ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 30-2
ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 30-2 จุดประกายความหวัง
วินิจฉัยอยู่เป็นเวลานานดีเดียว ในที่สุดเหวินซื่อก็อดใจไม่ไหว ถามเมิ่งเชี่ยนโยวออกไปทันทีหลังจากที่นางปล่อยมือจากฮูหยินเหวิน
เหวินซื่อกลืนน้ำลายลงท้องไป รอคอยคำตอบอย่างมีความหวัง “เป็นอย่างไรบ้าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง
หัวใจแห่งความหวังของเหวินซื่อที่เพิ่งจะลุกโชนขึ้นมาดับมอดลงไปอีกครั้ง
และแม้ว่าฮูหยินเหวินจะผิดหวังมาก แต่นางก็ยังคงยิ้มแล้วมองเมิ่งเชี่ยนโยวไปด้วยสายตาปลอบประโลม “ไม่เป็นไรหรอก ผ่านมาก็นานแล้ว ข้าเองก็เริ่มทำใจได้แล้ว อีกอย่างข้าได้หาหญิงงามมาให้เขาเรียบร้อยแล้ว รอเขาเลือกได้จะให้รับเข้ามาเป็นอนุทันที แบบนี้รอเด็กเกิดมาเมื่อไหร่ค่อยให้เขาใช้นามของข้า ให้เป็นบุตรของข้าก็ได้”
เหวินซื่อขมวดคิ้วด้วยความทุกข์ใจ ปวดใจจนทำอะไรไม่ถูกไม่รู้จะพูดอย่างไรดี “ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าได้พูดถึงเรื่องรับอนุอีก ไม่มีลูกก็เห็นจะเป็นไรเลย ตราบใดที่มีเจ้าอยู่เคียงข้างข้า พวกเราใช้ชีวิตกันอย่างสงบเรียบง่ายต่อไปเช่นนี้ก็พอแล้ว”
ฮูหยินเหวินเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วพูดออกไปว่า “ในความกตัญญูสามประการ การไม่มีบุตรคือเรื่องที่หนักหนามากที่สุด จะให้ข้าเห็นแก่ตัวแล้วปล่อยให้ท่านไร้ทายาทสืบทอดต่อไปได้อย่างไร แบบนี้คนคงได้เอาไปร่ำลือกันถึงไหนต่อไหน”
เมิ่งเชี่ยนโยวยกมุมปากขึ้น พูดติดตลกไปกับพวกเขาทั้งสองไปว่า “ทั้งสองท่าน ข้ายังนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้นะ แถมยังเป็นสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือนอีกด้วย รบกวนอย่าแสดงความรักต่อหน้าข้าอย่างเปิดเผยเช่นนี้ได้หรือไม่”
ฮูหยินเหวินหน้าแดงก่ำไปในทันที
เหวินซื่อถลึงตาจ้องนางเขม็ง พูดออกไปว่า “ยัยเด็กน่าตาย กล้าหยอกล้อพวกเรา อยากถูกตีใช่หรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวยืดตัวขึ้น แสร้งทำเป็นถอนหายใจแล้วพูดกับฮูหยินเหวินไปว่า “พี่สะใภ้ บุรุษผู้นี้นิสัยแย่ยิ่ง พอท่านพูดกับเขาเรื่องรับอนุ เขาก็ไม่สนเรื่องรักษาท่านอีกแล้ว”
หลังจากคำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยวจบลง เหวินซื่อก็พูดแทรกขึ้นในทันที “ยัยเด็กน่าตาย ใครบอกว่าข้าไม่อยากรักษานาง…” ถึงตอนนี้เขาเพิ่งรู้สึกตัวขึ้นมา ดวงตาทั้งสองข้างจ้องไปทางเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ถามออกไปด้วยหัวใจที่สั่นรัวว่า “เจ้าหมายถึง…”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหัวทันที “ข้าไม่ได้พูดอะไรนะ”
ฮูหยินเหวินฟังออกถึงน้ำเสียงที่แปลกแปล่งไปของนาง พลันก็ผุดลุกขึ้น มองไปทางเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยความไม่อยากจะเชื่อด้วยเหมือนกัน “แม่นางเมิ่ง เจ้ากำลังจะบอกข้าว่าโรคของข้าสามารถรักษาหายได้อย่างนั้นหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มและส่ายหัวให้ “ถ้าเป็นเมื่อสักครู่ละก็ข้ายังคิดวิธีรักษาออกอยู่ แต่พอได้ยินตาแก่สามีของท่านเดี๋ยวก็เรียกข้ายัยเด็กน่าตาย ตอนนี้จู่ๆ ก็ลืมวิธีรักษาขึ้นมาเสียอย่างนั้น”
