ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 24-2
ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 24-2 ไปเก็บหนี้ที่จวนท่านเสนาบดี
กัวเฟยก้าวขึ้นไปหยุดอยู่ต่อหน้าฮูหยินใหญ่ผู้นั้น จากนั้นโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้เปล่งเสียงร้องออกมา มือใหญ่ของเขาก็ยื่นออกไปแล้วตวัดแบกนางขึ้นหลัง เขาเดินตรงไปที่หน้าประตูร้าน ไม่แม้แต่จะมองว่าด้านนอกมีสิ่งใดอยู่หรือไม่ร่างของฮูหยินใหญ่ก็ถูกโยนลงกับพื้นดังตุบท่ามกลางเสียงกรีดร้องของบรรดาสาวใช้ที่ติดตามมาด้วย
ในตอนนี้เองเสียงกรีดร้องของฮูหยินใหญ่ก็ดังก้องไปทั่วทั้งถนน
เหวินเปียวที่รออยู่ด้านนอกข้างรถม้าถึงกับผงะไปกับภาพที่ได้เห็น
ร่างของฮูหยินใหญ่กระแทกลงกับพื้นดังมาก นางกลิ้งออกไปราวสองถึงสามครั้งได้ก่อนจะหยุดลง สาวใช้หลายคนที่ติดตามอีกฝ่ายมาด้วยรีบเข้าไปดูอาการของนายหญิงตนทันทีพลางช่วยพยุงอีกฝ่ายขึ้นมา ร้องถามไปด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า “ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินใหญ่ ท่านเป็นไรไหมเจ้าคะ?”
สภาพของฮูหยินใหญ่ตอนนี้นิยามว่าน่าเกลียดยังจะน้อยไป นางไม่สามารถลุกขึ้นจากพื้นได้เลย ในใจเต็มไปด้วยความโกรธจากนั้นนางก็เป็นลมหมดสติไป
ภายในร้านขายเครื่องประดับ เมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยขอโทษเถ้าแก่ร้านที่กำลังยืนตกตะลึงอยู่ “ต้องขอโทษเถ้าแก่แทนลูกน้องข้าด้วยที่ทำตัวหยาบคาย ทำให้ท่านต้องหวาดกลัวแล้ว”
ปากของเถ้าแก่ร้านอ้าพงาบๆ เปิดแล้วก็หุบอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ กันหลายที พูดอะไรไม่ออกสักคำ
นานมากทีเดียวก่อนที่ฮูหยินใหญ่จะได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง นางชี้นิ้วไปทางเมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนด้วยเนื้อตัวสั่นระริก วาจาที่เปล่งออกจากปากมีแต่คำขู่และโทสะเต็มเปี่ยม “จะเอาแบบนี้สินะ ก็ได้ พวกเจ้ากล้าทำกับข้าแบบนี้ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ข้าไม่ยอมให้อภัยพวกเจ้าง่ายๆ แน่”
เมิ่งเชี่ยนโยวมิได้แยแสต่อคำขู่ของนางเลย “อืม แบบนี้ก็พอดีเลย ในเมื่อท่านบอกว่าจะไม่ยอมปล่อยพวกเราไปง่ายๆ แบบนี้เรื่องที่เราจะไปเก็บหนี้ที่จวนท่านเสนาบดี เงินห้าหมื่นตำลึงเงินนั้นก็มีหวังแล้ว”
ถูกคนตบหน้าเข้าฉาดใหญ่ ฮูหยินใหญ่เองก็ไม่สนอะไรแล้วเหมือนกัน นางไม่หลงเหลือความกลัวอีกต่อไป กัดฟันแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าเจ้ากล้าไป ข้าจะให้ยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูจวนหักขาเจ้าเสีย”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองไปที่หวงฝู่อี้เซวียน
