ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 122 หลอกล่อ
ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 122 หลอกล่อ
ทั้งสองคนต่างก็ยุ่งอยู่ในห้องครัว ลูกชายของแม่ครัววิ่งโร่เข้ามา พอเข้ามาก็ร้องเสียงดังว่า “แม่ ข้าหิว…” แต่พอมองเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวก็หยุดกะทันหัน ยืนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เรียกอย่างสุภาพว่า “สวัสดีขอรับนายหญิง!”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพลางพยักหน้า
แม่ครัวรีบลุกขึ้น หยิบชามมาใบหนึ่งแล้วก็ตักน้ำร้อนที่อยู่ในหม้อใหญ่มาครึ่งชามให้เขา ผึ่งลมสักพัก แล้วก็ส่งให้ร่างเล็กๆ ที่อยู่ตรงหน้า “เสี่ยวเป่า ระวังร้อนนะ ค่อยๆ ดื่ม เดี๋ยวจะลวกเอา”
เสี่ยวเป่ารับมาอย่างน่าเอ็นดู ยกชามขึ้นมาแตะบนริมฝีปากคำเล็กๆ รู้สึกว่าอุณหภูมิได้ที่แล้ว จึงยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด แล้วก็ส่งชามเปล่าส่งให้มารดา “ท่านแม่ ข้าออกไปทำงานแล้ว”
แม่ครัวพยักหน้า
หลังจากที่เสี่ยวเป่าทักเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างสุภาพ แล้วก็วิ่งพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว
เมิ่งเชี่ยนโยวมองหลังไวๆ ของเขา ถามเรื่อยเปื่อยว่า “วันนี้เสี่ยวเป่าทำอะไรหรือ”
“หลายวันนี้มีใบไม้ร่วงอยู่เต็มเรือน บ่าวให้เขาตามซุ่ยฮวาพวกนางไปเก็บกวาดใบไม้ด้วยกันเจ้าค่ะ”
ซุ่ยฮวาก็คือหนึ่งในสาวใช้ที่ซื้อมา ส่วนอีกสองคนก็คือซุ่ยจวี๋กับซุ่ยจู๋ ปกติจะทำหน้าที่ซักเสื้อผ้ากับทำความสะอาดภายในจวน
“เสี่ยวเป่าก็ไม่เด็กแล้ว รอให้ผ่านปีใหม่ก่อนข้าจะให้หาโรงเรียนให้เขา มีความรู้ไว้บ้าง ไม่แน่ว่าต่อไปจะได้เป็นผู้ช่วยของข้า”
แม่ครัวตกตะลึง มองนางอย่างไม่เชื่อสายตา ริมฝีปากสั่นระริกอยู่ชั่วอึดใจหนึ่งแล้วจึงกล่าวอย่างตื้นตันใจว่า “นายหญิง นี่ นี่ นี่…”
“ไม่ต้องนี่ ต้องนั่นแล้ว ข้าเคยพูดไว้ ว่าขอเพียงพวกเจ้าทำงานให้ดี ข้าจะปฏิบัติต่อพวกเจ้าอย่างดี”
ในดวงตาของแม่ครัวมีน้ำตาแห่งความตื้นตันใจเอ่อไหลออกมา แล้วก็รีบใช้ผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา ก้มลง และโค้งคำนับให้กับเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างสุดซึ้งหัวใจ “ขอบคุณนายหญิง ของคุณนายหญิงเจ้าค่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “เราเป็นครอบครัวเดียวกัน มาขอบคุณอะไร!”
