ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 205-2 แก้แค้น
ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 205-2 แก้แค้น
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปด้านหน้าของคนแก่และเด็กที่ถูกผลักล้มไปด้านข้าง รีบประคองพวกเขาขึ้น “พวกท่านไม่เป็นอะไร……”
ทันใด มีดที่แวววาวจ่ออยู่ที่คอหอยของเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว
“นายหญิง!”
“โยวเอ๋อร์!”
เสียงที่ตกใจของทั้งสี่คนตะโกนขึ้นพร้อมกัน
เมิ่งเชี่ยนโยวโค้งตัวถอยหลังหลบมีดที่จ่ออยู่ตรงคอ แต่มีดแบบเดียวกันอีกเล่มโจมตีไปที่ช่วงล่างของนาง โค้งตัวถอยไปด้านหลัง เอียงตัวหลบอันตรายเล็กน้อย มีดเล่มนั้นปักอยู่ที่ต้นขาของนาง แต่ปลายมีดอีกข้างอยู่ที่มือเด็ก
ร่างทั้งสี่กระโดดมาพร้อมกัน สามคนพุ่งไปด้านหน้าของคนที่ปลอมตัวเป็นคนแก่และเด็ก และหวงฝู่อี้เซวียนก็พุ่งไปรับเมิ่งเชี่ยนโยวที่เดินโซเซ มองมีดที่แทงตรงต้นขานาง พูดอย่างจริงจัง “เจ้าต้องปลอดภัย”
ผู้ติดตามทั้งสามโกรธมาก อารมณ์ดุดันขึ้นมา ราวกับเลียนแบบวิธีของสองคนนั้นอย่างไรอย่างนั้น
ทั้งสองคนรับมือการต่อสู้ไม่หยุด ถอยหลังอย่างต่อเนื่อง แต่ภายในไม่กี่กระบวนท่าหลังจากนั้น สองคนนั้นถูกทั้งสามคนโจมตีจนกระดูกขาหัก ขยับตัวไม่ได้
ดาบของชิงหลวนและจูหลีจี้อยู่ที่คอของพวกเขา “บอกมา ใครเป็นคนสั่งพวกเจ้า……”
ยังไม่ทันจบคำถาม ร่างกายของพวกเขาก็อ่อนแรง กระอักเลือดดำออกมาแล้วกองอยู่ที่พื้น
ชิงหลวนย่อเข่าลง ยื่นมือไปที่ใต้จมูกของพวกเขา ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “นายหญิง พวกเขาตายแล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนอุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปยังม้าที่ชิงหลวนขี่มา ควบคุมความโกรธแล้วออกคำสั่ง “ตรวจดู ขอเพียงหาเบาะแสให้เจอ ไม่ว่าเป็นใครข้าก็ไม่เว้น”
เขาอุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวแล้วกระโจนขึ้นบนหลังม้า หันหัวม้าไปทางไปจวนอ๋องฉี
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้จุดประสงค์ของเขา จึงรีบขัดเขาไว้ “ไปจวนเหวิน!”