ได้ยินนางพูดแบบนี้ฮูหยินเหวินก็ถือเป็นจริงจังขึ้นมาทันที ดวงตาเรียวตวัดไปทางเหวินซื่ออย่างดุๆ คราวนี้นางไม่ได้เรียกอีกฝ่ายสามีอีกแล้ว แต่ขุดทั้งชื่อทั้งแซ่ของบรรพบุรุษเขาขึ้นมาเรียกเลยว่า “เหวินซื่อ รีบขอโทษแม่นางเมิ่งเดี๋ยวนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดหัวเราะดัง “พรืด” ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะก้อง อั้นเอาไว้ไม่ไหวอีก
เหวินซื่อไม่มีทางขอโทษนางอยู่แล้ว แต่ตำหนินางออกไปแทน “ยัยเด็กน่าตาย รู้วิธีรักษาก็ไม่รีบพูดมาตั้งแต่แรก ทำเอาพวกเรารู้สึกผิดหวังกันไปอีกรอบ”
ฮูหยินเหวินเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะออกมาเสียงดัง ถึงเพิ่งได้รู้ว่าเมื่อสักครู่เมิ่งเชี่ยนโยวจงใจหยอกพวกนางเล่น ร่างบางถอนหายใจออกอย่างโล่งอก โน้มตัวขึ้นไปข้างหน้าถามนางไปด้วยความลนลานว่า “แม่นางเมิ่ง โรคของข้านี้รักษาได้จริงหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บเอาความตลกทั้งหมดกลับไป พยักหน้าตอบกลับไปอย่างจริงจัง แต่แล้วก็ส่ายหัวให้พวกเขาเบาๆ
ฮูหยินเหวินกับเหวินซื่อมองคำตอบของนางด้วยความงงงวยนัก ทั้งสองหันมามองหน้ากันแวบหนึ่ง แล้วก็เป็นเหวินซื่อที่เป็นฝ่ายเปิดปากถามออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “เจ้าทั้งพยักหน้าและส่ายหน้าเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไรช่วยอธิบายให้พวกข้าเข้าใจที แบบนี้พวกข้าเป็นกังวลมากนะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบเขาไปว่า “ที่ข้าพยักหน้า เป็นเพราะว่าโรคของพี่สะใภ้นั้นยังมีหนทางรักษา แต่ที่ข้าส่ายหัวเป็นเพราะไม่มั่นใจว่าจะรักษาจนหายขาดได้หรือไม่ ข้ากลัวว่าพวกท่านจะต้องผิดหวังกันซ้ำอีก”
“ไม่ ไม่ ไม่” ฮูหยินเหวินโบกมือด้วยความยินดี “ก่อนหน้านี้ท่านหมอเคยบอกข้าแล้วว่าโรคที่ข้าเป็นอยู่นี้ไม่มีหวังจะรักษาอีก ข้ายอมรับความจริงเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว ถือเสียว่าเห็นม้าตายรักษาดุจม้าเป็น[1] หากว่าเจ้ารักษาได้จริงๆ เจ้าจะเป็นผู้มีพระคุณของพวกเราทั้งสองไปตลอดชีวิต แต่หากว่ารักษาไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร พวกเรายังคงรู้สึกขอบคุณเจ้าเสมอ”
เหวินซื่อพยักหน้าสำทับไปอีกแรง “ฮูหยินของข้าพูดถูก เจ้ารักษาอย่างวางใจเถิด ไม่ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นเช่นไร อย่างไรพวกเราก็รู้สึกขอบคุณเจ้าอยู่ดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าให้พวกเขา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะขอลองดูสักตั้ง แต่ว่าขั้นตอนการรักษานั้นเจ็บปวดมากนะ ไม่รู้ว่าพี่สะใภ้จะทนไหวหรือไม่”
ฮูหยินเอ่ยสัญญาออกไป “เจ้าวางสายเถิด ตราบใดที่ยังมีความหวังที่จะรักษาอาการป่วยนี้ให้หาย เจ็บปวดหรือทุกข์ทรมานเพียงใดข้าก็ทนได้”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นหลายวันนี้ข้าจะขอกลับไปเตรียมของที่ต้องใช้รักษาก่อน ถึงเวลานั้นแล้วค่อยส่งคนนำจดหมายไปให้พวกท่าน พี่สะใภ้ท่านก็ให้คนที่เชื่อถือได้พามารักษาที่จวนข้าก็แล้วกัน” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวออกไป
ทว่าฮูหยินเหวินกลับรู้สึกเกรงใจและคิดว่าไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก จึงได้ปฏิเสธออกไป “ในเมื่อรักษาอาการป่วยให้ข้า การไปรับการรักษาถึงจวนของเจ้านั้นคงจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เอาแบบนี้เป็นอย่างไร เมื่อไหร่ที่เจ้าเตรียมของเสร็จแล้วก็ส่งคนนำจดหมายมาให้พวกเรา แล้วข้าจะให้บ่าวไปรับเจ้ามาที่จวนของพวกข้า เรือนของพวกข้านั้นคนเยอะนัก ต้องการอะไรเพียงแค่สั่งการลงไปประเดี๋ยวเดียวของที่ต้องการก็จะมากองอยู่ตรงหน้าพร้อมสรรพ”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือให้พร้อมกล่าวปฏิเสธ “พี่สะใภ้ท่านก็รู้ว่าข้ามาจากบ้านนอก ให้เข้าไปในจวนหลังใหญ่หรูหราแบบนั้นเกรงว่าจะไม่ชินเท่าไหร่ มารักษาที่จวนของข้าเถิด นั่นดีที่สุดแล้ว จวนของข้าคนน้อย แต่ก็สะอาดและเงียบสงบ เหมาะสำหรับการใช้รักษาโรคของท่านเป็นอย่างดี แน่นอนว่าก็สะดวกกับข้าด้วย”
แต่เดิมฮูหยินเหวินยังคิดว่าแบบนี้เป็นการรบกวนเมิ่งเชี่ยนโยวจนเกินไป จึงไม่เห็นด้วยหากจะต้องไปถึงจวนของนาง แต่พอได้ยินคำที่นางกล่าวมา ก็ไม่ปฏิเสธอีก ตอบกลับไปว่า “ได้ เอาตามที่เจ้าว่า ข้าจะไปที่จวนของเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงใจเย็นสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “อาการป่วยของพี่สะใภ้นั้นยังจำเป็นต้องใช้สมุนไพรอีกหลายตัวมาช่วยเสริม ประเดี๋ยวข้าจะเขียนรายการสมุนไพรที่ต้องใช้ลงไปให้ ท่านก็ให้คนไปจัดหามาก็แล้วกัน”
เรื่องราวเกี่ยวพันถึงอีกหน่อยตนจะมีลูกได้หรือไม่ ทุกการกระทำของฮูหยินเหวินจึงเป็นไปด้วยความระมัดระวัง เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างไรออกมา นางก็ไม่มีท่าทีว่าจะคัดค้านสักนิด
เหวินซื่อเดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะบัญชี หยิบพู่กันและกระดาษขึ้นมาก่อนจะส่งมันมาไว้ตรงหน้าหญิงสาว
เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบพู่กันขึ้นมา จากนั้นก็ตวัดเขียนรายการสมุนไพรหลายอย่างลงไปบนกระดาษแล้วส่งมันให้กับฮูหยินเหวิน
ฮูหยินเหวินรับใบสั่งยาแผ่นนั้นมาอย่างระมัดระวัง
โดยไม่รีรอชักช้า นางรีบลงไปจัดยาที่ชั้นล่างทันที
เมื่อได้ยินว่าเสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายเดินลงไปจนถึงชั้นล่างแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็เก็บรอยยิ้มน้อยๆ นั้นกลับมา สีหน้าจริงจังไม่มีวี่แววของการล้อเล่นอีก “ตรวจสอบเรือนของเจ้าสักหน่อยเถิด อาการป่วยของพี่สะใภ้นั้นหาได้ง่ายดายอย่างเช่นที่เห็นภายนอกไม่”
เหวินซื่อกลับเข้าใจว่านางหมายถึงอะไร จึงได้ขมวดคิ้วแล้วถามออกไปว่า “ไยถึงพูดเช่นนี้”
“ก่อนที่พี่สะใภ้จะให้กำเนิดเด็กทารกนางถูกวางยาพิษมาก่อนแล้ว แล้วก็ด้วยพิษนี้แหละที่ทำให้เด็กในครรภ์ถึงแก่ชีวิต ทำให้ร่างกายของนางเสียหายอย่างหนักถึงขั้นไม่อาจมีลูกได้อีก แล้วก็ข้ายังพบอีกว่าพิษส่วนนั้นยังคงหลงเหลืออยู่ในร่างกายของนาง นี่ต่างหากถึงจะเป็นสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้นางไม่อาจตั้งครรภ์ได้” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบเขาไป
เหวินซื่อหลังจากที่ได้ฟังก็ถอนหายใจคล้ายคนโล่งอก เขาบอกนางไปว่า “เรื่องนี้ข้ารู้อยู่แล้ว ตอนที่เด็กเกิดมาแล้วไม่มีชีวิตข้าก็ได้สั่งคนให้ลงไปตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว เป็นนางที่เผลอทานอาหารมีพิษไปโดยไม่ตั้งใจถึงทำให้เด็กตาย อย่างไรก็ตาม ข้าไม่เคยได้ยินฮูหยินพูดมาก่อนว่าในร่างกายของนางมีพิษร้ายอยู่”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหัว “ท่านผิดแล้ว พิษนี้ไม่ใช่นางเผลอทานลงไปโดยไม่ตั้งใจ แต่เป็นพี่สะใภ้ทานอยู่ทุกวันวันละเล็กละน้อย สุดท้ายจึงนำไปสู่ผลลัพธ์เช่นนี้”
เหวินซื่อหันหน้าไปมองนางทันที สีหน้ามืดครึ้มลงอย่างเห็นได้ชัด
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าให้เขาอีกครั้งเป็นการยืนยัน
กลิ่นอายชั่วร้ายเย็นเยียบฉับพลันแผ่ออกมาจากร่างของเหวินซื่อไม่หยุด
“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมข้าถึงให้พี่สะใภ้ไปรักษาตัวที่จวนของข้า หนึ่งก็เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องนี้จะรั่วไหลไปถึงหูของคนที่วางยาพิษนาง กลัวว่าหลังจากที่แก้พิษแล้วนางจะถูกวางยาอีกครั้ง สองก็เพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขพวกนั้นกระโดดกำแพงหนีไป หรือไม่ก็เลือกวิธีการที่โหดร้ายยิ่งกว่านี้มาลงมือกับพี่สะใภ้ ดังนั้นแล้ว คนที่จะพานางไปรักษาอาการป่วยที่จวนของข้าจะต้องเป็นคนที่พวกท่านทั้งสองไว้ใจและเชื่อใจเท่านั้น” เมิ่งเชี่ยนโยวเตือนเขา
เหวินซื่อพยักหน้าให้กับนาง สีหน้าซาบซึ้งขอบคุณส่งตรงมาจากหัวใจ “ขอบใจเจ้ามาก”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือให้เขาน้อยๆ “เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับข้ายังต้องพูดคำนี้อยู่อีกหรือ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เจ้าต้องทำก็คือรีบกลับไปที่จวนแล้วหาตัวผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังออกมา กำจัดภัยอันตรายที่แฝงตัวอยู่รอบกายนางเสีย มิฉะนั้นแล้วแม้ข้าจะช่วยนางได้ในครั้งนี้ แต่ว่าครั้งหน้าใช่ว่าจะโชคดีเช่นนี้อีกไม่”
เหวินซื่อกล่าว “ข้ารู้แล้ว เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล เพียงตั้งใจรักษานางให้หายก็พอ สำหรับส่วนอื่นๆ ที่เหลือ ข้าจะจัดการเก็บกวาดทั้งหมดให้เสร็จในเร็ววัน”
พี่สมควรพูดนางก็พูดไปจนหมดแล้ว อย่างอื่นนางก็ช่วยอะไรไม่ได้มากอีกดังนั้นแล้วเมิ่งเชี่ยนโยวจึงเงียบไปไม่ได้พูดต่อให้มากความ
เวลานี้เองฮูหยินเหวิน ที่ลงไปจัดยาก็กลับเข้ามาในห้อง
ได้ยินเสียงฝีเท้าของนางที่วิ่งขึ้นมายังชั้นบน เหวินซื่อก็เก็บกลิ่นอายชั่วร้ายรอบตัวพวกนั้นกลับไปจนหมด กลับไปเป็นเขาในสภาพเดิม