หวงฝู่อี้เซวียนปลดจี้หยกชิ้นหนึ่งลงจากเอวของเขาจากนั้นก็ส่งมันให้กับกัวเฟย “เจ้ารีบกลับไปที่จวนอ๋อง บอกให้อี้เอ๋อร์ยกกำลังทหารสองร้อยนายไปรอข้าที่หน้าจวนของท่านเสนาบดี”
กัวเฟยขานรับเสียงดัง ไม่นานนักร่างของเขาก็หายลับไป
ฮูหยินใหญ่บัดนี้หน้าซีดเผือด นางจินตนาการถึงสีหน้าของคุณชายใหญ่ออกเลยว่าจะเป็นเช่นไร แน่นอนรวมถึงจุดจบของตัวเองหลังจากนี้ด้วย อย่างไรก็ตามเพื่อรักษาใบหน้าของจวนเสนาบดี นางมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่มีทางยอมปล่อยให้นางเผชิญปัญหาเพียงลำพังโดยเด็ดขาด จึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและมีความมั่นใจมากขึ้น พูดออกไปอย่างเผ็ดร้อนว่า “ข้าจะกลับไปบอกสามีที่จวนว่าพวกเจ้าดูถูกข้าอย่างไร อยากรู้เหมือนกันว่าเงินห้าพันตำลึงเงินนี้พวกเจ้าจะเก็บได้หรือเปล่า”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างดูถูกเหยียดหยาม เตือนออกไปด้วยน้ำเสียงการุณย์ว่า “ฮูหยินใหญ่ท่านนับผิดแล้ว ไม่ใช่ห้าพันตำลึงเงิน แต่เป็นห้าหมื่นตำลึงเงินต่างหาก”
ฮูหยินใหญ่จ้องตอบนางด้วยความโกรธ แต่ก็ไม่กล้าหุนหันพลันแล่นหรือดุด่านางอีก ได้แต่สั่งให้สาวใช้ช่วยพยุงตนขึ้นรถม้าแล้วจากไปด้วยความอับอาย
เมิ่งเชี่ยนโยวกับหวงฝู่อี้เซวียนเองก็ขึ้นรถม้าตามหลังจากนั้น พอนั่งเสร็จก็สั่งให้เหวินเปียวค่อยๆ ขับไปทางจวนเสนาบดีอย่างสบายใจ
กัวเฟยที่ถือจี้คาดเอวของหวงฝู่อี้เซวียนมาถึงหน้าประตูจวนอ๋องฉีด้วยความรวดเร็ว เขาแสดงป้ายให้ยามที่เฝ้าประตูดูแวบหนึ่ง ก่อนจะพุ่งเข้าไปด้านในตรงไปยังเรือนซื่อจื่อโดยตรง จากนั้นก็ถ่ายทอดคำสั่งของหวงฝู่อี้เซวียนให้กับหวงฝู่อี้ที่กำลังทำความสะอาดลานบ้านอยู่อย่างไม่ให้มีตกหล่นแม้แต่คำเดียว
หวงฝู่อี้ได้ยินว่าให้เขายกกำลังทหารไปที่หน้าจวนของท่านเสนาบดีเพื่อเก็บหนี้ก็ตกใจมาก ไม้กวาดที่ถืออยู่ในมือร่วงลงกับพื้นดังตุบ เขาหยิบจี้หยกคาดเอวชิ้นนั้นขึ้นมาดูก่อนรอบหนึ่ง ก่อนจะรีบไปเรียกทหารองครักษ์ทั้งสองร้อยนายให้ตามไปที่จวนของท่านเสนาบดีโดยเร็ว
รถม้าที่เมิ่งเชี่ยนโยวกับหวงฝู่อี้เซวียนนั่งมาขับช้ามาก เพราะเหวินเปียวได้รับคำสั่งมาแบบนี้จึงค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้าทีละนิดทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวมีโอกาสได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ภายนอกผ่านหน้าต่างรถม้าอย่างสบายอกสบายใจ เรื่องที่ว่าไปทวงหนี้อะไรนั่นนางไม่ได้เก็บมาใส่หัวสมองเลย
เหวินเปียวรู้สึกสับสนกับนางไม่น้อย ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมนายสาวเพียงแค่เข้าไปดูเครื่องประดับครู่เดียว กลับออกมาถึงได้กลายเป็นการไปทวงหนี้ผู้อื่นได้ มิหนำซ้ำลูกหนี้ยังกลายเป็นจวนเสนาบดีเสียอีก