แม่ครัวยิ่งรู้สึกตื้นตันใจมากขึ้น มือที่กำลังหั่นผักอยู่สั่นขึ้นมาไม่หยุด
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเห็นทุกอย่างแล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อยทั้งสี่อย่าง หวงฝู่อี้เซวียนยังไม่มา คิดว่าเขาอาจจะไม่มาแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งให้แม่ครัวไปเรียกทุกคนมากินข้าว ส่วนตัวเองกลับไปเปลี่ยนชุดในห้อง เพิ่งจะเปลี่ยนไปได้ครึ่งเดียวประตูก็ถูกเปิดออก
เมิ่งเชี่ยนโยวถามโดยไม่เงยหน้าว่า “อะไรหรือ”
เสียงฝีเท้าอันเงียบเชียบค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกได้ถึงลมหายใจอันคุ้นเคย เงยหน้าขึ้นโดยพลัน กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มาได้พอดีเลย ข้าเพิ่งจะทำอาหารที่เจ้าชอบกินเสร็จพอดี”
หวงฝู่อี้เซวียนจ้องนางเขม็งไม่พูดไม่จา
เมิ่งเชี่ยนโยวแปลกใจ ก้มมองดูตัวเอง แม้เสื้อคลุมด้านนอกจะยังไม่ได้กลัดกระดุมไว้เรียบร้อยดี แต่เสื้อผ้าข้างในนั้นก็ดูเรียบร้อย เงยหน้าขึ้น กำลังจะเอ่ยถาม ริมฝีปากของหวงฝู่อี้เซวียนกดลงมา
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งเสียงร้องอย่างแปลกใจ แต่ก็ถูกริมฝีปากของหวงฝู่อี้เซวียนประกบอุดไว้
ปลดปล่อยร่างกายไปตามสบาย ยกมือขึ้นมากอดตอบเขา เผยอปากเล็กน้อย รับการจุมพิตจากเขาอย่างอ่อนหวาน ทั้งยังสอดแทรกลิ้นเล็กๆ ของตนเองลองจูบตอบเขาไป
ร่างกายของหวงฝู่อี้เซวียนตื่นเต้น การเคลื่อนไหวรุนแรงรวดเร็วกระหายยิ่งขึ้น ราวกับว่าต้องการจะกลืนกินนางเข้าไปฉะนั้น
สุดท้ายเมิ่งเชี่ยนโยวกระหืดกระหอบหายใจไม่ทัน ทุบตีเขาไปหลายครั้ง
นั่นจึงทำให้หวงฝู่อี้เซวียนยอมปล่อยนางไปอย่างสุดแสนเสียดาย ริมฝีปากยังคงดูดดึงไปมาบนริมฝีปากของนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวหายใจหอบ ตะกุกตะกักถามขึ้นว่า “เรื่องเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนตระกองอุ้มนางขึ้นมา แล้ววางนางลงบนเตียงอย่างอ่อนโยน แล้วก็จูบไปอย่างรุนแรงอีกครั้ง พอรู้สึกว่าความกระหายของตนคลางลงบ้างแล้ว ค่อยเงยหน้าขึ้น ใบหน้าแสดงอารมณ์ยินดีปรีดาเต็มที่ “แก้ปัญหาได้แล้ว อีกไม่กี่วันก็จะยกเลิกการแต่งงานได้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวค่อนข้างแปลกใจ “จวนราชเลขารับปากว่าจะยกเลิกการแต่งงานแล้วหรือ”
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า “อืม”
พูดจบก็จ้องริมฝีปากบวมเจ่อของนาง กลืนน้ำลายลงคอ ริมฝีปากก็กดลงมาอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวห้ามไว้ได้ทันการณ์ กำลังจะถามอะไรบางอย่าง ชิงหลวนก็ส่งเสียงดังออกเข้ามาในเรือน “นายหญิง จะกินข้าวตอนนี้ไหมเจ้าคะ”
ในเวลาปกติชิงหลวนกับจู๋หลีต่างก็เฝ้าอยู่ที่หน้าห้อง รอให้นางเรียกใช้พวกนางได้ตลอดเวลา แต่พอหวงฝู่อี้เซวียนมา พวกนางก็ถอยออกไปเฝ้าอยู่หน้าเรือนอย่างรู้งาน ประการแรกก็เพื่อไม่ให้ใครเข้ามารบกวนพวกเขา ประการที่สองก็เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงเสียงที่ตนไม่ควรได้ยิน แต่วันนี้ไม่มีทางเลือก อาหารก็ทำเสร็จนานแล้ว หากไม่กินก็จะเย็นชืดเอา ชิงหลวนจึงต้องแข็งใจเดินเข้ามาเรียกข้างในเรือน
หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้ว เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเบาๆ ผลักเขาออกไป “ลุกขึ้นเถอะ ข้าก็หิวแล้วเหมือนกัน”
หวงฝู่อี้เซวียนจำใจต้องลุกขึ้นยืน ถือโอกาสฉุดนางลุกขึ้นด้วย
เมิ่งเชี่ยนโยวยืนขึ้น จัดแจงเสื้อผ้าอาภรณ์ของตัวเองให้เรียบร้อย หวงฝู่อี้เซวียนยื่นมือออกมาช่วยนางติดกระดุม
จัดแจงอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวจึงส่งเสียงออกไปข้างนอกว่า “นำอาหารเข้ามาเถอะ”
ชิงหลวนกับจู๋หลีรับคำครั้งหนึ่ง แล้วก็ยกอาหารเข้ามารวดเร็ว เอามาวางไว้บนโต๊ะสายตาไม่ล่อกแล่ก
“ที่นี่ไม่มีอะไรให้รับใช้แล้ว พวกเจ้าก็ไปกินข้าวเถอะ” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว
ทั้งสองคนรับคำ ก้มหน้าก้มตาเดินออกไป ปิดประตูให้อย่างเบามือ
ทั้งสองคนล้างมือ แล้วจึงลงมานั่ง หวงฝู่อี้เซวียนใช้ตะเกียบคีบกับข้าวมาใส่ชามของของเมิ่งเชี่ยนโยวก่อน แล้วจึงคีบกับข้าวใส่ชามของตัวเอง พลางกินพลางพูด “ตอนบ่ายข้าไม่ได้ทำอะไร มาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวกินข้าวอีกหลายคำ จึงถามว่า “ทำไมจวนราชเลขาถึงได้ยกเลิกการแต่งงานไปง่ายๆ ล่ะ”
หวงฝู่อี้เซวียนกลืนอาหารที่อยู่ในปาก ร้องเหอะขึ้นมาคำหนึ่ง “พวกเขาวางหมากได้ดีมาตลอด มีหรือที่จะยอมยกเลิกการแต่งงานนี้ไปง่ายๆ ย่อมจะเรียกร้องเงื่อนไขเป็นธรรมดา”
“เงื่อนไขอะไรหรือ”
หวงฝู่อี้เซวียนคีบกับข้าวให้นางอีก แล้วตอบว่า “ให้ท่านน้าเป็นพ่อบุญธรรมของหลินหันเยียน”
เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักตะเกียบ กล่าวว่า “ไม่เสียทีที่เป็นสุนัขจิ้งจอกเฒ่าในราชสำนักมาหลายปี รู้จักวางแผนมาก คราวนี้ไม่เพียงแต่มีความสัมพันธ์กับจวนแม่ทัพเท่านั้น แม้แต่จวนอ๋ฮงฉียังตัดความสัมพันธ์นี้ไม่ได้ด้วย”
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า “พูดถูกแล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ไม่กล้าเรียกร้องอะไรมาก บอกว่าเป็นการรับบุตรบุญธรรมแต่เพียงในนามเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ขนาดตอนที่หลินหันเยียนจะแต่งงานให้ท่านน้าเป็นคนมอบสินเดิม ราชเลขาหลินก็ปฏิเสธไป”
“แม้จะกล่าวเช่นนั้นก็ตาม แต่แม่ทัพใหญ่รับนางเป็นบุตรบุญธรรมจริง มีหรือที่จะไม่มอบสินเดิมแก่นาง ใต้เท้าราชเลขาคาดคะเนได้ถึงข้อนี้ ถึงได้ตั้งใจปฏิเสธกระมัง” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว
หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้ว “เรื่องนี้ข้าก็ไม่ได้คิดอย่างละเอียด แต่ว่าเรื่องสินเดิมเป็นเรื่องเล็ก ถึงตอนนั้นพวกเราก็แค่เป็นคนมอบให้แทนท่านน้า เพียงแต่ว่าข้อเรียกร้องหนึ่งข้อที่ทำให้ข้าไม่สบายใจ”
“ข้อเรียกร้องอะไรหรือ”
“บอกว่าพิธีการรับบุตรบุญธรรมต้องจัดอยู่ที่จวนอ๋องฉี”
เมิ่งเชี่ยนโยวประหลาดใจอย่างยิ่งยวด “เจ้ากับแม่ทัพใหญ่ก็รับปากไปแล้ว”
“ถึงแม้ข้าจะไม่สบายใจ แต่ราชเลขาหลินบอกว่าการยกเลิกการแต่งงานกับการรับบุตรบุญธรรมต้องจัดพิธีอยู่ที่จวนอ๋องฉีพร้อมกัน ข้าร้อนใจต้องการยกเลิกการแต่งงาน จึงรับปากไปแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยววางชามกับตะเกียบลง ส่งเสียงเหอะออกมาอย่างเย็นชา “ที่เขาเรียกร้องเงื่อนไขเช่นนี้ออกมา เพราะคิดที่จะตบหน้าพวกเราอย่างร้ายกาจแท้ๆ เป็นการประกาศต่อทุกคนทั่วทั้งเมิ่งหลวงอย่างชัดเจน ว่าพวกเรายอมแพ้ อ่อนแอ”
“ตอนนั้นข้าไม่ได้คิดอะไรมาก จนกระทั่งหลับจวนมาแล้วทำใจให้สงบ ค่อยมานึกถึงความลึกลับซับซ้อนในเบื้องหลังของเรื่องนี้ได้ ดังนั้นจึงมาขอความคิดเห็นจากเจ้า ถ้าหากเจ้ารู้สึกไม่สบายใจ ก็ยังไม่ต้องยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ รอให้ข้าหาโอกาสไปบีบบังคับพวกเขาอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่นศีรษะ “ราชเลขาหลินเป็นสุนัขจิ้งจอกเฒ่าตัวหนึ่ง ถ้าไม่บรรลุตามเป้าหมายก็จะไม่ยอมรามือ ถึงเจ้าจะจับจุดอ่อนของเขาได้ก็ตาม แต่ถ้าเขาดื้อดึงไม่ยอมยกเลิกการแต่งงาน เจ้าเองก็ไม่มีทางเลือก จนอาจจะต้องไปบีบบังคับเขามากขึ้น ทำให้เขาต้องไปขอพระราชโองการจากฮ่องเต้ ถึงตอนนั้นพวกเราจะยิ่งลำบากขึ้น รับปากเขาไปดีกว่า แก้ปัญหาไปได้เปลาะหนึ่งก็ยังดี ต่อไปถ้าเขาไม่มีความทะเยอทะยาน ไม่ใช้ประโยชน์จากพวกเรา เราทุกคนก็จะอยู่รอดปลอดภัย แต่ถ้าเขาเกิดความทะเยอะทะยานที่ไม่สมควรขึ้นมา ก็ตัดขาดกันไปเท่านั้น ขนาดพ่อลูกกันโดยสายเลือดแท้ๆ ยังตัดขาดกันได้เลย นับประสาอะไรกับพ่อลูกบุญธรรม”
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า “ข้าเองก็คิดเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่ได้ถามความเห็นชอบจากเสด็จแม่กับท่านน้า แต่ว่ากลัวว่าเจ้าจะไม่สบายใจ จึงมาบอกเจ้าโดยเฉพาะ”
“ข้าไม่มีอะไรที่ไม่สบายใจ ถึงวันนั้นข้าก็จะไปด้วย ในเมื่อพวกเขาคิดจะกดหัวข้าลง ทำให้ข้ารู้สึกละอายใจ ข้าก็จะไม่ให้พวกเขาสมความปรารถนา จะไปทำให้พวกเขาไม่มีความสุข”
“อืม รอให้พิธีการยกเลิกการแต่งงานเสร็จสิ้นแล้ว ข้าก็จะไปขอร้องให้เสด็จแม่เข้าวังไปขอพระราชเสาวนีย์ ขอร้องให้เสด็จย่ากำหนดการแต่งงานของเรา เสด็จแม่บอกแล้ว ว่าก่อนวันสิ้นปีเป็นวันที่เหมาะสมที่สุดที่จะจัดงานแต่งงาน”