ฮูหยินเหวินเปิดประตูเข้ามาในห้อง นางไม่ได้สังเกตเห็นถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปเลยสักนิด เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวก่อนจะยื่นห่อสมุนไพรในมือออกไปแล้วพูดกับนางไปด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางเมิ่ง เจ้าดูสมุนไพรพวกนี้สิว่าใช้ได้หรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดห่อสมุนไพรออก หลังจากพิจารณาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง นางก็พยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า “สมุนไพรพวกนี้ถูกต้องแล้ว รอข้ากลับถึงจวนแล้วจะรีบจัดการเตรียมของทั้งหมดทันที ได้เรื่องอย่างไรจะรีบส่งคนไปแจ้งให้พี่สะใภ้ทราบ”
ฮูหยินเหวินคว้ามือนางไว้ด้วยความตื่นเต้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความขอบคุณชัดเจน “แม่นางเมิ่ง ข้าคิดว่าชาตินี้ตัวข้าคงไม่อาจมีบุตรได้อีกแล้ว เป็นเจ้าที่ทำให้ข้ากลับมามีความหวังอีกครั้ง เจ้าวางใจเถิด ต่อไปเจ้าสั่งอะไรข้าก็จะทำตามอย่างนั้น จะไม่กินของอะไรเหลวไหลอีกแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบนางกลับไป “ข้าเองก็ไม่ได้มีความมั่นใจถึงเพียงนั้น พี่สะใภ้ทำตัวเหมือนเดิมเถิด หากว่ามีสิ่งไหนที่ต้องกำชับลงไปจริงๆ ข้าจะบอกท่านอีกที เพียงแต่ท่านอย่าได้คาดหวังจนเกินไปนัก เผื่อผิดหวังขึ้นมาจะได้ไม่ต้องเสียใจจนเกินไป”
ฮูหยินเหวินตบมือนางเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ “เจ้าเองก็อย่าได้คิดว่ามันเป็นภาระ อย่าได้กดดันตัวเองมากจนเกินไปนัก รักษาได้ก็ดี รักษาไม่ได้ก็ถือว่าเป็นเจตนาของสวรรค์ ให้โชคชะตานำพาไปเถิด”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มและพยักหน้าให้
คนทั้งสามพูดคุยกันในห้องอย่างมีความสุขได้อีกพักใหญ่ แต่พอเมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกว่าได้เวลาที่หวงฝู่อี้เซวียนจะกลับออกจากวังหลวงแล้ว จึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยคำลา ขอตัวกลับจวนก่อน
ฮูหยินเหวินรู้สึกว่าตัวเองเข้ากับนางได้ดียิ่งนัก รู้สึกไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่จึงได้รั้งนางไว้ให้อยู่ต่อ “วันนี้หากเจ้าไม่มีธุระที่ไหนไม่สู้กลับไปที่จวนพร้อมกับพวกเรา ข้าจะสั่งให้คนครัวเตรียมสำรับรสเลิศมาต้อนรับเจ้า ทานเสร็จแล้วพวกเราจะได้คุยกันต่อ”
“ข้ายังต้องกลับไปเตรียมของรักษาอาการป่วยให้พี่สะใภ้อยู่นะ วันนี้คงไปไม่ได้แล้วล่ะ เอาไว้วันหน้าหากมีเวลาว่างข้าจะไปเยี่ยมท่านถึงจวนแน่นอน พอถึงตอนนั้นหวังว่าท่านจะไม่เบื่อไม่รำคาญข้าเสียก่อน” เมิ่งเชี่ยนโยวหยอกกลับไป
ฮูหยินเหวินได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รั้งนางเอาไว้อีก จับมือเดินไปส่งนางถึงหน้าประตูร้านยาเต๋อเหรินด้วยความเอ็นดูและรักใคร่ มองส่งนางขึ้นรถม้าจากไปจนสุดสายตา ก่อนจะเดินกลับขึ้นตึกไปพูดคุยเกี่ยวกับธุระที่ตัวเองมาในวันนี้
เมิ่งเชี่ยนโยวที่นั่งอยู่ในรถม้าเอ่ยถามเหวินเปียวออกไปว่า “โรงตีอาวุธในเมืองหลวงมีที่ไหนบ้าง เจ้าพาข้าไปหน่อย”
—————————-
[1] เห็นม้าตายรักษาดุจม้าเป็น(死马当活马医)อุปมาว่า ท่ามกลางสถานการณ์ที่สิ้นหวังยังมีความหวังอันริบหรี่ที่พอจะช่วยให้รอดได้ บางทีก็หมายถึงการพยายามครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน