี้พวกเขากลายเป็นคนพิการ ไม่เพียงแต่ได้รับเงินค่าแรงวันละแปดสิบอีแปะเหมือนคนทั่วไป ทุกวันยังได้กินอาหารที่มีผักมีเนื้อร้อนๆ เรื่องดีๆ เช่นนี้จะไปหาได้จากที่ไหน ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็ตื่นเต้นยินดี
เมิ่งฉีเห็นดังนั้นจึงหมุนตัวเดินเข้าไปในโรงหัตถกรรม เหล่าทหารเดินตามหลังไปทันที
ฉู่เหวินเจี๋ยยืนข้างๆ เห็นพวกเขาเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม รู้สึกซาบซึ้งเมิ่งเชี่ยนโยวอยู่ในใจมาก รอจนกระทั่งทุกคนเดินเข้าไปแล้ว ก็ยกมือประกบกันแล้วคำนับอีกครั้ง กล่าวขึ้นว่า “แม่นางเมิ่ง ขอบคุณมาก ข้าซาบซึ้งใจเหลือเกิน”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพลางโบกมือ “ท่านแม่ทัพ ท่านกับข้าไม่ใช่คนนอก ท่านกล่าวเช่นนี้จะเกรงใจไปแล้ว ทหารเหล่านี้ต่างก็บาดเจ็บเพื่อแคว้น ข้าช่วยพวกเขาสักครั้ง ก็นับว่าเป็นการได้ช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ”
ฉู่เหวินเจี๋ยเผยยิ้มออกมา “สองวันก่อนข้าได้ไปรายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทรงชื่นชมเจ้ามาก อีกไม่กี่วันก็น่าจะมีพระราชโองการให้รางวัลมา”
เมิ่งเชี่ยนโยวคิดว่าสี่ปีนี้ที่ฉู่เหวินเจี๋ยไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง จึงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในระยะนี้ เรื่องที่อี้เซวียนคิดจะยกเลิกการหมั้นหมายกับคุณหนูจวนราชเลขา ดึงดันที่จะแต่งงานให้นางเป็นพระชายาซื่อจื่อ ฮ่องเต้กับไทเฮายังคงเกิดความพะวงในใจตลอดเวลา ที่ฮ่องเต้กล่าวชื่นชมนางนั้นเป็นเพียงคำพูดเท่านั้น คงไม่มีประทานของรางวัลมาให้
ครั้นแล้วจึงยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “ขอบคุณแม่ทัพฉู่ ข้าเพียงแต่มอบโอกาสให้ทหารเหล่านี้เท่านั้น ส่วนเรื่องรางวัลของฮ่องเต้ เชี่ยนโยวละอายใจไม่กล้ารับ”
กลุ่มคนมากมายเดินเข้าไปในเรือน คนงานที่อยู่ในโรงหัตถกรรมพอเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามามีแต่คนพิการก็เกิดความประหลาดใจ ลืมทำงานไปชั่วขณะ ต่างก็มองทางด้านนี้
เมิ่งฉีขมวดคิ้ว แนะนำกับทุกคนว่า “เหล่านี้ต่างก็เป็นทหารที่พิการมาจากการสู้รบ ต่อไปจะทำงานอยู่ในโรงหัตถกรรมที่เปิดเปิดใหม่ ปฏิบัติเช่นเดียวกับพวกเจ้า”
คนงานทุกคนต่างก็อ้าปากตาโตจ้องมองพวกเขาอย่างสงสัย พวกเขาเหล่านี้ที่มีแขนขาครบก็ยังต้องใช้ความพยายามในการทำงานมาก แล้วคนพิการเหล่านี้จะทำอย่างไร แต่ว่า ก็ได้แค่คิด ไม่มีใครกล้าถามออกมา นี่เป็นงานที่ได้มาอย่างยากลำบาก อย่าต้องให้เสียไปเพราะความปากมากของตัวเอง
เมิ่งฉีกล่าวอย่างเข้มงวด “ไม่ใช่เรื่องของพวกเจ้าแล้ว ทำงานเถอะ”
เหล่าคนงานรู้สึกตัว รีบทำงานของตัวเอง
เมิ่งฉีพาคนเหล่านี้เข้าไปในโรงหัตถกรรม อธิบายวิธีการทำไส้กรอกตั้งแต่ต้นจนจบ กล่าวกับทุกคนว่า “นี่เป็นงานที่พวกเจ้าจะได้ทำต่อไป เป็นงานง่าย มีใครคิดว่าจะทำไม่ได้ไหม”
อันที่จริง งานที่ให้พวกเขาสับเนื้อจนละเอียดนั้นพวกเขาทำได้ แต่งานละเอียดที่ต้องยัดไส้กรอกใส่เปลือกไส้กรอก พวกเขาเหล่านี้ต่างก็คุ้นเคยกับการถืออาวุธ จึงไม่รู้ว่าจะทำไหวหรือไม่ ไร้เสียงตอบจากคำถามของเมิ่งฉีไปขณะหนึ่ง
เมิ่งฉีเข้าใจถึงความคิดของพวกเขา กล่าวว่า “คุ้นเคยแล้วจะเชี่ยวชาญเอง วันแรก วันที่สองพวกเจ้าอาจจะทำไม่ได้ แต่นานไปก็จะทำได้เอง ขอเพียงพวกเจ้าตั้งใจทำ แม้จะเกิดความผิดพลาดบ้างข้าก็ไม่ว่าอะไร”
สิ่งที่เหล่าพลทหารกังวลก็คือเรื่องนี้ กลัวว่าตัวเองทำไม่ดีจะโดนไล่ออก ทำให้ต้องอับอายขายหน้าแม่ทัพใหญ่ ตอนนี้พอได้ยินเมิ่งฉีบอกว่าจะให้เวลาให้พวกเขาคุ้นเคย ก็รู้สึกโล่งใจ กล่าวขึ้นอย่างพร้อมเพรียงว่า “เถ้าแก่วางใจเถอะ พวกเราจะพยายามทำให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน”
เมิ่งฉีพยักหน้า ให้พวกเขาเหล่านี้แบ่งกันออกเป็นกลุ่มเอง เข้าไปยังห้องต่างๆ ภายในโรงหัตถกรรม รอให้เขามาอนทีละขั้นตอน
เมิ่งเชี่ยนโยวกับเมิ่งฉีเดินตามเข้ามาในโรงหัตถกรรม เห็นเมิ่งฉีแบ่งคนเรียบร้อยแล้ว ยิ้มพูดกับแม่ทัพฉู่ว่า “แม่ทัพใหญ่ บังคนเข้าไปในห้องต่างๆ แล้ว พี่รองของข้าคนเดียวสอนไม่ไหว ข้าจะเข้าไปช่วยก่อน ไม่อยู่คุยกับท่านแล้ว เชิญท่านตามสบายเจ้าค่ะ”
ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้ารับ “แม่นางเมิ่งไปทำธุระเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงข้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไปในห้องหนึ่ง หลังจากที่สอบถามว่าพวกเขาทำงานอะไร แล้วก็ให้ทหารที่รับผิดชอบการสับเนื้อเริ่มลงมือทำงาน ตัวเองยืนชี้นิ้วแนะนำอยู่ข้างๆ
—————————-