ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 228 ยากจะมีลูกสืบสกุล
ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 228 ยากจะมีลูกสืบสกุล
ใต้จมูกมีลมหายใจอุ่นๆ ออกมาเบาๆ
หวงฝู่อี้เซวียนดีใจยิ่ง ค่อยๆ จับเมิ่งเชี่ยนโยวแยกออกจากชิงหลวนและอุ้มนางขึ้น สั่งเสียงขรึม “พาทุกคนกลับเมืองหลวงอย่างระมัดระวัง ไปส่งที่จวนอ๋อง”
พูดจบ อุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวกระโดดขึ้นบนหลังม้า แล้วออกแรงสะบัดบังเ**ยน เร่งให้ม้าตะบึงมุ่งไปยังเมืองหลวง
องครักษ์ลับหลายนายก็กระโดดขึ้นหลังม้า แล้วตามหลังไปติดๆ
องครักษ์ลับที่เหลือ ก็ไม่สนใจที่จะแยกแยะว่าใครชายใครหญิงอีก วางชิงหลวนกับจูหลีบนหลังม้าอย่างระวัง แล้วนำเหวินเปียวกับกัวเฟยที่หมดสติไปแล้ว พร้อมกับเหล่าองครักษ์ลับที่ได้รับบาดเจ็บมากน้อยต่างกัน หรือที่บาดเจ็บปางตายล้วนยกขึ้นบนหลังม้า
การปะทะต่อสู้ครั้งนี้รุนแรงมากจริงๆ รวมถึงคนใกล้ชิดของเมิ่งเชี่ยนโยวทุกคนล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าในใจของพวกองครักษ์ลับเกิดความรู้สึกที่ทั้งตกตะลึงและโกรธเกลียดอย่างมาก เมื่อยกคนของตัวเองขึ้นหลังม้าแล้ว ก็ไม่สนคนอื่นที่ตายอยู่บนพื้น ปล่อยให้พวกเขาถูกหมาป่ากัดกินให้ร่างแหลกไป พวกเขาลอยตัวขึ้นบนม้า ตะบึงไปทางเมืองหลวงโดยที่พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อไม่ให้การสั่นโคลงของม้ากระทบบาดแผลของคนที่เจ็บ
ทั้งกายของเมิ่งเชี่ยนโยวเต็มไปด้วยเลือด หวงฝู่อี้เซวียนไม่รู้ว่านางบาดเจ็บที่ใดบ้าง ในใจก็ร้อนรนอย่างมาก เมื่อถึงประตูเมือง ก็เร่งม้าเข้าไปในประตูเมือง พลางโยนป้ายห้อยเอวให้กับองครักษ์ลับที่อยู่ด้านหลัง “ไปที่สำนักหมอหลวง สั่งหมอหลวงเจียงให้พาหมอหลวงและหมอหญิงที่ดีที่สุดไปยังจวนอ๋อง”
องครักษ์ลับรับคำ รับป้ายห้อยเอวมา หลังจากเข้าประตูเมือง ก็หันหัวม้า มุ่งไปเส้นทางสู่สำนักหมอหลวงอย่างรวดเร็ว
หวงฝู่อี้เซวียนอุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวตรงกลับมาถึงจวนอ๋อง
นายประตูที่จวนอ๋องเห็นหวงฝู่อี้เซวียนที่ทั้งร่างที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังอุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวที่เลือดไหลไม่หยุดเข้าประตูจวน ก็ตกใจจนมือเท้าอ่อน ไม่มีแม้แต่แรงที่จะเดินหรือตะโกนเรียก
คนรับใช้ของจวนอ๋องก็ตื่นตระหนกอย่างมาก ในขณะที่ตกใจพร้อมกันก็มีคนวิ่งโซซัดโซเซมารายงานต่อพระชายาฉี
หลายวันนี้ว่างไม่มีไรทำ พระชายาฉีจึงเตรียมชุดแต่งงานของหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวเสร็จแล้ว เวลานี้กำลังถือบนมือและถามหลิงหลงว่าสวยหรือไม่อย่างปลื้มปริ่มใจ
บ่าวรับใช้วิ่งกระย่องกระแย่งเข้ามาภายในเรือน ลืมแม้กระทั่งคำนับตามธรรมเนียม รายงานด้วยเสียงสั่นเครือ “พระชายาฉี เกิดเรื่องแล้วขอรับ! ซื่อจื่อกับแม่นางเมิ่งกลับมาด้วยร่างที่เต็มไปด้วยเลือดเลยขอรับ”
