ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 276 ความขัดแย้ง
ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 276 ความขัดแย้ง
ท่าทีมีมาดของหวงฝู่ซวิ่นกลับมาแล้ว นั่งตัวตรงอยู่บนเตียง ออกคำสั่งด้วยเสียงเข้ม “เข้ามา”
ขันทีผู้ดูแลเดินเข้ามา พูดด้วยความเคารพว่า “ไท่จื่อ ซื่อจื่อ ข้าเพิ่งจะสั่งคนไปสืบความ เรื่องของคุณชายทั้งสองในวันนี้มีคนยุยงส่งเสริมอยู่เบื้องหลังจริงๆ ขอรับ คนที่อยู่เบื้องหลังเป็นคนขององค์ชายรอง เล่ากันว่าองค์ชายรองไม่อยากไปเจียงหนานแทนไท่จื่อ ทุกข์ใจมาตลอด ถึงได้ใช้โอกาสให้คนไปรังแกคุณชายทั้งสอง”
หวงฝู่ซวิ่นยิ้มอย่างเยือกเย็น “ดูท่าแล้วเหล่าน้องชายของข้าเป็นตัววุ่นวายสร้างเรื่อง แข่งกันสร้างปัญหา”
ในห้องไม่มีใครพูด
หวงฝู่ซวิ่นโบกมือ ขันทีผู้ดูแลถอยออกไป
มองหวงฝู่อี้เซวียน หวงฝู่ซวิ่นถามว่า “เจ้ามีความคิดอย่างไร”
หวงฝู่อี้เซวียนมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่วางแผนร้าย “หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่ง ในเมื่อพวกเขากล้าหาเรื่อง พวกเราจะไม่เล่นด้วยก็ไม่ได้ ใช่ไหมล่ะ ไม่กี่วันนี้เจี๋ยเอ๋อร์และชิงเอ๋อร์จะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ไม่ว่าพวกเขาจะออกไปเผชิญกับความหายนะที่ร้ายแรงอะไร เจ้าเพียงเก็บกวาดในภายหลังก็พอ”
หวงฝู่ซวิ่นคุ้นเคยกับเขามาก ขอเพียงหวงฝู่อี้เซวียนเผยรอยยิ้มแบบนี้ออกมา เช่นนั้นก็รับรองเลยว่าต้องมีคนซวยครั้งใหญ่แล้ว เปิดปากพูดว่า “เจ้าบอกข้ามาก่อน หนามยอกต้องเอาหนามบ่งอย่างไร ข้ารู้ดีว่าต้องทำอย่างไร จะได้ไม่ต้องรอให้เกิดเรื่องก่อน ข้าตั้งตัวรับไม่ทัน ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร”
“ชิงเอ๋อร์ถูกตีจนหัวแตก”
เพียงแค่ประโยคนี้ หวงฝู่ซวิ่นก็เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร ตาโตขึ้นมา ถามยืนยันอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าหมายความว่าให้น้องชายทั้งสองของเจ้าจัดการพวกคนไม่มีอนาคตพวกนั้นทั้งหมดให้เลือดตกยางออก”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ยอมรับและก็ไม่ได้ปฏิเสธ
หวงฝู่ซวิ่นด่าเปิงทันที “เจ้าคนใจดำ แล้วยังจะมาคิดบัญชีกับข้า คนในกั๋วจื่อเจี้ยนเป็นใครกัน เจ้าก็รู้ดีไม่ใช่รึ แล้วจะให้ข้าเก็บกวาด เจ้าฝันไปเถอะ ข้าไม่ไปๆ!”
