ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 160 ความชุลมุน
ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 160 ความชุลมุน
ทั้งสี่คนรับคำอย่างดีใจพร้อมเพรียงกัน “ขอบพระคุณนายหญิง!”
แม้ว่าจิงเหิงจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่คุณชายอีกสามคนต่างตกใจเสียเต็มประดา ทยอยกันลงม้ามาตรงหน้าเขาเพื่อถามไถ่ เมื่อเวลานี้ได้ยินคนเหล่านั้นตอบเมิ่งเชี่ยนโยว หนึ่งในคุณชายที่สวมเสื้อสีแดง ก็ส่งเสียง หึ แล้วพูดสบประมาทว่า “พวกชั้นต่ำก็คือพวกชั้นต่ำ อาหารดีไม่กี่อย่างก็ร้องถวายชีวิตให้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่ตาลง ทำเสียงเคร่งขรึมถามอย่างทีเล่นทีจริง “รบกวนคุณชายท่านนี้ พูดประโยคที่เพิ่งพูดอีกรอบสิเจ้าคะ”
“เจ้าให้ข้าพูด ข้าก็พูดให้ได้ หากเจ้าเข้าใจสถานการณ์ดี ก็จงรีบคุกเข่าขอโทษจิงเหิงเสีย แล้วให้หวงฝู่อวี้ออกมาไปกับพวกข้า มิเช่นนั้นล่ะก็…” คุณชายเสื้อสีแดงพูดอย่างดุร้าย
“มิเช่นนั้นล่ะก็อย่างไรหรือเจ้าคะ” เมิ่งเชี่ยนโยวเน้นเสียงถามเขา
“มิเช่นนั้นก็อย่าหาว่าพวกเราคุณชายไม่เกรงใจ” คุณชายเสื้อสีแดงร้องตะโกนอย่างจองหอง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดโดยปราศจากความเกรงกลัว “อย่างนั้นหรือ แล้ววิธีที่ไม่เกรงใจนั้นเป็นอย่างไร วันนี้ข้ากลับอยากได้รับคำชี้แนะดู”
คุณชายเสื้อสีแดงเป็นนายน้อยของจวนเจ้าพระยา เคยชินกับความโอหังบ้าอำนาจ ไปที่ใดก็ไม่มีใครกล้ามีเรื่องด้วย มาวันนี้ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวยอกย้อนต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก จึงรู้สึกอายจนโมโห ด่าทอไม่เป็นภาษา “นังบ่าวใช้บ้านนอกชั้นต่ำทั้งหลาย ข้าต้องโกรธแบบนี้ก็เป็นเพราะเจ้ายั่วยุ วันนี้เจ้าจะได้เห็นดีเสียบ้าง…”
พูดยังไม่ทันจบ เมิ่งเชี่ยนโยวที่มีสีหน้านิ่งขรึม ก็ตะโกนเสียงแหลม “จูหลี!”
จูหลีไม่ได้ตอบรับ ร่างกายกลับกระโจนไปข้างหน้าคุณชายเสื้อสีแดง ง้างมือซ้ายขวาออกแล้วตบไปที่ปากของเขาสองฉาด
ผู้คนรู้สึกเพียงว่า มีเงาข้างหน้าผ่านไป จากนั้นก็ได้ยินเสียง เพียะ เพียะ สองครั้งตามมา เมื่อมองไปอีกครั้ง จูหลีก็ได้กลับไปยืนนิ่งที่จุดเดิมแล้ว แต่แก้มทั้งสองข้างของคุณชายเสื้อสีแดงบวมแดง คล้ายกับว่าไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอย่างไร ได้แต่ยืนเหม่ออึ้งอยู่ที่เดิม
ไม่เพียงแต่คุณชายเสื้อสีแดง คุณชายอีกสามคนและทุกคนที่มุงดูต่างงงอึ้ง ไม่มีใครตอบสนองแต่อย่างใด ผ่านไปชั่วครู่ คุณชายเสื้อสีแดงถึงจะส่งเสียง โอ๊ย ถามอย่างไม่เชื่อว่า “เจ้ากล้าตบข้างั้นหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดอย่างให้ความร่วมมือว่า “กล้า!”