“พวกเราต้องรีบดึงมีดที่ปักอยู่ที่ขาเจ้าออก มิฉะนั้นเจ้าจะเป็นอันตราย” หวงฝู่อี้เซวียนไม่เห็นด้วย สะบัดเชือก จะกลับจวนอ๋อง
“บาดแผลของข้า ข้ารู้ดี ไม่ได้เป็นอะไรมาก รีบไปจวนเหวิน ถ้าช้ากว่านี้ ซ้ออาจจะเป็นอะไรไปได้” ในน้ำเสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวมีความร้อนใจและขอร้องอยู่
เกิดเรื่องใหญ่กับเฝิงจิ้งเหวิน ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกในท้องของนางอยู่แล้ว ในตอนแรกเมิ่งเชี่ยนโยวเสียแรงไปมาก ถึงจะรักษาร่างกายของนางให้ดีได้ ถ้าหากว่าครั้งนี้เกิดเรื่องอะไรอีก รักษาลูกไว้ไม่ได้ เช่นนั้นหลังจากนี้……
เห็นเขาไม่ส่งเสียง เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่ “แผลเล็กแค่นี้ หลังจากไปถึงจวนเหวินแล้ว พันแผลเสร็จก็ไม่เป็นอะไรแล้ว เร็วเข้า หากสายไปกว่านี้ ซ้อเป็นอะไรขึ้นมาจะยุ่งกว่าเดิม”
ก็จริง ที่จวนเหวินไม่ว่าจะยาอะไรก็มีทั้งนั้น ไม่ต่างจากจวนอ๋อง ยิ่งไปกว่านั้นตรงนี้ห่างจากจวนเหวินอีกไม่ไกล หวงฝู่อี้เซวียนไม่รั้นต่อ รีบกลับหัวม้าอีกครั้ง มุ่งหน้าไปจวนเหวินอย่างรวดเร็ว
ชิงหลวนและจูหลีกระโดดขึ้นม้าตัวเดียวกันแล้วตามไป
กัวเฟยอยู่ที่เดิม พลิกศพทั้งสอง ไม่พบเบาะแสอะไร
เมื่อถึงหน้าจวนเหวิน หวงฝู่อี้เซวียนอุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวกระโดดลงจากม้า รีบเดินเข้าไปในจวน
คนเฝ้าประตูเห็นว่าเป็นพวกเขา แล้วมองที่มีดที่แวววับที่ปักอยู่ตรงต้นขาของเมิ่งเชี่ยนโยว ถึงกับตกใจ “แม่นางเมิ่ง ท่าน……”
“นำทางไป ไปที่เรือนเถ้าแก่ของพวกเจ้า” หวงฝู่อี้เซวียนพูดแทรกเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
คนเฝ้าประตูรู้สึกเสียวสันหลัง รีบหุบปาก วิ่งเหยาะๆ นำหน้าไปถึงเรือนของเหวินซื่อ
ในเรือนมีเสียงร้องครวญครางเจ็บปวดดังออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสัญญาณให้หวงฝู่อี้เซวียนปล่อยตัวเองลง
มองนางที่โดนมีดปักขา เลือดไหลออกมาไม่หยุด เลือดแดงชุ่มไปครึ่งขาแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนยอมที่ไหนกัน ตะโกนเสียงดัง “เหวินซื่อ เจ้าออกมาหน่อย”
เหวินซื่อที่อยู่ในจวนมองดูเฝิงจิ้งเหวินที่ท่าทางเจ็บปวด เขาปวดใจราวกับโดนมีดแทง ได้ยินที่หวงฝู่อี้เซวียนเรียก ก็รีบวิ่งออกมา ยังไม่ทันได้สังเกตใคร ก็พูดเสียงดัง “ทำไมพวกเจ้าชักช้าอย่างนี้ เหวินเอ๋อร์จะ……” พอเห็นมีดที่ปักอยู่ที่ขาของเมิ่งเชี่ยนโยว ตกใจจนตาโต “เจ้าเป็นอะไร”
ได้ยินเสียงร้องครวญครางที่เจ็บปวดของเฝิงจิ้งเหวิน เสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวร้อนรนกว่าเขาอีก “ข้าไม่เป็นไร รีบมาประคองข้าเข้าไปในเรือน”
นี่เป็นห้องนอนของเฝิงจิ้งเหวิน แล้วก็ไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้าง หวงฝู่อี้เซวียนเป็นผู้ชายที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง ไม่ควรเข้าไปอย่างยิ่ง