“ในอนาคตคนที่จะครองใต้หล้านี้คือเจ้า เจ้าแน่ใจรึว่าจะไม่ออกหน้าตอนนี้ เพื่อที่ตัวเองจะได้ดึงคนที่มีความสามารถมาเป็นพวกบ้าง” หวงฝู่อี้เซวียนถามเบาๆ
“อย่าเอาเหตุผลแบบนี้มาโน้มน้าวข้า รู้จักกันมาตั้งหลายปี ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าเป็นอย่างไรรึ เจ้าต้องการให้ข้าเป็นแพะรับบาปแทนเจ้า เจ้าก็เป็นคนดีต่อหน้าเสด็จพ่อ จะบอกเจ้าให้ว่านี่เป็นเรื่องของเจ้าเอง ข้าไม่เกี่ยว การไปเจียงหนานครั้งนี้ ข้าไม่ได้ไป เสด็จพ่อก็ไม่พอใจข้าแล้ว ถ้าหากข้าออกหน้าเก็บกวาด ข้าก็จะถูกเสด็จพ่อด่ายับแน่นอน”
“แล้ว?” หวงฝู่อี้เซวียนก็ถามเขาเบาๆ อีก
“แล้วอะไร ไม่มีคำว่าแล้ว เจ้าฟังคำข้าไม่เข้าใจรึ ก็คือข้าไม่ไป ไม่สนใจ ไม่ถาม เจ้าล้มเลิกความคิดเสียเถอะ” น้ำเสียงของหวงฝู่ซวิ่นมีความหมดสิ้นเรี่ยวแรง
เงยหน้าจ้องมองเขา เห็นเพียงความขลาดกลัวของหวงฝู่ซวิ่น หลบสายตา หวงฝู่อี้เซวียนลุกยืนขึ้น เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
หวงฝู่อวี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ตลอด เพิ่งจะทำความเคารพบอกลาไท่จื่อ
เสียงที่โมโหของหวงฝู่ซวิ่นดังขึ้นอีกครั้ง “นี่มันพฤติกรรมอะไรของเจ้า รีบกลับมาเดี๋ยวนี้นะ”
คำที่หวงฝู่ซวิ่นจะพูดติดอยู่ที่ปาก จะพูดก็ไม่ได้ ไม่พูดก็ไม่ได้
หวงฝู่ซวิ่นไม่ได้สนใจท่าทางของเขา ยังคงตะโกนอยู่ด้านหลังหวงฝู่อี้เซวียน “ถ้าวันนี้เจ้ายังกล้าเดินออกจากตงกงแบบนี้ เจ้าก็คอยดูสิว่าข้าจะสั่งคนให้ไล่น้องชายทั้งสองคนของเจ้าออกจากกั๋วจื่อเจี้ยน”
หวงฝู่อี้เซวียนหยุดลง
หวงฝู่ซวิ่นคิดว่าการข่มขู่ของตนเองได้ผลอย่างที่คิด ดีใจมาก เพิ่งจะอ้าปากพูด เสียงที่เงียบสงบของหวงฝู่อี้เซวียนก็ดังขึ้นมาก่อน “วันนี้เจี๋ยเอ๋อร์และชิงเอ๋อร์ต่างคนต่างได้ที่หนึ่งของวิชาบุ๋นและวิชาบู๊ ถึงได้นำมาซึ่งหายนะในครั้งนี้ เจ้าคิดว่าถ้าหากว่าข้าแนะนำพวกเขาให้เสด็จลุง เช่นนั้นหลังจากนี้พวกเขาก็จะมีอำนาจบาตรใหญ่ในกั๋วจื่อเจี้ยนแล้วใช่หรือไม่”