“เจ้า เจ้า เจ้า…” คุณชายเสื้อสีแดงชี้หน้าอย่างโกรธแค้น พูดอะไรไม่ออกอยู่นาน หลังจากนั้น ก็สะบัดมืออย่างแรง และร้องโมโห “ไปตีนังบ่าวรับใช้ชั้นต่ำนั่นให้ตายเดี๋ยวนี้!”
เมื่อคำพูดของเขาจบ ก็มีเงาสองเงาที่ไม่รู้ว่ากระโดดมาจากไหนออกมา พร้อมลงมือเพื่อมุ่งจะสังหาร โดยบุกเข้าไปที่เมิ่งเชี่ยนโยว
ชิงหลวนกับจูหลีตกใจ และทยอยกระโจนกันเข้ามา ทว่า ช้าไปก้าวหนึ่ง สองคนนั้นได้มาถึงตรงหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวได้เตรียมป้องกันตั้งแต่แรกแล้ว รอให้สองคนเข้ามาถึงตรงหน้า ก็ย่อตัวลง และค่อยๆ หลบการสังหารที่จะถึงฆาตได้นั่น ในมือของนางกลับปรากฏแสงขาววาบหนึ่ง แล้วเกิดเสียงร้องครวญดังขึ้น น่องขาของคนหนึ่งถูกแทงจนเลือดไหลไม่หยุด
ผู้คนที่มุงดูอยู่ก็ตกใจกลัวจนบรรยากาศเงียบสงัด ไม่มีคนส่งเสียงแม้แต่น้อย ในบรรดาฝูงคนส่วนใหญ่ล้วนรู้จักเมิ่งเชี่ยนโยว แต่ว่าไม่รู้ว่านางมีความสามารถในการต่อสู้ และยังเป็นทักษะการต่อสู้ขั้นสูงอีกด้วย
คุณชายที่มาหาเรื่องเหล่านี้อึ้งตะลึงกันหมด ต่อให้ตีพวกเขาให้ตาย ก็นึกไม่ถึงว่าเด็กสาวบ้านนอกคนหนึ่งจะสามารถสู้รบได้ และแค่กระบวนท่าเดียวก็ทำให้องครักษ์ส่วนตัวคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ
แม้มีผู้คนมากมาย แต่ไม่มีใครกล้าพูดขึ้น หน้าประตูโรงงานเงียบสงัดดั่งตายกันหมดแล้ว
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ คุณชายเสื้อสีแดงถึงจะได้สติคืนมา ตะโกนอย่างโมโหขึ้นว่า “เจ้าเด็กสาวอวดดี นึกไม่ถึงว่าจะกล้าทำร้ายองครักษ์ของข้าอีก หากวันนี้ข้าไม่ได้พังโรงงานของเจ้า ข้าขอสาบานว่าจะไม่เป็นคนอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวควงกริชที่อยู่ในมือ เมื่อเลือดหยดสุดท้ายบนกริชนั้นไหลลง กริชก็กลับมาสะอาดหมดจดดั่งเดิม ราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้มีรอยเลือดเปื้อนมาก่อน แล้วพูดว่า “เกรงว่าคุณชายต้องผิดหวังเสียแล้วเจ้าค่ะ ถ้าไม่มีคำสั่งของข้า ผู้ใดก็ไม่อาจทำอะไรโรงงานนี้ได้”
คุณชายเสื้อสีแดงถูกยั่วยุ แล้วก้าวเดินมาข้างหน้าอย่างอดไม่ได้
คุณชายคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังดึงเขาไว้ “จิ่งเสียน อย่าเพิ่งทำอะไรหุนหันพลันแล่น ความสามารถการสู้รบของนังบ่าวรับใช้นี่มิได้อ่อนด้อย เจ้าสู้นางไม่ได้หรอก”
คุณชายอีกคนก็ช่วยโน้มน้าวด้วย “อย่าได้ใจร้อนไป คนของพวกเขาเยอะกว่า พวกเราตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบกว่ามาก”