หวงฝู่อี้เร่งพาทหารองครักษ์ไปประจำที่หน้าจวนเสนาบดีตามคำสั่งของหวงฝู่อี้เซวียน เขาออกคำสั่งบอกให้ทหารเหล่านั้นรีบวิ่งไปโดยไว และเมื่อพวกเขามาถึงหน้าจวนของท่านเสนาบดี พวกเขาก็พบว่าหน้าประตูไม่มีใครเฝ้าอยู่เลย หัวใจของเขาจมลงชั่วครู่ ใบหน้าที่ซีดเผือดหันไปมองทางกัวเฟยอย่างขอความเห็น
โดยที่ไม่มีใครเห็น กัวเฟยเองก็กำลังตื่นตระหนกอยู่เช่นกัน แต่เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นเขาก็เริ่มกลับมาสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างถี่ถ้วน แล้วเขาก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกพลางกล่าวออกไปว่า “ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ นายท่านน่าจะยังมาไม่ถึง”
หัวใจที่ค้างเติ่งอยู่ของหวงฝู่อี้กลับลงสู่ตำแหน่งเดิม เขาหันไปออกคำสั่งกับทหารสองร้อยนายที่เหลือ จากนั้นก็ยืนคุมอยู่อย่างนั้น รอให้เจ้านายทั้งสองคนมาถึง
คนที่รับหน้าที่เฝ้าประตูจวนเสนาบดีอยู่จู่ๆ เมื่อเห็นว่ามีทหารสองร้อยนายมายืนออกันอยู่ที่หน้าประตูจวน ก็ให้ตกใจจนแข้งขาสั่น รีบวิ่งเข้าไปในจวนแล้วรายงานด้วยสภาพล้มลุกคลุกคลาน
เนื่องจากว่ายามนี้ท่านเสนาบดีกำลังขึ้นท้องพระโรงอยู่ ไม่อยู่ที่เรือน คนที่รับเรื่องจึงกลายเป็นเฮ่อเหลี่ยนไปโดยปริยาย
ฮูหยินใหญ่กลับมาถึงจวนได้สักพักแล้ว นางไม่ยอมให้สาวใช้ช่วยตัวเองแต่งตัวหรือจัดทรงผมให้ใหม่ แต่แบกหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นสีเทากับเศษใบไม้บนหัวไปหาเฮ่อเหลี่ยนทั้งๆ อย่างนั้นแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางฟ้องสิ่งที่ตนเองได้เจอในวันนี้ รวมถึงบอกเขาด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้
เมื่อได้ยินว่าภรรยาของตนเองถูกโยนออกมาจากร้านเครื่องประดับโดยบ่าวรับคนหนึ่งเฮ่อเหลี่ยนก็โกรธมาก สบถออกไปด้วยโทสะว่า “รังแกคนมากเกินไปแล้ว ดีเลย ข้ากำลังหาโอกาสคิดบัญชีกับมันอยู่พอดี ในเมื่ออีกฝ่ายส่งมอบตัวเองมาถึงหน้าประตูจวนเอง แค้นเก่าแค้นใหม่ข้าจะได้ชำระเสียในทีเดียว ข้าจะให้มันมาได้แต่กลับออกไปไม่ได้!”
ฮูหยินใหญ่ดีใจยิ่งนัก ขณะที่กำลังจะสุมเชื้อเพลิงเติมไฟเข้าไปอีกระลอก เสียงร้องตกอกตกใจของคนเฝ้าประตูก็ดังขึ้นที่ด้านนอกลาน “เร็วเข้า รีบไปแจ้งคุณชายใหญ่เร็วว่ามีทหารองครักษ์ของจวนอ๋องฉีกระทำการอุกอาจบุกมายืนเฝ้าถึงหน้าประตูจวนของพวกเรา”
โดยไม่รอให้สาวใช้ได้เข้ามาแจ้งความ เสียงตำหนิของเฮ่อเหลี่ยนก็ดังส่งออกมาเสียก่อน “เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ตื่นตระหนกอันใดกัน อย่างไรพวกมันก็ไม่กล้าบุกโจมตีเข้ามาอยู่แล้ว”
นายประตูหมดคำจะกล่าวไปในทันที
เสียงของเฮ่อเหลี่ยนดังขึ้นอีกครั้ง “ไสหัวกลับไปเฝ้าประตูไว้ อย่าให้พวกมันเข้าใกล้ประตูจวนได้โดยเด็ดขาด”