“ก่อนวันสิ้นปี!” เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจ “ยังมีเวลาอีกแค่เดือนกว่าๆ จัดการอะไรไม่ทันแน่ๆ”
“เป็นเสด็จแม่ที่ใจร้อนมากเกินไป ข้ายังไม่ได้รับปาก โน้น้าวนางไปแล้วว่าถึงอย่างไรก็ต้องให้ท่านพ่อท่านแม่ได้เตรียมตัวบ้าง อีกอย่างข้าก็ยังไม่ได้ไปสู่ขอถึงที่บ้านเลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยสบายใจ หยิบตะเกียบขึ้นมาใหม่ แล้วก็ลงมือกินข้าวต่อ
หวงฝู่อี้เซวียนนึกอะไรขึ้นได้ กลืนอาหารที่อยู่ในปาก ขยับเข้ามาใกล้นาง พูดขึ้นอย่างมีลับลมคมในว่า “วันนี้ข้ามีของดีบางอย่างมาด้วย อีกสักครู่จะเอาให้เจ้าดู”
“ของดีอะไร” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มทว่าไม่ปริปากพูด
กินข้าวเสร็จ สั่งให้ชิงหลวนกับจู๋หลีสองคนมาเก็บกวาดให้สะอาด ทั้งสองคนเดินเล่นภายในเรือนรอบหนึ่ง ย่อยอาหาร แล้วกลับเข้ามาให้ห้องอีก
พอเข้าห้อง หวงฝู่อี้เซวียนก็อุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวไปที่เตียงอย่างอดรนทนรอไม่ได้
เมิ่งเชี่ยนโยวเคยชินกับท่าทางเช่นนี้ของเขาแล้ว จึงไม่ได้ตกใจอะไร ปล่อยให้เขาอุ้มตัวเองไปวางไว้บนเตียง
หวงฝู่อี้เซวียนกลับไม่ได้นอนตามลงไป ทว่ายืนอยู่ข้างเตียง ก้มหน้ามองนางด้วยดวงตาวาววับเป็นประกาย
ทุกครั้งที่เขาแสดงอาการเช่นนี้ มักจะมีเรื่องที่ตัวเองนึกไม่ถึงเกิดขึ้นเสมอ เมิ่งเชี่ยนโยวระมัดระวังตัว ดวงตากลมโตจ้องมองตอบกลับ
หวงฝู่อี้เซวียนก้มหน้าลง แล้วก็ปลดกระดุมเสื้อของนางออกโดยไม่พูดไม่จา
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือไปห้ามเขา
“พวกเราพักเที่ยงสักครู่ ชเสื้อนอกตัวนี้มันอึดอัดไป ข้าจะช่วยถอดออกให้เจ้า” หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวอย่างอ่อนโยน แต่การกระทำของมือกลับแข็งขัน เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สามารถห้ามเขาได้เลย ไม่นานเขาก็ปลดกระดุมออกหมด ช่วยถอดเสื้อคลุมตัวนอกให้นาง
จากนั้นหวงฝู่อี้เซวียนก็ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของตัวเองออก นอนลงบนเตียง เอื้อมมือไปดึงผ้าห่มผืนบางมาคลุมตัวทัง้สองคน
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกว่าเขาต้องไม่ได้มาเพื่อกล่อมตัวเองนอนอย่างง่ายๆ เช่นนี้
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด มุมปากของหวงฝู่อี้เซวียนกระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ ดึงตำราเล่มหนึ่งออกมาจากอกของตน ชูต่อหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว “เสด็จแม่สั่งให้คนนำมาให้ข้า ข้าเลือกมาได้เล่มหนึ่ง วันนี้พวกเรามาศึกษาด้วยกันนะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวลืมตา บนหนังสือเขียนคำว่า “ชุนกงถู*” สามคำปรากฏชัดในดวงตาทันที