คุณชายเสื้อสีแดงเกือบจะขาดสติไป พูดอย่างโกรธแค้นว่า “อย่าบอกนะว่า คุณชายจวนพระยาผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้า จะถูกนางเหยียดหยามได้ถึงเช่นนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มเยาะ “คุณชายท่านนี้พูดได้น่าแปลกยิ่ง เห็นได้ชัดว่าท่านทำตัวคุกคาม ใช้วาจาว่าร้าย เหตุใดกลายเป็นข้าที่รังแกท่านได้ล่ะเจ้าคะ” พูดถึงตรงนี้ ก็ชี้ไปยังกลุ่มคนที่มุงดู “ผู้คนมากมายต่างเห็นหมดแล้ว คุณชายยังสามารถทำเรื่องดำให้เป็นขาวได้ถือว่ายอดเยี่ยมมากเจ้าค่ะ”
คุณชายที่สวมเสื้อน้ำเงินเห็นสถานการณ์ที่ฝ่ายตนเองเสียเปรียบ จึงวางน้ำเสียงเบาลง พูดว่า “พวกข้าเพียงแค่มาหาหวงฝู่อวี้ แต่เป็นเจ้าเองที่ให้คนเข้ามาขัดขวาง พวกข้าจึงโมโหอย่างมาก ถึงได้พูดจาที่รุนแรงออกไป วิธีการของเจ้าก็เกินไปเช่นกัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวบุ้ยปาก โต้กลับอย่างใจเย็นว่า “หวงฝู่อวี้ตอนนี้ทำงานอยู่ในโรงงานของข้า ก็เป็นคนของข้า ข้าก็ย่อมมีอำนาจตัดสินใจว่าเขาควรพบกับใคร ไม่ควรพบกับใคร พวกท่านทั้งหลายมาถึงก็วางท่าโอหัง พ่นคำที่ไร้มารยาท พอเห็นก็รู้ทันทีว่า ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนจากที่บ้านมาอย่างดี ข้าไม่ให้เขาคลุกคลีด้วยกันกับพวกท่านก็ถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”
“เจ้า…” คุณชายเสื้อน้ำเงินถูกพูดย้อน โทสะก็เดือดพล่าน “เจ้าอย่าได้ล้ำเส้นเกินไป เจ้าต้องรู้นะว่า ในเมืองหลวงนี้ พวกเราไม่เคยพูดอ่อนข้อให้ใครมาก่อน เจ้าอย่าทำตัวโง่เขลา ที่พูดดีแล้วไม่ฟัง แต่ต้องกระทำรุนแรงถึงยอมแต่โดยดี ราวกับดื่มเหล้าคารวะไม่ชอบ ชอบดื่มเหล้าปรับโทษ”
เมิ่งเชี่ยนโยวสวนกลับอย่างๆ เรียบ “เกรงว่าคุณชายคงต้องผิดหวัง เพราะข้าคนนี้ไม่เคยดื่มเหล้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะเป็นเหล้าคารวะหรือเหล้าปรับโทษ”
คุณชายเสื้อน้ำเงินโกรธจนหน้าแดงก่ำ ในที่สุดก็ทนไม่ได้ที่จะตะโกนอย่างเดือดดาลว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจเลยละกัน ทหาร!”
มีคนรับคำ
“รีบไปยกพลทหารจากจวนมาที่นี่ วันนี้ข้าจะถล่มโรงงานแห่งนี้ ข้าอยากดูเสียหน่อยว่าใครจะกล้าขัดขวาง”
ทหารรับคำและจากไป
คุณชายสามคนที่เหลือได้ยินคำพูดของเขา นัยน์ตาลุกวาว ทยอยกันเลียนแบบเขา เรียกให้คนของตัวเองกลับจวนไประดมพลทหารในจวนด้วย
ได้ยินคำสั่งที่ให้คนไประดมพลทหารจากจวนของพวกเขาแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด และพูดเสียงดังกับผู้คนที่มุงดูสถานการณ์ด้วยสีหน้าที่ปกติว่า “ทุกท่านกลับบ้านเถิดเจ้าค่ะ อีกประเดี๋ยวพวกท่านจะได้ไม่โดนลูกหลงบาดเจ็บไปด้วย”
ผู้คนต่างไม่ขยับ ผู้ชายที่มีเสียงหยาบกระด้างเอ่ยปากถามว่า “นายหญิง ต้องการให้พวกเราช่วยหรือไม่ขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบอย่างยิ้มแย้มว่า “ขอบคุณทุกท่านเจ้าค่ะ เรื่องในวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกท่าน ทุกท่านกลับบ้านไปเถิดเจ้าค่ะ”
ผู้คนยังคงไม่เคลื่อนไหว
เมิ่งเชี่ยนโยวอ้อนวอนต่อ “ทุกท่านล้วนเป็นเสาหลักของบ้าน ดาบและมีดมิได้มีตา ถ้าหากโดนพวกท่านแล้ว คนชราและเด็กในบ้านของพวกท่านก็จะไม่มีที่พึ่งอีก ขอทุกท่านฟังคำขอร้องของข้า ตอนนี้กลับบ้านไปให้หมด ไม่ว่าอีกชั่วครู่จะได้ยินอะไร ก็อย่าออกมานะเจ้าคะ”
ผู้คนยังคงไม่เคลื่อนไหว
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกจนปัญญา จึงต้องขู่พวกเขาแทน “ถ้าหากวันนี้ใครไม่ฟังคำขอร้อง ยังดื้อรั้นที่จะอยู่ตรงนี้ ข้าก็จะไม่ว่าจ้างคนนั้นมาบุกเบิกพื้นที่รกร้างในวันรุ่งขึ้นหลังเข้าฤดูใบไม้ผลิอีกแล้ว”
เมื่อคำพูดสิ้นสุดลง ผู้คนก็เริ่มมีท่าทีว่าจะขยับเล็กน้อย คนในนั้นก็ยังถามขึ้นอย่างไม่ยอม “นายหญิง ไม่ต้องการให้พวกเราช่วยเหลือจริงๆ หรือขอรับ”
“ขอบคุณทุกท่านมาก พวกท่านทั้งหมดกลับบ้านไปตอนนี้ ก็คือช่วยเหลือข้าอย่างหาที่สุดมิได้แล้วเจ้าค่ะ”
“ไปกันเถอะ!” เสียงของผู้ชายเมื่อครู่ดังขึ้น “ในเมื่อนายหญิงไม่ต้องการความช่วยเหลือของพวกเรา พวกเราก็ต้องเชื่อฟัง รีบกลับไปบ้านกันเถอะ”
ผู้คนเริ่มแยกย้ายกันไปอย่างช้าๆ
คุณชายเสื้อน้ำเงินแสยะยิ้มเบาๆ พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “ถือว่าเจ้าฉลาด ถ้าพวกชั้นต่ำนั่นกล้าลงมือล่ะก็ จะฆ่าทั้งหมดก็คงไม่พอให้เสียดาย”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาอย่างเบาๆ คุณชายเสื้อน้ำเงินกลับรู้สึกตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ตั้งแต่ที่คุณชายสี่คนมาถึง หวงฝู่อวี้ก็รู้แล้ว เดิมทีคิดอยากจะออกมาเจอพวกเขา แต่โดนเมิ่งฉีปรามไว้ และสั่งกับเฮ่ออีว่า “ดูแลคุณชายของพวกเจ้าให้ดี ถ้าไม่มีคำสั่งของข้า ก็ไม่อนุญาตให้ปล่อยเขาออกไป”
หลายวันมานี้ เฮ่ออีก็ทราบเจตนาของหวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยว จึงเชื่อฟังคำสั่งของเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีทั้งหมด เพียงแค่ไม่ทำให้หวงฝู่อวี้ต้องบาดเจ็บ ให้เขาทำอะไร เขาก็จะทำ แน่นอนว่า คำสั่งนี้ของเมิ่งฉี เขาก็ไม่ได้ขัดขืนเช่นกัน และเฝ้าดูแลหวงฝู่อวี้ไว้ ไม่ให้เขาใกล้ประตูแม้แต่ก้าวเดียว แต่เรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอก พวกเขาอยู่ข้างในก็ได้ยินอย่างชัดเจน พอได้ยินว่าคุณชายทั้งสี่คนส่งคนไประดมทหารในจวน ก็ไม่อาจทนต่อไปได้อีก จึงพูดกับเฮ่ออีว่า “เจ้ารีบออกไปให้พ้น หากยังไม่ให้ข้าออกไป จะต้องเกิดเรื่องใหญ่เป็นแน่”
เฮ่ออีทราบดีถึงความร้ายแรงของเรื่อง จึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขยิบตัวออก
หวงฝู่อวี้วิ่งตรงไปที่ประตู ตะโกนหยุดพวกนั้น “พวกเจ้าทั้งหลายจงอย่าได้ทำเรื่องไร้สาระ!”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว มองเฮ่ออีแวบหนึ่ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความคัดค้าน
เฮ่ออีอ้าปากอยากอธิบาย แต่ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร จึงได้แต่ก้มหัวลง
คุณชายหัวเราะเยาะเย้ย แล้วพูดขึ้นโดยมีเจตนาครึ่งหนึ่งเป็นการเสียดสี และอีกครึ่งหนึ่งคือหวังให้หวงฝู่อวี้ยิ่งบันดาลโทสะ “หวงฝู่อวี้ เจ้าช่างไร้น้ำยายิ่งนัก เป็นคุณชายรองแห่งจวนอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ไม่เอา ดันมาทำงานในโรงงานเล็กๆ ที่เหม็นกลิ่นสาบนี่ แล้วยังจะอยู่ในโอวาทของเด็กบ้านนอกเช่นนี้อีก เจ้าทำให้พวกข้าอับอายขายหน้าเสียจริง”
หวงฝู่อวี้มีสีหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย รีบพูดว่า “พวกเจ้าทั้งหมดออกไปเถิด ตอนนี้ข้ามีหน้าที่จัดการบริหารโรงงานแห่งนี้ ตั้งแต่วันนี้ต่อไปจะไม่ออกไปเที่ยวเล่นกับพวกเจ้าแล้ว”
แต่ละคนตกตะลึงจนตาโตพร้อมกัน คุณชายเสื้อสีแดงตกใจจนเกือบจะกัดลิ้นตัวเอง พิจารณาดูเขาหลายรอบ ถึงจะพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อ “ไม่หรอกมั้ง หวงฝู่อวี้ สมองของเจ้าไม่ได้ป่วยใช่หรือไม่ ดูจากสถานะของเจ้าแล้ว จะทำงานในโรงงานนี้จริงได้อย่างไร”
และคุณชายหลิวเหยี่ยนที่ไม่เคยเปิดปากมาตลอดก็เอ่ยขึ้น “หวงฝู่อวี้ ไม่ใช่ว่าเจ้ามีเรื่องปิดบังที่ยากจะพูดได้อยู่สินะ พวกเขาทำอะไรเจ้าใช่หรือไม่ บังคับขู่เข็ญให้เจ้าทำงานในโรงงานหรือ”
หวงฝู่อวี้โบกมือปฏิเสธ “พวกเจ้าไม่ต้องเดาแล้ว ข้ามาทำงานในโรงงานด้วยความสมัครใจจริง มิได้มีผู้ใดบังคับขู่เข็ญ เชิญพวกเจ้าทั้งหมดกลับไปเถิด และไม่ต้องมาหาข้านับแต่นี้ต่อไป”
“ไม่ ไม่ถูกต้อง!” หลิวเหยี่ยนส่ายศีรษะอย่างแรง “เจ้าต้องถูกพวกเขาบังคับเป็นแน่ มิเช่นนั้นเจ้าจะมาขลุกอยู่ในโรงงานเล็กๆ นี้ได้อย่างไร เจ้าไม่ต้องกลัว พวกพี่ๆ จะรีบไปช่วยเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้”
หวงฝู่อวี้เห็นว่าพวกเขาไม่เชื่อ จึงอธิบายอย่างร้อนรน “พวกเจ้าอย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้านะ เป็นเพราะข้าเต็มใจจริงๆ”
เมื่อเห็นเขาดูเหมือนไม่ได้พูดเล่น พวกหลิวเหยี่ยนก็มองไปที่เขา และมองไปที่เมิ่งเชี่ยนโยว ก็เอ่ยปากพูดขึ้นราวกับว่าได้เข้าใจอะไรบางอย่างโดยถ่องแท้ “หวงฝู่อวี้ ไม่ใช่ว่าเจ้าชอบพอเด็กสาวบ้านนอกคนนี้สินะ ถึงได้ยอมลดศักดิ์ศรีมาขลุกอยู่ในโรงงานนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่ตาลง