เหวินซื่อขานรับ รีบเข้ามาประคองนาง หวงฝู่อี้เซวียนที่อุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวอยู่ ไม่ยอมให้เขาสัมผัสเมิ่งเชี่ยนโยว ออกคำสั่งว่า “ชิงหลวน มานี่”
ชิงหลวนมาข้างหน้า รับเมิ่งเชี่ยนโยวแล้วอุ้มเข้าไปในห้อง ภายใต้การส่งสัญญาณของนาง มาถึงด้านหน้าหน้าต่างของเฝิงจิ้งเหวิน
เฝิงจิ้งเหวินสีหน้าซีดเซียว เหงื่อท่วมตัว มือทั้งสองข้างกุมอยู่ที่ท้องของตนเอง ส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความสิ้นหวัง พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวมา ดวงตาที่สิ้นหวังคู่นั้นก็เปล่งประกายขึ้นมา ยื่นมือมาจับที่ชายเสื้อของนาง ขอร้องด้วยความน่าสงสาร “น้องโยวเอ๋อร์ รีบช่วยชีวิตลูกข้าเถอะ”
“วางข้าลงบนเก้าอี้” เมิ่งเชี่ยนโยวสั่ง
ชิงหลวนวางนางลงนั่งที่เก้าอี้หน้าเตียงอย่างระมัดระวัง มองขาของนางที่เลือดไหลไม่หยุดด้วยความเป็นห่วง
เมิ่งเชี่ยนโยวราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ใช้นิ้วคลำชีพจรของเฝิงจิ้งเหวิน
เฝิงจิ้งเหวินพยายามควบคุมไม่ให้ตัวเองส่งเสียงร้องเพราะความเจ็บปวด
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว
เฝิงจิ้งเหวินสงบจิตใจลง ถามด้วยเสียงหอบ “น้องโยวเอ๋อร์…… ลูกของข้ายังอยู่ไหม”
เมิ่งเชี่ยโยวไม่ได้พูดอะไร เอามืออีกข้างของนางมาจับชีพจร
เฝิงจิ้งเหวินหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง น้ำตาไหลออกมาจากหางตาไม่หยุด
เมิ่งเชี่ยนโยววางแขนของนางไว้ที่เดิม แล้วหันกลับมาพูดกลับเหวินซื่อว่า “ข้าพูด เจ้าจด สั่งให้คนรีบไปเอายามาโดยเร็ว”
“อืม ได้!” เหวินซื่อจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พอได้ยินก็รีบไปยืนที่หน้าโต๊ะแล้วหยิบพู่กัน
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด เขาเขียน จดรายชื่อยาเสร็จก็หยิบแล้ววิ่งออกไป “ข้าจะไปเอายามาด้วยตัวเอง” พูดจบ เขาก็ออกนอกประตูไปแล้ว
ชิงหลวนอยากจะวิ่งตามไปแล้วจับเขากลับมาจริงๆ เจ้านายของพวกเรายังมีมีดปักอยู่ที่ข้าอยู่เลย แทนที่จะไปเอายาห้ามเลือดและผ้าพันแผลมาก่อน แต่กลับไม่สนใจวิ่งออกไปเอายา…
นางยังคิดไม่เสร็จ เหวินซื่อก็พุ่งเข้ามาใหม่ โยนขวดยาไปทางเมิ่งเชี่ยนโยว “นี่คือยาห้ามเลือด เจ้าดึงมีดออกมาก่อน ส่วนผ้าพันแผล อีกสักครู่ข้าจะไปเอามาให้” พูดจบ เจ้าตัวก็หายไปแล้ว
มียาห้ามเลือดแล้ว การดึงมีดออกนั้นง่ายนิดเดียว เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ชิงหลวนคุกเข่าลง ถกกระโปรงขึ้น ฉีกผ้ารอบๆ บาดแผลออก จับที่ด้ามมีด
เฝิงจิ้งเหวินได้ยินคำพูดของเหวินซื่อ ถึงรู้ว่าขาของเมิ่งเชี่ยนโยวถูกมีดแทง เลือดไหลออกมาไม่หยุด เต็มพื้นไปหมด พลั้งปากถามออกมาด้วยความตกใจ “น้องโยวเอ๋อร์ นี่เจ้า……”
ชิงหลวนดึงมีดออกอย่างเร็ว เลือดพุ่งกระฉูด