คนเฝ้าประตูลนลานขานรับ จากนั้นก็วิ่งกลับออกไป
เฮ่อเหลี่ยนเดินออกมาจากห้องแล้วหันไปสั่งบ่าวที่อยู่รอบๆ “เรียกทหารองครักษ์ของจวนมา บอกให้ตามข้าไปที่หน้าประตูจวนเดี๋ยวนี้ ข้าเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าวันนี้มันจะมีปัญญาทวงเงินห้าพันตำลึงเงินไปจากมือข้าได้หรือไม่”
ฮูหยินใหญ่ที่นั่งนิ่งอยู่ในห้องกระพริบตาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตัดสินใจเดินตามออกไป
ไม่นานนักทหารองครักษ์ของจวนเสนาบดีก็มารวมตัวกันครบ พวกเขาเดินตามเฮ่อเหลี่ยนไปที่หน้าประตูจวนอย่างพร้อมเพรียง
และเมื่อเห็นว่าทหารองครักษ์ประจำจวนอ๋องฉียืนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบอยู่ที่หน้าประตูจวนของตนเอง เฮ่อเหลี่ยนก็โบกมือให้กับทหารองครักษ์ทางฝั่งตนบ้าง พวกเขาเข้ามาจัดแถวยืนเรียงอย่างเป็นระเบียบด้วยเหมือนกัน
แต่พอไม่เห็นเงาของหวงฝู่อี้เซวียน เฮ่อเหลี่ยนก็เยาะเย้ยออกไปว่า “ซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องฉีกล้าที่จะทำร้ายผู้หญิงแต่พอเอาเข้าจริงกลับหดหัวเป็นลูกเต่าไม่กล้าออกมาอย่างนั้นเหรอ? ดีแต่ส่งพวกเจ้าที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยมาแทน”
เมื่อได้ยินคำสบประมาทหวงฝู่อี้เซวียนของเฮ่อเหลี่ยน หวงฝู่อี้ก็แค้นใจนัก จึงได้ตอกหน้าเขากลับไปว่า “คุณชายใหญ่แห่งจวนเสนาบดีเองก็เช่นกัน กะอีแค่เงินเพียงห้าหมื่นตำลึงเงินก็ไม่มีปัญญาจ่าย ช่างน่าสงสารน่าสมเพชโดยแท้ ยังมีหน้าออกมาให้ผู้คนหัวเราะเยาะอีก”
เห็นว่ากระทั่งเด็กหน้าเหม็นปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเขากล้าพูดกับตนเองแบบนี้หัวใจของเฮ่อเหลี่ยนก็เต็มไปด้วยความโกรธ เขาสะบัดมือออกไปหนึ่งที สั่งความลงไปว่า “ไปจับไอ้เด็กไม่รู้ความ ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนั้นมาให้ข้า ข้าจะฆ่ามันแล้วแขวนศพมันไว้บนต้นไม้”
องครักษ์หลายนายขานรับอย่างฮึกเหิม จากนั้นก็พุ่งออกไปอย่างก้าวร้าว
กัวเฟยขยับขึ้นไปบังหวงฝู่อี้ไว้ ดันอีกฝ่ายให้ไปยืนอยู่ด้านหลัง
องครักษ์หลายนายจากจวนอ๋องฉีเองก็เป็นเพียงไม้ประดับเสียที่ไหน ดาหน้าขึ้นไปรับการปะทะขององครักษ์จากจวนเสนาบดีทีละคนๆ
ทั้งสองฝ่ายเริ่มเปิดฉากปะทะกันแล้ว จังหวะนี้เองที่เหวินเปียวค่อยๆ ขับรถม้าเข้ามาจอดเทียบอยู่หน้าประตูจวนเสนาบดี
หวงฝู่อี้เซวียนเดินออกมาจากรถม้าอย่างสบายใจ ก่อนจะยื่นมือออกไปแล้วช่วยพยุงเมิ่งเชี่ยนโยวให้ลงจากรถม้า จากนั้นก็มองไปที่ฉากการเผชิญหน้ากันขององครักษ์ทั้งสองฝ่าย ออกปากดุกัวเฟยไปว่า “พวกเจ้าเองก็ใจร้อนเกินไปแล้ว จะไว้หน้าคุณชายใหญ่สักหน่อยก็ไม่ได้ รอให้เขาพูดว่าไม่ให้เงินก่อนสิค่อยเข้าปะทะ”