หวงฝู่อวี้ยังไม่ทันตอบ หลิวเหยี่ยนเอ่ยปากพูดขึ้นอย่างไม่ปิดบังแม้แต่น้อย “แต่นางโดนพี่ของเจ้าควงเล่นแล้วไม่ใช่หรือ เจ้าก็ยังยอมอีกหรือ”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงพูด กริชในมือของเมิ่งเชี่ยนโยวก็พุ่งเข้ามาใส่เขาแล้ว แม้ว่าความสามารถการต่อสู้ของหลิวเหยี่ยนไม่ได้อ่อนแอ แต่เพราะระยะใกล้เกินไป จนเขาไม่อาจหลบได้ ภายใต้สถานการณ์คับขันทำได้เพียงเอียงศีรษะเล็กน้อย กริชเล่มนั้นก็ลอยผ่านข้างแก้มของเขาไป ทิ้งเป็นรอยแผลตื้นๆ ทันใดนั้นก็มีหยดเลือดซึมไหลออกมา
ไม่ต้องพูดถึงคุณชายอีกสามคนที่เหลือ แม้แต่หวงฝู่อวี้ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกใจ
หลิวเหยี่ยนลูบแก้มบนใบหน้าของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว จนเห็นรอยเลือดที่เปื้อนบนมือ ความโกรธก็พลุ่งพล่านขึ้นสมอง ถลึงตาที่เต็มไปด้วยไฟลุกโชน “เจ้าของชั้นต่ำ เจ้ากล้าทำร้ายข้าหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับกริชที่ลอยกลับมายังมือของตน เป่าคราบเลือดที่มองแทบไม่เห็นบนมีด สีหน้าสงบนิ่ง พูดว่า “นี่แค่อยากจะสั่งสอนท่านเท่านั้น ถ้าหากท่านยังกล้าลั่นถ้อยคำเหลวไหล วาจาพล่อยๆ อีก กริชเล่มนี้บนมือของข้าก็จะไม่ปราณีใครอีก”
ไหนเลยที่หลิวเหยี่ยนจะเคยถูกปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน จึงรู้สึกเดือดดาลจนร้อนไปทั้งศีรษะ และบุกเข้าหาเมิ่งเชี่ยนโยว
ชิงหลวนกับจูหลีรอบนี้ได้เตรียมการป้องกันแล้ว จึงมากันอยู่ด้านหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวพร้อมกัน ป้องกันท่าการโจมตีของเขา และตีโต้กลับไป
หลิวเหยี่ยนจะเป็นคู่ต่อสู้ของทั้งสองได้ที่ไหนกัน จึงถูกตีจนต้องถอยไปตลอด พอคุณชายทั้งสามที่เหลือเห็น ก็รีบรุดมาช่วยเหลือ
กัวเฟยเห็นชิงหลวนกับจูหลีเสียเปรียบ ไม่รอให้เมิ่งเชี่ยนโยวสั่ง ก็เข้าไปช่วยเหลือพร้อมกับทหารรักษาการณ์อีกคน
องครักษ์ลับของเหล่าคุณชายนั้น เมื่อเห็นคุณชายของตนสู้ไม่ไหว ก็ไม่ซ่อนกายอีก และกระโจนเข้ามาช่วย ทหารที่รักษาประตูโรงงานไม่อ่อนข้อ จึงบุกเข้ามาด้วย ในพริบตาเดียวฉากข้างหน้าก็ชุลมุนวุ่นวาย หน้าประตูโรงงานล้วนเป็นร่างที่ต่อสู้กัน
หวงฝู่อวี้นึกไม่ถึงว่าเรื่องจะบานปลายมาถึงขั้นนี้ ได้แต่ตกใจอึ้งอยู่ตรงเหตุการณ์นั้น ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
เมิ่งเชี่ยนโยวควงกริชบนมืออย่างตามใจ มองสถานการณ์การต่อสู้ไปพลาง สั่งเฮ่ออีไปพลาง “พาคุณชายรองเข้าไป หากไม่ได้รับคำสั่งจากข้า ก็ไม่อนุญาตให้ปล่อยเขาออกมา”
หวงฝู่อวี้ได้สติคืนมา แล้วอ้อนวอนต่อเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง เจ้ารีบไปบอกให้พวกเขาหยุด ถ้าหากว่าทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บจะต้องแย่แน่ๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวทำเป็นไม่ได้ยิน ปรายตามองเฮ่ออี
เฮ่ออีรู้สึกหนาวสั่น รีบพูดกับหวงฝู่อวี้อย่างนอมน้อมว่า “คุณชายรอง เชิญเข้าด้านในเถิดขอรับ”