ชุดแต่งงานบนมือของพระชายาฉีร่วงลงพื้น พลันสีหน้าขาวซีด และมือเท้าชาไปบางส่วนทันที จึงหันกาย สาวเท้าไปยังที่ขอบประตูอย่างรวดเร็ว ถามด้วยเสียงร้อนรน “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
บ่าวรับใช้ส่ายหน้า “ไม่ทราบขอรับ ซื่อจื่ออุ้มแม่นางเมิ่งเข้าไปในเรือนแล้วขอรับ”
เพิ่งจะสิ้นเสียงของบ่าวรับใช้คนนี้ ก็มีบ่าวรับใช้อีกคนวิ่งจนแทบจะล้มกลิ้งเข้ามาในเรือน และรายงานว่า “พระ…พระชายาฉี เกิดเรื่องแล้วขอรับ สาวใช้ผู้ติดตามของแม่นางเมิ่งและบ่าวรับใช้ของตระกูลเมิ่งทั้งหมดล้วนมีบาดแผลเต็มตัว และได้ถูกส่งเข้ามาในจวนอ๋องแล้วขอรับ”
เบื้องหน้าพระชายาฉีมืดมัวขึ้น ร่างกายเริ่มโอนเอียง หลิงหลงจึงรีบไปพยุงนาง แล้วพูดว่า “พระชายา ท่านต้องรักษากายของท่านให้ดีนะเจ้าคะ”
พระชายาฉียกเท้าเพื่อจะเดินออกไปข้างนอก “เร็วเข้า พยุงข้าไปดู”
ในเวลาเดียวกัน อ๋องฉีก็ได้รับรายงานที่จากบ่าวรับใช้ที่ตกใจลนลาน จึงมาถึงเรือนของหวงฝู่อี้เซวียนก่อนแล้ว ครั้นเดินเข้าไปในห้อง สิ่งที่เข้ามาปะทะสายตาเป็นอย่างแรก คือร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดของหวงฝู่อี้เซวียน จากนั้นถึงจะเป็นเมิ่งเชี่ยนโยวที่ดวงตาทั้งคู่ปิดแน่น นอนอยู่บนเตียง บนกายมีเลือดไหลรินอย่างไม่ขาดสาย
“เซวียนเอ๋อร์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดพวกเจ้าถึงได้บาดเจ็บสาหัสเช่นนี้” อ๋องฉีถามด้วยเสียงดังแบบควบคุมไม่ได้
“ลูหไม่เป็นอะไรขอรับ เลือดบนกายเป็นของคนอื่น แต่โยวเอ๋อร์สิบาดเจ็บหนัก รบกวนเสด็จพ่อช่วยไปดูเสียหน่อยขอรับว่าทำไมหมอหลวงเจียงยังไม่มาเสียที” มองบนกายของเมิ่งเชี่ยนโยวที่มีเลือดไหลไม่หยุด หวงฝู่อี้เซวียนก็สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลังจากตอบอย่างลนลานแล้ว ก็ยื่นมือออก อยากจะตรวจสอบเมิ่งเชี่ยนโยวว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้างกันแน่ แต่พอเห็นร่างที่มีแต่เลือดแล้ว ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มลงมือจากตรงไหนดี
อ๋องฉีก้าวเท้ายาวเดินออกมา
พ่อบ้านผู้ดูแลจวนอ๋องรุดหน้าเดินออกมาหา และรายงาน “ท่านอ๋อง คนพวกนี้บาดเจ็บสาหัสเหลือเกินขอรับ ภายในเรือนไม่ได้มียาห้ามเลือดมากขนาดนั้น…”
“สั่งคนไปตามเถ้าแก่เหวินที่ร้านยาเต๋อเหริน บอกเขาอย่างละเอียด ให้เขาเอายาห้ามเลือดทั้งหมดในร้านส่งมา” อ๋องฉีเดินไปพลางสั่ง
ผู้ดูแลจวนรับคำ แล้วส่งเด็กรับใช้ที่คล่องแคล่วคนหนึ่งไปยังร้านยาเต๋อเหรินโดยทันที
ยังเดินไปไม่ถึงประตูจวน หมอหลวงเจียงก็พาหมอหลวงสิบกว่าคนและหมอหญิงสามคนมาอย่างรีบร้อนโดยที่มีเหงื่อท่วมศีรษะ พอเห็นอ๋องฉี จึงคิดจะแสดงความเคารพ
อ๋องฉีโบกมือยั้งเอาไว้ “ช่วยคนสำคัญกว่า รีบไปเร็วเข้า!”