กัวเฟยกับทหารองครักษ์อีกหลายคนหยุดตอบโต้แล้วถอยเท้ากลับไปทันที
เฮ่อเหลี่ยนโกรธจนแทบกระอัก ตะโกนด่าอีกฝ่ายไปด้วยความโกรธว่า “หวงฝู่อี้เซวียน แม้ว่าเจ้าจะเป็นซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องแต่ก็ใช่ว่าจะสามารถรังแกผู้คนเกินไปได้ กะอีแค่ทำปิ่นปักผมหล่นแตกอันเดียวเจ้ากลับเรียกเงินถึงห้าหมื่นตำลึงเงิน แถมยังจับภรรยาของข้าโยนออกมานอกร้านอีก แบบนี้มันตบหน้าจวนเสนาบดีของข้าชัดๆ วันนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าในเรื่องนี้ให้ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มขึ้นอย่างประชดประชันเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว “ได้ยินถึงความรอบรู้และปราดเปรื่องของฮูหยินใหญ่ผู้สูงศักดิ์แห่งจวนเสนาบดีมานาน ไม่คิดว่ากระทั่งความสามารถในการกลับขาวเป็นดำก็จะเหนือชั้นด้วย”
เฮ่อเหลี่ยนมีหรือจะไม่ได้ยินคำพูดเหน็บแนมจากปากของนาง จึงพูดออกไปอย่างโกรธๆ ว่า “เด็กแพศยาที่มาจากบ้านนอกอย่างเจ้าบังอาจนักที่กล้ามาดูถูกข้า ครั้งที่แล้วเจ้าล่วงเกินข้าไปยังไม่ได้คิดบัญชี วันนี้ยังมาดูถูกภรรยาของข้าอีก ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ คอยดูเถอะว่าข้าจะให้เจ้าตายอย่างไร”
การแสดงออกของหวงฝู่อี้เซวียนนั้นเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงในทันใด น้ำเสียงของเขาเย็นลง “คุณชายใหญ่ช่างกล้าหาญยิ่งนัก ถึงขั้นกล้าดูถูกข่มขู่ผู้หญิงที่ข้ารักต่อหน้าต่อตาข้า เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าลงมือกับเจ้าจริงๆ?”
เฮ่อเหลี่ยนแค่นเสียงฮึใส่ “มันก็แค่ของเล่นเท่านั้น ซื่อจื่อหลงไหลนางถึงเพียงนี้ถึงขั้นกระทำเรื่องไม่สมควรมากมายเพื่อนาง วันนี้ข้าช่วยเจ้ากำจัดนางออกไป ถือว่าเป็นการช่วยปัดเป่าหายนะที่นางจะนำมาสู่เจ้าในอนาคตก็แล้วกัน”
แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดจบ เสียงของหวงฝู่อี้เซวียนก็ดังขัดขึ้นก่อน “กัวเฟย ตบสองครั้ง!”
การตอบสนองกัวเฟยยอดเยี่ยมมาก เขากระโดดไปยืนต่อหน้าเฮ่อเหลี่ยนจากนั้นก็ยื่นมือออกไปตบหน้าอีกฝ่ายซ้ายทีขวาทีชนิดที่ว่าไม่ให้อีกฝ่ายได้หาปฏิกิริยาตอบสนองของตัวเองเจอเลย จากนั้นเขาก็ถอยกลับไปยืนอยู่ด้านข้างของหวงฝู่อี้เซวียนตามเดิม
เฮ่อเหลี่ยนตะลึงงัน
ทหารองครักษ์ของจวนท่านเสนาบดีก็ตะลึงตามไปด้วย
ผู้คนที่มาเฝ้าชมเรื่องสนุกต่างตะลึงยิ่งกว่า
ดวงตาของทหารองครักษ์ฝั่งจวนอ๋องฉีเบิกกว้าง พวกเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งเห็นต่อนี้หน้าเลย
เป็นเวลานานทีเดียวก่อนที่ความโกรธของเฮ่อเหลี่ยนจะพวยพุ่งขึ้นมา เสียงตวาดลั่นฉับพลันดังสะท้อนไปถึงหูทุกผู้คน “หวงฝู่อี้เซวียน วันนี้ไม่ข้าก็เจ้าต้องมีใครตายไปคนหนึ่ง!”
—————————-