เฝิงจิ้นเหวินหน้าซีดขึ้นอีก สาวใช้ที่คอยรับใช้ในห้องนั้นตกใจร้อง กรี้ดด ออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบเอายาห้ามเลือดใส่แผล ลิ่มเลือดหายไป เลือดหยุดไหลทันที
ชิงหลวนโล่งอก หยิบขวดยาในมือนาง เทยาห้ามเลือดทั้งหมดใส่บนแผล แล้วสั่งให้สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ นำเอาเก้าอี้มาตัวหนึ่ง เอาขาข้างที่บาดเจ็บวางไว้บนเก้าอี้อย่างระมัดระวัง
หวงฝู่อี้เซวียนที่รออยู่ด้านนอกได้ยินเสียงร้องของสาวใช้ในห้อง อีกนิดเดียวก็ทนไม่ไหวพุ่งเข้ามาในห้องแล้ว ถามด้วยน้ำเสียงสั่นอย่างเร็วว่า “เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มีอะไร ชิงหลวนช่วยดึงมีดออก ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
ริมฝีปากของเมิ่งเชี่ยนโยวซีดขาว แต่กลับทำเป็นไม่เป็นอะไรแล้วพูดกับคนด้านนอกด้วยน้ำเสียงสงบ
ได้ยินเสียงนางไม่เป็นอะไร หวงฝู่อี้เซวียนก็ยังเป็นกังวลใจอยู่ ถามเสียงดังขึ้นว่า “กลับได้หรือยัง”
“รอให้เหวินซื่อเอายากลับมา แล้วให้พี่สะใภ้ดื่ม ดูอาการแล้วค่อยว่ากัน” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ
หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องรอให้เฝิงจิ้งเหวินไม่เป็นอะไรก่อนถึงค่อยกลับได้ แต่ว่าตอนนี้เขาไม่เห็นว่าเมิ่งเชี่ยนโยวเป็นอย่างไรบ้าง จึงร้อนใจ เรียงลำดับความสำคัญมั่วไปหมด ถึงได้ถามออกมาเช่นนี้
เหวินซื่อไวมาก ไม่ถึงสิบห้านาทีก็ถือถุงยากลับมา พอเข้าประตูไปก็สั่งบ่าวรับใช้ “เอาไปต้ม!”
บ่าวรับใช้ขานรับ ตอนที่กำลังจะรับถุงยา เสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้นว่า “เจ้าไปเฝ้าด้วย!”
เหวินซื่อนิ่งไป ทันใดนั้นก็นึกได้ว่าเพราะอะไร ชั่วพริบตาเดียวสีหน้าก็เปลี่ยนไปไม่สู้ดีนัก แผ่ความอำมหิตออกไปทั่วร่าง
บ่าวรับใช้รับรู้ได้ถึงอารมณ์ของเขา จะรับถุงยาไปก็ไม่ได้ ไม่รับไปก็ไม่ใช่ กลัวจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
เหวินซื่อเดินไปห้องครัวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม บ่าวรับใช้เดินตามขาสั่นอยู่ด้านหลัง
ดูบ่าวรับใช้ต้มยาด้วยตัวเอง เหวินซื่อตั้งใจทิ้งไว้ให้เย็น แล้วรีบเอาไปให้
เฝิงจิ้งเหวินปวดมากกัดปากจนมีเลือดออก สาวใช้เข้าไปประคองนางขึ้น ให้นางพิงอยู่ที่ตัวของตน เหวินซื่อนั่งอยู่ข้างๆ เตียง ยื่นถ้วยยาไปที่ปากของนาง พูดอย่างอ่อนโยนว่า “เหวินเอ๋อร์รีบดื่มยาเถิด พอเจ้าดื่มยาเข้าไป ลูกของเราก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
ทันใดนั้นเฝิงจิ้งเหวินก็มีแรงขึ้นมา อ้าปากดื่มยาเข้าไปในอึกเดียว
เหวินซื่อยื่นถ้วยยาให้สาวใช้ แล้วประคองนางให้นอนกลับลงไป เช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้นางอย่างอ่อนโยน “เจ้าหลับตาพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว พอนอนตื่นขึ้นมา ทุกอย่างจะดีดังเดิม”
เฝิงจิ้งเหวินจะนอนหลับได้อย่างไร จับมือเขาแน่นแล้วถามว่า “ท่านพี่ ลูกของเราจะไม่เป็นไรใช่ไหม”