หมอหลวงเจียงพาทุกคนวิ่งเหยาะๆ เข้าไปยังเรือนของหวงฝู่อี้เซวียน หมอหลวงเจียงกับหมอหญิงคนหนึ่งอยู่ แล้วคนที่เหลือก็มีผู้ดูแลจวนนำไปที่เรือนอื่น
พระชายาฉีได้มาถึงในห้องของหวงฝู่อี้เซวียนแล้ว ครั้นเห็นสภาพหวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยว ก็เกือบจะหมดสติไป ถามอย่างต่อเนื่อง “นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
หวงฝู่อี้เซวียนยังไม่ทันได้ตอบ หมอหลวงเจียงนำหมอหญิงเดินเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นสภาพที่ย่ำแย่ของเมิ่งเชี่ยนโยว ก็สะอึกไป จากนั้นสั่งหมอหญิงด้วยเสียงที่เร่งรีบ “รีบไปรักษาแม่นางเมิ่งเร็ว”
ปกติแล้วหมอหญิงจะเป็นคนที่ตรวจชีพจรให้แก่บรรดาสนมของฮ่องเต้ในแต่ละตำหนัก ไหนเลยจะเคยพบเจออาการบาดเจ็บเช่นนี้ จึงตกใจจนตัวเกร็ง เดินเข้าไปด้านหน้าอย่างสั่นเทิ้ม
เมิ่งเชี่ยนโยวเป็นหญิงสาว และยังเป็นซื่อจื่อเฟยในอนาคต ย่อมไม่เหมาะไม่ควรที่หมอหลวงเจียงจะอยู่ในห้องนี้ แต่ก็กลัวว่าวิชาแพทย์ของหมอหญิงจะไม่เชี่ยวชาญ แล้วทำให้อาการบาดเจ็บของแม่นางเมิ่งล่าช้า จึงได้แต่หันหลังไป แล้วพูดว่า “เจ้าตรวจดูแม่นางเมิ่งก่อน ลองดูว่าได้รับบาดเจ็บที่แห่งใดบ้าง และสาหัสเพียงใด”
พระชายาฉีเห็นท่าทางของหมอหญิงจึงเข้าไปช่วยเหลือ พลางสั่งหลิงหลง “ไปยกม่านบังลมเข้ามา” จากนั้นก็พูดกับหวงฝู่อี้เซวียน “เจ้าไปนั่งบนเก้าอี้ก่อน อย่ายืนขวางอยู่ตรงนี้”
หวงฝู่อี้เซวียนขยับกายถอยไปข้างหลังอย่างเชื่อฟัง แต่ไม่ได้นั่ง และยืนอยู่ไกลๆ เม้มปาก ตาจ้องไปที่เมิ่งเชี่ยนโยวไม่กะพริบ
ม่านบังลมยกมา แล้ววางกั้นอยู่หน้าหมอหลวงเจียงและหวงฝู่อี้เซวียน
หลิงหลงยกเก้าอี้มาวางไว้ตรงหน้าสองคน เชิญทั้งสองคนนั่งลง
หมอหลวงเจียงนั่งลง หวงฝู่อี้เซวียนยังคงยืนอยู่
พระชายาฉีกับหมอหญิงนั่งลงบนผ้าปูเตียง แล้วถอดเสื้อผ้าบนกายเมิ่งเชี่ยนโยวออกอย่างระแวดระวัง พอเห็นแผลที่มีเลือดไหลออกมา หมอหญิงก็เผลอร้องออกมา “ท่านหัวหน้าหมอหลวงเจ้าคะ นี่ นี่ นี่…”
มือของหวงฝู่อี้เซวียนกำหมัดแน่น
“เป็นอะไรไปหรือ” หมอหลวงเจียงถามอย่างรีบร้อน
ริมฝีปากของหมอหญิงสั่นจนพูดไม่ออก
เวลานี้พระชายาฉีกลับนิ่งขรึม พูดอย่างใจเย็น “มีบาดแผลที่หน้าอก และลึกมาก น่าจะมีการใช้ยาห้ามเลือดแล้ว แต่ตอนนี้ยังคงมีเลือดไหลไม่หยุด ส่วนที่เหลือไม่มีแผลอะไร”
