ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 269 เจตนา
ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 269 เจตนา
หวงฝู่อวี้ชะงักไป แล้วท่าทางก็นิ่งสงบลงในทันที หลังจากนั้นก็กลับมาเป็นปกติ แล้วแสดงสีหน้าละอายออกมา “ซ้อใหญ่ โถ่ซ้อใหญ่ ก่อนหน้านี้ข้าผิดไปแล้ว วันหลังท่านอยากได้อะไรข้าจะเป็นคนให้ ท่านปล่อยข้าไปเถิด”
เมิ่งเชี่ยนโยวปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย “ไม่ได้ หลายปีมานี้คนที่ผิดต่อข้าถ้าไม่ตายก็หนังถลอกกันทั้งนั้น มีเพียงเจ้า ข้ายังไม่ได้ลงมือ ถ้าหากว่าไม่แก้แค้นเจ้า ข้าต้องนอนไม่หลับเป็นแน่ แล้วมันจะส่งผลไม่ดีต่อเด็กในท้องด้วย”
ให้เมิ่งเชี่ยนโยวตั้งครรภ์อย่างสบายใจเป็นเรื่องใหญ่ในจวนตอนนี้ ถ้าหากว่าเมิ่งเชี่ยนโยวนอนไม่หลับ ส่งผลกระทบต่อเด็กในท้อง ไม่เพียงแต่หวงฝู่อี้เซวียน กระทั่งอ๋องฉีและพระชายาฉีก็จะไม่ลืมความผิดนี้อย่างแน่นอน เมื่อคิดได้เช่นนี้ ความคิดของหวงฝู่อวี้ที่จะมาคิดบัญชีกับเมิ่งเชี่ยนโยวก็ได้หายไป คำพูดที่ออกจากปากก็กลายเป็นคำขอร้องแทน “ถ้าอย่างนั้นท่านก็ต้องช่วยข้าเลือกคนที่ดูดีหน่อยนะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะออกมา หึ “วางใจเถิด ถึงอย่างไรข้าก็เป็นซ้อใหญ่ของเจ้า ไม่ทำร้ายเจ้าแน่นอน”
หวงฝู่อวี้คว่ำปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจกลับไม่พอใจเป็นอย่างมาก บ่นในใจว่า ท่านก็รู้ว่าเป็นซ้อใหญ่ของข้า แล้วยังจะทำเรื่องเช่นนี้อีก
เมิ่งเชี่ยนโยวรับรู้ได้ถึงความในของเขา จึงเอ่ยปากขู่ไว้ว่า “ถ้าหากว่าเจ้ากล้าบ่นข้าในใจล่ะก็ เมื่อข้าอารมณ์ไม่ดีเมื่อไร ไม่แน่ว่าข้าจะหาเมียดีๆ ให้เจ้านะ”
หวงฝู่อวี้กระตุกขึ้นมาทันที พูดปฎิเสธไม่หยุดเลย “ไม่มีๆ ไม่มีแน่นอน ข้าขอบคุณท่านด้วยซ้ำ เหตุใดถึงจะบ่นท่านล่ะ”
“เจ้ารู้ก็ดีแล้ว เจ้าก็โตแล้ว เรื่องอนาคตของเจ้าก็ควรที่จะจัดการให้เรียบร้อยได้แล้ว เจ้าจะได้ไม่เป็นเด็กอยู่อย่างนี้ ไม่เป็นโล้เป็นพาย” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
หวงฝู่อวี้พยักหน้า สภาพไม่ต่อกรใดๆ ทั้งสิ้น “ซ้อใหญ่พูดได้ดีมาก ซ้อใหญ่พูดได้ถูกต้องที่สุด ซ้อใหญ่อยากทำอย่างไรก็ทำเช่นนั้น ไหนๆ วันพรุ่งท่านก็จะให้ข้าแต่งงานอยู่แล้ว ข้าก็จำทำตามท่าน”
“นี่เจ้าพูดเองนะ ตอนแรกข้ากับพี่ใหญ่ของเจ้ายังจะให้เจ้าหมั้นหมายเอาไว้ก่อนเท่านั้น ผ่านไปหนึ่งหรือสองปีค่อยแต่งงาน ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ รอให้ไม่กี่วันนี้เลือกคนได้ก่อน ก็จะเตรียมงานแต่งงานทันที ข้างนอกจะได้ไม่เอาไปร่ำลือกันด้วย ที่ว่าเจ้าไม่มีตัวตนในจวนอ๋องเลย บอกข้ากับพี่ใหญ่ของเจ้าทารุณเจ้า”