“หวงฝู่อี้เซวียน เจ้า…” เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดงขึ้นทันที กระหืดกระหอบร้องเรียกทั้งชื่อทั้งแซ่ และก็คลานหนีผุดลุกขึ้น
หวงฝู่อี้เซวียนรู้ก่อนแล้วว่านางจะมีท่าทีเช่นนี้ เอาตัวเข้าไปกดร่างนางไว้ และยื่นนิ้วชี้ออกมาแตะที่ปากของนาง “ชู่ว์ อย่าตะโกนสิ ถ้าคนรับใช้ได้ยินจะไม่ดีนะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวขยับไม่ได้ แก้มแดงเถือก ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด่าขึ้นว่า “เจ้า เจ้าคนหน้าไม่อาย”
หวงฝู่อี้เซวียนที่นอนคร่อมร่างของนางก้มหน้าหัวเราะเบาๆ “โยวเอ๋อร์ เจ้าคิดอะไร ก่อนแต่งงานข้าไม่เคยจะทำอะไรเจ้า วันนี้เพียงแต่เอามาศึกษากับเจ้าก่อนเท่านั้น รอให้ถึงตอนที่เราเข้าหอกันก่อน ค่อยให้เจ้าทรมานน้อยลง”
เมิ่งเชี่ยนโยวกัดฟันกรอด “ข้าไม่ดู อยากดูก็เชิญเจ้าดูไปคนเดียว”
หวงฝู่อี้เซวียนเลิกคิ้ว “เจ้าแน่ใจหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวจ้องตาเขาเขม็ง “ข้าแน่ใจ! เจ้าไสหัวออกไปเลย!”
ริมฝีปากของหวงฝู่อี้เซวียนเคลื่อนลงมา ไม่บ้าคลั่งเหมือนเมื่อกี้ แต่กลับเคลื่อนไหวช้าๆ อย่างอ่อนโยน ทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวกระสับกระส่าย พลางจูบพลางเล้าโลม “โยวเอ๋อร์ดูกับข้าไม่ดีหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยายามรักษาสติเส้นสุดท้าย กัดฟันไม่ยอมตอบ
หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่รีบร้อน พยายามอย่างอดทน จนกระทั่งเมิ่งเชี่ยนโยวไม่สามารถทนการยั่วยวนนั้นไม่ได้ ยื่นมือออกไปโอบลำคอของเขา นั่นเองทำให้เขาแสดงอารมณ์บ้าคลั่งออกมา
หลังจากที่จูบอย่างเร่าร้อนกันไป ทั้งสองคนต่างก็หายใจหอบ
ฉวยโอกาสที่เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังเคลิบเคลิ้มอยู่นั้น หวงฝู่อี้เซวียนก็กระซิบหลอกล่อที่ข้างหูของนางอีก “โยวเอ๋อร์ ดูด้วยกันกับข้าดีไหม”
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับพยักหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ
หวงฝู่อี้เซวียนหรี่ตาอย่างลิงโลด แล้วก็ก้มหน้าลงไปจูบนางอีกครั้ง จึงค่อยถอนริมฝีปากออกมา กลิ้งตัวลงมานอนอยู่ข้างๆ รอให้เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกตัว
สติสัมปชัญญะของเมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ กลับคืนมา นั่นจึงรู้สึกตัวว่าเมื่อกี้นี้ตัวเองรับปากอะไรลงไป ทั้งอายทั้งโมโห
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ปล่อยนางไป ชูตำราขึ้นต่อหน้าของทั้งสองคน เปิดออกมาหน้าหนึ่ง “โยวเอ๋อร์ เจ้าดูสิ”
เมิ่งเชี่ยนโยวแก้มแดงปลั่ง หลับตาทันที
หวงฝู่อี้เซวียนกระซิบครึ่งหนึ่งข่มขู่อีกครึ่งหนึ่งหลอกล่อ “โยวเอ๋อร์ เจ้ารับปากข้าแล้วนะ ถ้าเจ้าไม่ลืมตา ข้าจะทำอะไรเกินเลยแล้วนะ!”
—————————-
* ชุนกงถู(春宫图)คือหนังสือภาพลามกในสมัยโบราณ