หมอหลวงเจียงเปิดกล่องยาที่นำติดตัวมา หยิบยาห้ามเลือดออกมาหลายขวด แล้วส่งให้แก่หลิงหลงทั้งหมดทันที “เอาทั้งหมดนี้ราดลงบนแผล”
หลิงหลงรับมา และถือไปที่ข้างเตียง
พระชายาฉีรับมาหนึ่งขวด เปิดจุกขวดออก แล้วราดลงบนแผลของเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยความว่องไว จากนั้นก็หยิบขวดต่อไป…จนกระทั่งได้ราดยาห้ามเลือดทั้งหมด เลือดของเมิ่งเชี่ยนโยวจึงจะดูเหมือนว่าหยุดไหลแล้ว
พระชายาฉีโล่งอก พูดอย่างดีใจ “ห้ามเลือดได้แล้ว!”
หมอหลวงเจียงย่นคิ้ว ได้รับบาดเจ็บที่อก แล้วใช้ยาห้ามเลือดตั้งหลายขวด เกรงว่า…ทว่า ตัวเองยังไม่ได้ตรวจชีพจร หวังว่าทุกอย่างล้วนเพียงแต่การคิดมากไป จึงพูดต่อทันทีว่า “ดูจากสีหน้าของแม่นางเมิ่งแล้ว คาดว่าน่าจะเสียเลือดมากเกินไปขอรับ หากในจวนมีโสมแก่ชั้นดีหลายร้อยปี ก็สั่งคนให้ต้มมาส่วนหนึ่งเดี๋ยวนี้จะเป็นการดีที่สุด”
ร่างกายของพระชายาฉีไม่แข็งแรง จึงมียาบำรุงชั้นดีหลายชนิดที่เก็บไว้นานหลายปีเตรียมไว้อยู่ในเรือน บวกกับที่ฮ่องเต้และฮองเฮาพระราชทานให้ แต่ไม่รู้ว่ามีเท่าไร พระชายาฉีสั่งโดยพลัน “หลิงหลง ไปให้หัวหน้าพ่อบ้านนำโสมดีๆ ในจวนออกมามากหน่อย ต้มเป็นน้ำแกง แล้วให้คนที่ได้รับบาดเจ็บคนอื่นดื่มด้วย”
หลิงหลงรับคำ สาวเท้าเดินออกไป
ผู้ดูแลได้รับคำสั่ง ไม่กล้าชักช้า ก็หยิบโสมชั้นดีออกมาห้าหกต้น สั่งให้คนรีบไปต้มเป็นแกงโสม
หมอหลวงเจียงรับคำสั่ง “บาดแผลของแม่นางเมิ่งลึกเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเสียเลือดมากเกินไป จึงเคลื่อนไหวไม่ได้แม้แต่น้อย พวกท่านสองคนเช็ดตัวให้นางแล้วตรวจดูอย่างละเอียดว่ามีแผลที่อื่นอีกหรือไม่ ถ้าหากไม่มีก็ห่มผ้าให้นางมิดชิดเสียหน่อย ข้าจำเป็นต้องตรวจชีพจรให้นางขอรับ”
พระชายาฉีสั่งหลิงหลงยกน้ำอุ่นมา แล้วเช็ดตัวให้เมิ่งเชี่ยนโยวอย่างทะนุถนอมหนึ่งรอบ และไม่พบว่าได้รับบาดแผลอะไรอีก
ในทุกๆ ขั้นตอน ด้วยความที่มือไม้ทำอะไรไม่ถูก หมอหญิงที่ตามมาจึงได้แต่ยืนอยู่ด้านข้างตลอด
พระชายาฉีถอนหายใจเบาๆ แล้วพูด “เจ้าออกไปก่อนเถิด ที่นี่ข้าทำเองก็แล้วกัน”
หมอหญิงเกือบจะร้องไห้ออกมา นางทุ่มเทแรงกายและใจถึงจะสอบเข้ามาในสำนักจนเป็นหมอหญิงได้ ถ้าหากถูกหมอหลวงเจียงไล่ออกจากสำนักหมอหลวงเนื่องด้วยเหตุนี้แล้ว เช่นนั้นอนาคตในภายภาคหน้านางจะต้องสูญสิ้นหมดเสียแล้ว จึงอ้าปาก ร้องขอเมตตา
พระชายาฉีสกัดคำพูดที่นางจะพูดออกมากลับไปด้วยเสียงที่เยือกเย็น “ออกไปเถิด ข้าไม่โทษเจ้าหรอก”