หวงฝู่ซวิ่นโดนตอกหน้าหงาย เขาไม่คิดว่าเด็กจากชนบทสองคนนั้นจะมีความสามารถมากขนาดนี้จริงๆ ต้องรู้ว่าลูกหลานในกั๋วจื่อเจี้ยนไม่ได้ร่ำรวยกันหมด ก็มีบางส่วนที่มีความสามารถจริงๆ มีบางคนถูกที่บ้านอบรมสั่งสอนตั้งแต่เด็ก ความรู้ไม่ได้ด้อยไปกว่าลูกของฮ่องเต้ที่ได้รับการอบรมสั่งสอนจากอาจารย์ของฮ่องเต้เลย และในตอนแรกที่หวงฝู่อี้เซวียนแนะนำเด็กสองคนนี้ เขาไม่ได้ใส่ใจอะไร เพียงแค่ไว้หน้าหวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวก็เท่านั้น ดังนั้นเขาไม่ได้ส่งคนไปดูแลพวกเขาทั้งสองเป็นพิเศษ และก็ไม่ได้ส่งคนไปถามเรื่องของพวกเขาเหมือนกัน พูดตามตรง ถ้าวันนี้หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้มาหา เขาก็ลืมทั้งสองคนไปแล้ว
ตอนนี้ได้ฟังที่หวงฝู่อี้เซวียนพูด เขาตกใจไม่น้อย เด็กทั้งสองเข้ากั๋วจื่อเจี้ยนได้ไม่เท่าไหร่ คิดไม่ถึงว่าจะได้ที่หนึ่งในวิชาบุ๋นบู๊ ต่อไปต้องเป็นคนที่มีความสามารถที่ใช้การได้แน่นอน ถ้าหากว่าตัวเองมัดใจพวกเขาได้ หลังจากนี้ไม่กี่ปี พวกเขาก็สามารถช่วยตนเองได้ คิดถึงตรงนี้ เปลี่ยนน้ำเสียงถาม “ที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงหรือ พวกเขาได้ที่หนึ่งจริงๆ หรือ”
หวงฝู่อี้เซวียนมองเขาด้วยสายตาที่บอกว่าเขาคือคนโง่
หวงฝู่ซวิ่นเข้าใจแล้ว ถูกตอกหน้าหงายอีกครั้ง
หวงฝู่อวี้ตกใจจนพูดไม่ออก เพียงแต่ยืนอึ้งอยู่กับที่ มองหวงฝู่อี้เซวียน แล้วหันไปมองหวงฝู่ซวิ่น แล้วก็หันมามองหวงฝู่อี้เซวียน……
หวงฝู่ซวิ่นเปิดปากถาม “รู้ไหมว่าใครทำ”
หวงฝู่อี้เซวียนหันตัวกลับมาอย่างช้าๆ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างช้าๆ พูดตอบกลับอย่างช้าๆ “ไม่ว่าเป็นใคร กล้ามารังแกพวกเขา ก็ต้องชดใช้ แต่ว่าข้าและโยวเอ๋อร์จะไม่ลงมือ ให้พวกเขาทั้งสองจัดการเอง ไม่ว่าพวกเขาจะโดนทำร้ายจนเละ หรือว่าทำร้ายคนอื่นจนเละ พวกเราจะไม่ยุ่ง”
“พวกเขาทั้งสองคนเป็นคนตระกูลเมิ่งใช่ไหม คงไม่เหมือนกับเจ้าที่ตระกูลเมิ่งเก็บมาหรอกนะ” หวงฝู่ซวิ่นขมวดคิ้วถาม
เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าถ้าทั้งสองคนนี้เป็นน้องชายแท้ๆ ของเมิ่งเชี่ยนโยว นางทำใจปล่อยให้พวกเขาทั้งสองคนไปจัดการคนเยอะขนาดนั้นได้อย่างไร ต้องรู้ว่าเสือที่เก่งยังสู้ฝูงหมาป่าไม่ไหวเลย เด็กอายุสิบเอ็ดสิบสองสองคน จะสามารถเอาชนะคนเยอะขนาดนั้นได้หรือ เห็นกันชัดๆ อยู่ว่าเสียเปรียบ
“เจี๋ยเอ๋อเป็นน้องชายแท้ๆ ที่เกิดจากแม่เดียวกันกับโยวเอ๋อร์ ชิงเอ๋อร์เป็นลูกของอาสี่ของนาง แต่ว่าก็เกือบจะโตมาในสายตาโยวเอ๋อร์ ไม่ต่างกับน้องชายแท้ๆ ของนาง” หวงฝู่อี้เซวียนพูด