“ไม่ๆ” หวงฝู่อวี้โบกมือ เหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าผากไปหมด “ซ้อใหญ่ ซ้อใหญ่ของข้า เมื่อครู่ข้าพูดผิดไปแล้ว ท่านกับพี่ใหญ่ของข้าปรึกษากันน่ะถูกต้องแล้วขอรับ ข้ายังเล็ก ผ่านไปสองปีค่อยแต่งงานก็ยังไม่สาย ถ้าหากมีใครกล้าพูดอะไรไม่ดี ข้าจะไปจัดการมันทั้งตระกูล”
หวงฝู่อี้เซวียนหัวเราะแล้วส่ายหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวก็หัวเราะออกมาเช่นกัน “เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าไม่เต็มใจ ข้ากับพี่ใหญ่ของเจ้าก็จะไม่ฝืน รอให้เจ้าอยากแต่งงานเมื่อใดก็บอกพวกข้าก็แล้วกัน”
หวงฝู่อวี้ยิ้มแย้มดีใจ พยักหน้า “ดีๆ ข้าฟังท่านซ้อใหญ่ขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า แล้วพูดเสริมว่า “แต่ว่า งานแต่งงานนี้จะต้องกำหนดไว้ก่อน”
ถึงตอนนี้ หวงฝู่อวี้ไม่ได้มีทีท่าไม่พอใจแต่อย่างใด “ได้ๆ ซ้อใหญ่ว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น ข้าฟังซ้อใหญ่ทุกอย่าง”
หวงฝู่อี้เซวียนเห็นท่าทางกลัวของเขาอย่างนั้นจึงเอ่ยปาก “เอาล่ะ เจ้าก็วุ่นวายมาทั้งวันแล้ว กลับไปที่จวนจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แล้วมากินข้าวกัน”
นี่เป็นการตบหัวลูบหลังที่สมบูรณ์แบบ หวงฝู่อวี้พยักหน้าด้วยความดีใจ ตอบรับอย่างรื่นเริงว่า “เดี๋ยวข้าจะกลับมาอย่างรวดเร็ว”
พูดจบ ก็วิ่งกลับอย่างรวดเร็ว
หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวมองหน้ากัน แล้วขำออกมาพร้อมกัน
เมื่อวิ่งออกไปนอกลานบ้าน หวงฝู่อวี้ก็เดินช้าลง ได้ยินเสียงหัวเราะของพวกเขา เช็ดเหงื่อบนหน้าผากตน แล้วฝืนยิ้มออกมา แล้วเดินมุ่งหน้าไปที่เรือนของตน
สาวงามเมื่อได้ยินข่าวต่างก็หลั่งไหลเข้ามา เสียงดังกันเสียจนคนในไม่สามารถอยู่ได้อย่างสงบสุข
เกรงว่าจะกระทบกับเมิ่เชี่ยนโยว หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกมา ช่วยทำให้เขาสงบลง “รอให้ผ่านไปอีกสักครึ่งชั่วยาม คนในเมืองก็จะรู้ทั่วกันทุกคน เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราก็จะออกไปบอกให้พวกนางสลายตัว
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า บอกว่า “หวังว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างที่เจ้าคิดไว้”
“โจวอันตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว สองสามีภรรยาราชเลขาได้ตอบรับการแต่งงานของหลินหันเยียนแล้ว แต่งกับญาติจากแดนไกลของฮูหยินราชเลขา เป็นผู้มีความรู้ รูปร่างหน้าตาใช้ได้ บอกว่าไม่รังเกียจที่นางเคยจะแต่งงาน ตอบรับนางเป็นเมียหลวง อีกทั้งยังสามารถมาตระกูลอันที่เมืองหลวงได้” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
“ความหมายของเจ้าก็คือ ราชเลขาหลินสองสามีภรรยาจะให้หลินหันเยียนแต่งงานกับคนที่ไม่ใช่คนเมืองอย่างนั้นหรือ”
“คนในเมืองต่างก็รู้ว่านางกับเจ้าเคยหมั้นหมายกัน ใครจะไปกล้าขอนางอีก เพราะฉะนั้นเรื่องนี้พวกเราก็มีส่วนรับผิดชอบ อีกทั้งอวี้เอ๋อร์ก็มีใจให้กับนาง ข้าเลยคิดวิธีนี้ออกมา”
ตอนนี้คิดๆ ดู ต่อให้ราชเลขาหลินสองสามีภรรยาจะมีแผนในใจแล้ว แต่ว่าหลินหันเยียนนั้นไร้เดียงสา เพื่อที่จะมาขอเมิ่งเชี่ยนโยว ตนจึงต้องยกเลิกงานแต่งงานกับตระกูลหลิน ในเรื่องของชื่อเสียงของหลินหันเยียนนั้นต้องกระทบอย่างแน่นอน ต่อให้นางรับแม่ทัพฉู่เป็นพ่อบุญธรรมก็ตาม ก็ไม่มีใครเต็มใจที่จะขอนาง พูดตามตรง ตนก็มีส่วนรับผิดชอบ คิดเช่นนี้ หวงฝู่อี้เซวียนจึงเอ่ยปากว่า “ให้โจวอันไปสืบว่า ตระกูลของชายผู้นั้นเขาทำอะไร นิสัยใจคอเป็นอย่างไร”
“ไม่ต้อง ในเมื่อวางแผนว่าจะให้คุณหนูหลินแต่งงานกับอวี้เอ๋อร์ เรื่องเหล่านี้ก็ไม่ต้องสืบแล้ว เจ้าคิดหาวิธีกีดกันไม่ให้เขาเข้าเมืองก็พอ”
“เรื่องนี้ง่ายนัก วันพรุ่งข้าจะไปจัดการ”
“หวงฝู่อวี้จัดการตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งกลับมา ทั้งสองคนหยุดพักเรื่องที่คุยเอาไว้เท่านี้ สั่งให้ชิงหลวนขึ้นสำรับ
มีเสียงดีใจของพระชายาฉีดังขึ้นมา “เซวียนเอ๋อร์ โยวเอ๋อร์ พวกเจ้าสองคนออกมาหน่อย” เห็นท่าทางแล้ว หญิงสาวทั้งเมืองน่าจะมากันหมดแล้ว
หวงฝู่อวี้เดินออกมา ตะโกนว่า “เสด็จแม่!”
พระชายาฉีชะงักไป “อวี้เอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงได้อยู่ที่ห้องของพี่ใหญ่เจ้าล่ะ”
“พี่ใหญ่กับซ้อใหญ่ให้ข้ามากินข้าวด้วยขอรับ” หวงฝู่อวี้ตอบ
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเช่นนั้นจึงเดินออกมา ทั้งสองส่งสายตาให้นาง พระชายาฉีกวักมือเรียกหวงฝู่อวี้บอกว่า “มาๆ อวี้เอ๋อร์ แม่จะไปดูสาวงามกับเจ้า ถ้าหากว่ามีคนไหนถูกใจเจ้า วันพรุ่งแม่จะกำหนดวันแต่งงานของเจ้าทันที”
หวงฝู่อวี้ตกใจจนถอยหลังกลับไป พูดด้วยความตระหนกว่า “เสด็จแม่ เมื่อครู่ข้าได้พูดกับซ้อใหญ่ไว้แล้ว ว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับนางขอรับ”
พระชายาฉีจงใจดึงหน้าขรึม ทำเป็นไม่พอใจว่า “ซ้อใหญ่ของเจ้าตอนนี้กำลังท้องกำลังไส้ ไม่ควรคิดมาก อย่างไรให้แม่ช่วยเจ้าเลือกจะดีเสียกว่า”
หวงฝู่อี้อวี้ถอยหลังกลับไปอีก โบกมือบอกว่า “ไม่เป็นไรขอรับ เสด็จแม่ให้ซ้อใหญ่จัดการเถอะ ท่านร่างกายไม่แข็งแรง ตามหลักแล้วต้องพักผ่อนเยอะๆ ถึงจะถูก”
ขั้นนี้แล้ว ถ้าพูดมากไปกว่านี้ หวงฝู่อวี้จะทนไม่ได้จริงๆ เสียแล้ว ไม่แน่อาจจะคิดกลับก็ได้ เมิ่งเชี่ยนโยวจึงหัวเราะออกมาว่า “เสด็จแม่ เรื่องงานแต่งงานของอวี้เอ๋อร์ให้ข้าจัดการเถอะเจ้าค่ะ ข้ารับรองว่าจะหาหญิงสาวที่ดีมาให้กับเขาอย่างแน่นอน”
พระชายาฉีทำเป็นถอยให้ “ก็ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็นั่งไปเถอะ แต่ว่า ห้ามเหนื่อยเกินไปเด็ดขาด ระวังเด็กในท้องของเจ้าด้วย”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ เสด็จแม่ ท่านโปรดวางใจ”
พระชายฉีพยักหน้า แล้วกำชับอีก แล้วจึงหันหลังเดินออกไป
หวงฝู่อวี้ถอนหายใจหนึ่งเฮือก
หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาก็อดขำไม่ได้
กินข้าวเย็นเสร็จ ก็ถามเรื่องโรงงานกับหวงฝู่อวี้ คาดว่าได้เวลาแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนพยุงเมิ่งเชี่ยนโยวออกมาที่หน้าประตูจวน
ถึงแม้ว่าจะคาดการณ์เอาไว้แต่แรกแล้ว แต่ว่าเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ทั้งสองคนก็ตกใจเช่นกัน ถ้าไม่เป็นเพราะเมิ่งเชี่ยนโยวได้เตรียมการไว้แล้วโดยให้ทหารออกมาจัดระเบียบไว้แล้วล่ะก็ เกรงว่าประตูใหญ่ของจวนอ๋องจะโดนอัดจนพังเชียวล่ะ”
มองเข้าไปที่แถวสีดำอันเรียงราย หวงฝู่อี้เซวียนใช้กำลังภายใน พูดตะโกนออกมาให้กับสาวงามทั้งหลายฟัง “วันนี้ดึกแล้ว ทุกคนโปรดกลับไปก่อน วันพรุ่งเมื่อถึงเวลาค่อยมาใหม่”
มีเสียงของความผิดหวังส่งออกมาจากกลุ่มคน แต่ก็ไม่มีใครออกไป
หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้วว “ในเมื่อทุกท่านอยากที่จะเข้ามาในจวนอ๋อง สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือเคารพกฎของจวนอ๋อง พวกเจ้าดึงดันไม่ยอมไป อยากถูกตัดสิทธิ์อย่างนั้นรึ”
คำพูดของเขา ทำให้ผู้คนที่ต่อแถวอยู่หน้าประตูหายไปดั่งสายน้ำ
เสียงของหวงฝู่อี้เซวียนดังขึ้นอีกครั้ง “ไม่ว่าใครก็ห้ามอยู่ที่หน้าประตูจวนทั้งนั้น ถ้าหากว่าตรวจพบตัดสิทธิ์ทันที”
ผู้คนยิ่งหายไปเร็วกว่าเดิม ไม่นาน ทุกคนก็หายไปจนหมด ไม่มีผู้ใดหลงเหลือ
ผู้ดูแลปาดเหงื่อที่หน้าผากตนเอง แล้วถามว่า “ซื่อจื่อ วันพรุ่งคนจะเยอะยิ่งกว่านี้อีก พวกเราจะรับมือเยี่ยงไรดีขอรับ”
“พวกเจ้าทำป้ายไว้ห้าสิบอัน วันพรุ่งก็แจกให้กับหญิงสาวห้าสิบคนแรก ส่วนคนที่มาทีหลัง ให้ทหารบอกให้พวกนางกลับไป รอให้วันต่อไปค่อยมาใหม่” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
ผู้ดูแลตอบรับ
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปที่จวน
จวนอ๋องเงียบสงบ แต่ในเมืองกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ตระกูลขุนนางต่างๆ ที่มีลูกสาว ทุกบ้านล้วนคิดการณ์ใหญ่ ถึงแม้หวงฝู่อวี้คนนี้จะเป็นเพียงแค่ลูกของภรรยารองเท่านั้น แต่ฐานะในจวนอ๋องนั้นสูงส่ง ไม่เพียงแต่เป็นมิตรกับหวงฝู่อี้เซวียน กระทั่งฉู่เหวินเจี๋ยก็ดีกับเขา ให้เขามาเป็นลูกเขยตน ดูท่าแล้ว ถ้าหากว่าลูกสาวของตนแต่งออกไป บ้านของตนไม่เพียงแต่จะได้ดองญาติกับจวนอ๋องแล้ว ไม่แน่อาจจะได้คบค้าสมาคมกับจวนแม่ทัพได้อีกด้วย
หลินหันเยียนที่กำลังดื่มชาอยู่ได้ยินข่าวนี้เข้า ถ้วยชาในมือก็หล่นลงพื้น ตัวนางก็ชะงักไป
และฮ่องเต้ก็ได้ยินข่าวนี้แล้วเช่นกัน ทรงกริ้วเป็นอย่างมาก ทุบลงที่โต๊ะในห้องหนังสือ “ส่งราชโองการออกไป ให้อ๋องฉีเข้าวังมาเดี๋ยวนี้”