ได้ยินคำพูดนี้ แววตาของหมอหลวงเจียงก็ส่องประกาย
หมอหลวงหญิงเดินออกมานอกม่านบังลมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอับอาย
หมอหลวงเจียงมองนางแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร
พระชายาฉีห่มผ้าให้เมิ่งเชี่ยนโยวอย่างมิดชิดด้วยความรอบคอบแล้ว ถึงจะสั่งคนให้ยกม่านบังลมออก และเชิญหมอหลวงเจียงเข้ามาใกล้เมิ่งเชี่ยนโยวเพื่อตรวจชีพจร
หวงฝู่อี้เซวียนเดินเข้ามาเช่นกัน
พระชายาฉีเช็ดใบหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวสะอาดแล้ว ทุกคนถึงจะเห็นสีหน้าของนางที่ซีดขาวยิ่งกว่าแผ่นกระดาษ
ไม่เพียงแค่หวงฝู่อี้เซวียนกับพระชายาฉี แม้แต่ในใจของหมอหลวงเจียงก็เคร่งเครียดขึ้นมาเป็นระยะ นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง ส่งสัญญาณให้หลิงหลงนำมือของเมิ่งเชี่ยนโยวออกมา
ไม่ต้องรอให้หลิงลงเอนตัวลง พระชายาฉีก็ก้มศีรษะลง แล้วคว้ามือขวาของเมิ่งเชี่ยนโยวออกมาด้วยตัวเอง พร้อมล้วงผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมา แล้ววางทาบบริเวณข้อมือของนาง
หมอหลวงเจียงยื่นมือออกมา ตรวจชีพจรที่ข้อมือของนาง
คนในห้องล้วนกลั้นหายใจ มองหมอหลวงเจียงด้วยความอึดอัด
ผ่านไปนานมาก นานจนหลิงหลงรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะขาดอากาศหายใจแล้ว หมอหลวงเจียงถึงจะปล่อยข้อมือของเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วพูด “โชคดีที่ไม่ได้บาดเจ็บโดนจุดตายขอรับ ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องชีวิต แต่เสียเลือดมากเหลือเกิน และร่างกายก็เสียหายอย่างหนัก อย่างน้อยครึ่งปีถึงจะฟื้นฟูขอรับ” พูดจบ ก็มองหวงฝู่อี้เซวียนด้วยความสงสารแวบหนึ่ง การแต่งงานซื่อจื่อกับแม่นางเมิ่งเชี่ยนโยวต้องประสบกับความผันผวนแปรปรวนมากมาย กว่าจะได้รับพระราชอนุญาตจากฮ่องเต้ให้สองคนนี้ได้แต่งงานกันก็ยากมากอยู่แล้ว แม่นางเมิ่งกลับประสบกับเรื่องใหญ่โตเช่นนี้อีก เกรงว่าเดือนสิบอาจไม่สามารถแต่งงานได้ดั่งที่ปรารถนาแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวนอนอยู่บนเตียงอย่างเงียบๆ มองดูผ่านๆ ราวกับว่าไม่ได้หายใจ
หวงฝู่อี้เซวียนมองนางด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่บ้าง และไม่ได้พูดอะไร
พระชายาฉีกลับถอนหายใจโล่งอก พูดไม่ขาดสาย “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว!”
ราวกับว่าคำพูดของนางทำให้หวงฝู่อี้เซวียนตกใจจนได้สติคืน มองหมอหลวงเจียง แล้วพูด “ข้าเปลี่ยนชุดก่อน รบกวนท่านหมอหลวงเจียงไปรอที่ห้องรับแขก ข้ามีเรื่องบางอย่างอยากจะถามท่านเสียหน่อย”
หมอหลวงเจียงพยักหน้า เขาก็มีเรื่องที่ต้องพูดกับอ๋องฉีและหวงฝู่อี้เซวียนพอดี ลุกตัวขึ้น เปิดกล่องยา เขียนใบสั่งยาส่งให้หลิงหลง พร้อมกำชับให้นางรีบไปนำมาต้มให้เดือด แล้วให้เมิ่งเชี่ยนโยวทาน จากนั้นปิดฝากล่องยา และเดินแบกออกไปด้านนอก
หมอหญิงเดินตามอยู่ด้านหลัง
หลิงหลงรีบตามไป นำสองคนไปยังห้องรับแขก
หวงฝู่อี้เซวียนถอดชุดนอกที่เปื้อนไปด้วยเลือด เดินไปยัง**บเสื้อผ้า หยิบเสื้อนอกออกมาชุดหนึ่ง เปลี่ยนอย่างเงียบๆ เสร็จแล้วถึงจะพูดกับพระชายาฉีว่า “เสด็จแม่ ท่านเฝ้าโยวเอ๋อร์สักพักนะขอรับ ข้าไปไม่นานก็จะกลับมา”
พระชายาฉีพยักหน้า
หวงฝู่อี้เซวียนหันตัวเดินออกไป
เห็นเงาของแผ่นหลังเขา พระชายาฉีก็ย่นคิ้วเล็กน้อย นางมักจะรู้สึกว่าหวงฝู่อี้เซวียนมีบางอย่างแปลกประหลาดไป แต่ก็พูดไม่ออกว่าเป็นเพราะอะไร
ชิงหลวนกับจูหลีและองครักษ์ลับที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดถูกจัดไว้อยู่ในเรือนอีกเรือนหนึ่ง บ่าวรับใช้ของจวนอ๋องวุ่นวายเดินเข้าเดินออกกันอย่างไม่หยุดหย่อน
องครักษ์ลับที่ตามมาพร้อมกับหวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่ได้พัก ช่วยหมอหลวงพันแผลให้แก่เหล่าองครักษ์ลับที่บาดเจ็บนั้น
ผู้ดูแลจวนก็ยุ่งจนเหงื่อท่วมศีรษะเช่นกัน ทั้งนอก ทั้งใน ทั้งเข้า ทั้งออก ต้องสั่งการไม่ขาดสาย
ขณะที่ผ่านประตูเรือน หวงฝู่อี้เซวียนเพียงแต่เอียงศีรษะมองเข้าไปด้านในแวบหนึ่ง แล้วข้ามผ่านประตูไป มาถึงห้องรับแขก
อ๋องฉีนั่งทำหน้าถมึงทึงอยู่ภายในห้องรับแขก
หมอหลวงเจียงนั่งตัวสั่นเทิ้มอยู่ในตำแหน่งที่เล็กกว่า ซึ่งอยู่ตำแหน่งที่มีระยะห่างไกลจากเขามาก เห็นหวงฝู่อี้เซวียนเข้ามา ถึงจะถอนหายใจโล่งอกได้บ้าง สีหน้าของอ๋องฉีทำให้คนต้องผวาเหลือเกิน ราวกับแทบอยากจะฆ่าคนอย่างไรอย่างนั้น
หวงฝู่อี้เซวียนนั่งลงแล้ว ก็เอ่ยปากพูดตรงๆ “ร่างกายของโยวเอ๋อร์มีสภาพที่ไม่ดีอย่างไรกันแน่ ขอท่านหมอหลวงเจียงพูดตรงๆ เถิดขอรับ”
กลืนน้ำลายลง ลอบมองอ๋องฉีแวบหนึ่ง หมอหลวงเจียงพยายามปรับเสียงให้มั่นคงที่สุด แล้วบอกความจริงที่ตัวเองรับรู้ได้หลังจับชีพจรออกไป “บาดแผลที่บริเวณอกของแม่นางเมิ่งนั้นลึกมากเสียเหลือเกินขอรับ แม้ว่าจะรักษาได้หายแล้ว ต่อไปก็คงยากที่จะมีลูกสืบสกุลขอรับ”