หวงฝู่ซวิ่นไม่ค่อยเข้าใจ พูดว่า “ได้ยินว่าความสัมพันธ์ของพี่น้องและครอบครัวนางดีมากๆ เช่นนั้นนางทำใจปล่อยให้น้องชายของนางสองคนไปต่อสู้กับคนเยอะๆ แบบนั้นได้อย่างไร ต้องรู้ว่าพวกคนกลุ่มนี้ในกั๋วจื่อเจี้ยนไม่มีทางเล่นงานเบาๆ”
หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มเล็กน้อย “เพราะว่าโยวเอ๋อร์เชื่อว่าพวกเขาสองคนไม่มีทางเสียเปรียบมาก ที่วันนี้เสียเปรียบ ก็เพราะว่าไม่มีความมั่นใจ ไม่กล้าลงมือหนักเกินไป ตอนนี้มีข้าและโยวเอ๋อร์หนุนหลัง เจ้ารอดูเถอะ ผลลัพธ์จะทำให้เจ้าตะลึงมากแน่ๆ”
หวงฝู่ซวิ่นในใจมีข้อสงสัย พยักหน้า “ได้ ข้าตกลงจะช่วยจัดการกับเรื่องที่จะตามมาที่หลัง เพียงแต่ข้าพูดไว้ก่อนเลยนะว่าถ้าหากพวกเขาไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างที่เจ้าพูด ครั้งหน้ามีเรื่องอีก ข้าไม่เพียงแต่จะไม่สนใจ ต่อไปข้าก็จะไม่ส่งคนไปดูแลพวกเขาด้วย”
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า ไม่พูดถึงหัวข้อนี้อีก แต่ชี้ไปที่หวงฝู่อวี้ “ต่อไปงานข้างนอกจวนก็ส่งต่อให้อวี้เอ๋อร์ดูแลแล้ว ถึงเวลาคนของเจ้าจะได้เดินสะดวก”
หวงฝู่ซวิ่นนิ่งไปครู่หนึ่ง อ้าปากจะพูดอะไรหน่อย แต่หลังจากมองหวงฝู่อวี้ ก็ไม่อยากพูดอะไร ยิ้มแล้วก็พูดว่า “ยินดีด้วยนะน้องอวี้”
หวงฝู่อวี้รีบประสานมือขอบคุณ
หลังจากคุยกันเสร็จ หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่ได้ทำความเคารพ ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
หลังจากที่หวงฝู่อวี้ตกใจอีกครั้ง รีบทำความเคารพและตามออกไป
มองดูพวกเข้าทั้งสองจากด้านหลัง หวงฝู่ซวิ่นมีความรู้สึกที่พูดไม่ออก ตัวเองเกิดเป็นเชื้อพระวงศ์ เติบโตในราชสำนัก ตั้งแต่เด็กเสด็จแม่ก็คอยกระซิบกระซาบสั่งสอนอยู่ข้างหู เขาคือไท่จื่อ เป็นฮ่องเต้ในอนาคต เป็นตำแหน่งที่เหล่าลูกฮ่องเต้แย่งชิงอยากจะได้ นอกจากเสด็จพ่อและตัวเขาเอง เขาไม่สามารถเชื่อใครได้ เขาจำและทำตามแล้ว แต่ว่าก็กลายเป็นผู้โดดเดี่ยวเดียวดายคนหนึ่ง จนหวงฝู่อี้เซวียนปรากฏตัวขึ้น เหมือนกับเขาได้เจอกับของเล่นอย่างไรอย่างนั้น แหย่เขา ทำให้เขาโกรธ ชกต่อยกับเขา และเถียงกับเขา เหมือนว่าได้เข้าใจถึงความเป็นครอบครัวและความสนุกสนานของความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องขึ้นมานิดหนึ่ง แต่เห็นภาพที่สองคน คนหนึ่งอยู่หน้า คนหนึ่งอยู่หลังเดินออกไป คิดดูว่าหวงฝู่อี้เซวียนยกทรัพย์สินให้หวงฝู่อวี้ดูแลโดยที่ไม่แย่งกัน เขาถึงได้เข้าใจว่านี่ถึงจะเรียกว่าพี่น้องแท้ๆ คือคนที่จะคอยประคองกันไปตลอดชีวิต
ออกจากตงกง ทั้งสองคนรีบขึ้นรถม้า คนขี่รถม้าควบม้ากลับหนานเฉิง ระหว่างทาง หวงฝู่อวี้มองหวงฝู่อี้เซวียนไม่หยุด เหมือนกับว่ามีอะไรจะพูด
“ข้ารู้จักกับไท่จื่อตั้งแต่กลับมาปีนั้นแล้ว” เหมือนว่าเข้าใจความสงสัยของเขา หวงฝู่อี้เซวียนอธิบาย แล้วก็พูดกำชับตามหลังว่า “จำไว้ว่าเรื่องนี้ห้ามพูดให้คนนอกฟังเด็ดขาด”
“ทำไมล่ะขอรับ” หวงฝู่อวี้ถามเสียงเบาด้วยความไม่เข้าใจ “พี่และไท่จื่อรู้จักกันเป็นเรื่องดี ทำไมถึงห้ามไม่ให้คนนอกรู้ล่ะ”
มองเขา แล้วเลิกมอง “นี่ไม่ใช่คำถามที่เจ้าควรถาม เจ้าแค่ต้องจำไว้ว่าห้ามพูดเรื่องนี้ออกไปก็พอแล้ว”
หวงฝู่อวี้ไม่ได้ถามต่อ รีบพยักหน้าทันที “ทราบแล้วขอรับ พี่ใหญ่”
ทั้งสองมาถึงหนานเฉิง ฟ้ามืดหมดแล้ว ข้าวเย็นก็ทำเสร็จแล้ว เมิ่งชื่อลงครัวทำอาหารที่คนในบ้านชอบกินด้วยตัวเอง
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้พูดอะไร หวงฝู่อวี้ก็หน้าด้านอยู่กินข้าวเย็นด้วยเป็นปกติ
หนานเฉิงห่างจากจวนอ๋องฉีไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ว่าฟ้ามืดแล้ว เมิ่งชื่อกลัวว่าระหว่างทางพวกเขาจะเกิดเรื่อง แล้วก็กลัวว่าเมิ่งเชี่ยนโยวไปกลับจนเหนื่อย ก็เลยให้พวกเขาพักที่นี่
อยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชียนโยวไม่ได้มีความเห็นต่าง ยินยอมค้างคืน สั่งให้หวงฝู่อวี้ กลับจวน “เจ้าบอกกับเสด็จแม่หน่อยว่าข้าและโยวเอ๋อร์ค่อยกลับไปพรุ่งนี้”
หวงฝู่อวี้ที่กินข้าวฟรีจนอิ่มพยักหน้าตอบรับ หลังจากที่บอกลากับคนตระกูลเมิ่ง นั่งรถม้ากลับจวนอ๋องฉีอย่างดีใจ
ทุกวันหลังอาหาร เดินเล่นที่ลานบ้านเป็นเพื่อนเมิ่งเชี่ยนโยวจนชินแล้ว วันนี้ทั้งสองคนก็ไม่งดเว้น อยู่คุยกับเมิ่งชื่อทั้งวัน หลังจากนั้นหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็ออกมาจากห้องเมิ่งชื่อ มาเดินเล่นอยู่ลานบ้านด้านนอก
อาการแพ้ท้องไม่กี่วันมานี้ไม่ได้ร้ายแรงอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้น ก็เป็นธรรมดาที่อารมณ์ของหวงฝู่อี้เซวียนก็ดีตามไปด้วย ทั้งสองจูงมือกัน เดินเล่นอยู่ที่ลานบ้านแบบไม่รีบไม่ร้อน หลังจากที่เดินไปหลายรอบ ก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันแว่วๆ
ตอนแรกทั้งสองไม่ได้สนใจ คิดว่าคนรับใช้ในจวนทะเลาะกันเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ว่าค่อยๆ เสียงของการโต้เถียงกันนั้นยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ และเสียงนั้นก็เป็นเสียงที่ทั้งสองคุ้นเคยดี
ผู้หญิงถาม “เจ้าพูดสิ เจ้าจะไปสู่ขอกับนายท่านตอนไหน”
ผู้ชายไม่ได้ตอบ
เหมือนว่าผู้หญิงร้อนใจมาก พูดข่มขู่ว่า “ข้าจะบอกเจ้าให้ ถ้าหากเจ้ายังปฏิเสธข้าด้วยข้ออ้างต่างๆ นาๆ อีก ข้าก็จะไปฟ้องนายหญิงว่าเจ้าได้ข้าแล้วก็ทิ้ง ไม่รับผิดชอบข้า”
นี่เป็นเสียงของจูหลี เมิ่งเชี่ยนโยวตาโต มองหวงฝู่อี้เซวียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หวงฝู่อี้เซวียนก็ตกใจมาก ส่ายหัวไปมากับนาง บอกเป็นนัยว่าอย่าพูด ให้ฟังต่อไป
ครู่ใหญ่ๆ เสียงผู้ชายที่กลัดกลุ้มใจก็ดังขึ้นมา “ตอนนี้ข้าเป็นแบบนี้ ไม่คู่ควรกับเจ้า เจ้าทำไมจะต้องดื้อกับข้าอีก”
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเสียงของกัวเฟย เมิ่งเชี่ยนโยวตาโตเข้าไปอีก เกือบจะพลั้งปากตะโกนออกมา
เสียงโกรธแค้นของจูหลีดังขึ้น “ข้าดื้อรั้น ใครกันที่ทำให้เกิดเรื่องในตอนแรก ใครกันที่หน้าด้านไร้ยางอายจะมาคบหา ตอนนี้บอกไม่คู่ควรกับข้า สายไปแล้ว ข้ามีสองทางเลือกให้เจ้า ทางเลือกที่หนึ่งเจ้าไปบอกกับนายหญิงเอง อีกทางเลือกหนึ่งข้ารายงานนายหญิง ให้นายออกคำสั่ง เจ้าเลือกสักทางเถอะ”
กัวเฟยลุกลี้ลุกลน “จูหลี เจ้าฟังข้า ตอนนี้นายหญิงท้องอยู่ ห้ามให้นางคิดมากเรื่องของเราอีกเด็ดขาด”
“หาข้ออ้างอีกแล้ว เจ้าเผชิญหน้ากับใจตัวเองอย่างซื่อสัตย์ไม่ได้เลยหรือ” จูหลีพูดด้วยความโกรธนิดหนึ่ง
กัวเฟยถอนหายใจ “จูหลี เจ้าเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง ตอนนั้นข้าเข้าหาเจ้า ก็เพราะข้าคิดว่าตัวเองคู่ควรกับเจ้า แต่ว่าเจ้าดูข้าตอนนี้ แขนขาดไปข้างหนึ่ง เกือบจะเป็นเพียงคนพิการคนหนึ่ง โชคดีที่นายหญิงมีเมตตา ยังเก็บข้าไว้ แต่ชีวิตของข้าก็เป็นได้แค่คนขี่รถม้าแล้ว ทำไมเจ้าจะต้องมารับความทุกข์ยากกับข้าด้วยล่ะ”
เสียงของจูหลีดังขึ้นมานิดหนึ่ง “ข้าเคยบอกเจ้ากี่รอบแล้ว ข้าไม่สนใจ ข้ามองที่ตัวตนของเจ้า ทำไมเจ้าถึงไม่เข้าใจนะ”