ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 322 ฝัน
ราชเลขาหลินถุยเลือดอีกครั้ง เกลียดชังจนสุดขีด ตวาดไปว่า “หวงฝู่จิ้ง เจ้าฝันไปเถอะ ข้ายอมให้ลูกสาวข้าแก่ง่อมตายที่บ้าน ดีกว่าให้นางแต่งเข้าจวนอ๋องฉีของเจ้า”
ท่านอ๋องฉีไม่ทันได้พูด มีรถมาสองคันรีบปรี่มาแต่ไกล หยุดลงตรงหน้าราชเลขาหลินและหลินจ้ง
ม่านเปิดออก ฮูหยินหลินลงมาจากรถม้า เห็นราชเลขาหลินกระอักเลือด หลินจ้งประคองตัวเขาอยู่ ตกใจเป็นอย่างมาก ร้องเสียงดังและเดินไปตรงหน้าทั้งสองคน “ท่านพี่!”
บนรถม้าด้านหลังมีชายคนหนึ่งเดินลงมา คือหลิวจยาเจิ้งคนที่หลินหันเยียนเพิ่งหมั้นหมายเอาไว้ มองเห็นสภาพของราชเลขาหลิน ก็รีบเดินไปหาเขา “ท่านพ่อตา ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหมขอรับ”
เสียงสูดหายใจหลายครั้ง ดังขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัด
ราชเลขาหลินได้ยินแล้ว ทั้งอายทั้งโกรธ เกือบจะเป็นลม ยื่นมือชี้ไปที่หลิวจยาเจิ้ง ตวาดเขา “หุบปาก”
หลิวจยาเจิ้งคาดไม่ถึงว่าราชเลขาหลินจะดุเขาต่อหน้าผู้คน หน้าข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ หน้าแดงขึ้นทันที โต้แย้ง “ท่านพ่อตา ลูกสาวของท่านทำเรื่องไม่ดีตอนกลางวันแสกๆ ข้ายังไม่เอามาใส่ใจเลย ท่านทำท่าทีเช่นนี้ใส่ข้ามันหมายความว่าอย่างไร”
ทุกคนรู้ว่านั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่การยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดท่ามกลางผู้คนเช่นนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่าพูดถึงราชเลขาหลิน ฮูหยินหลินและหลินจ้งก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า หลิวจยาเจิ้งคนนี้ปกติดูเป็นคนมีการศึกษา เป็นคนรู้จักหลบหลีก วันนี้ที่เป็นเช่นนี้ เขาต้องจงใจอย่างแน่นอน
หลินจ้งเป็นคนอารมณ์ร้อน ก็ตวาดหลิวจยาเจิ้งทันที “หุบปาก!”
หลิวจยาเจิ้งไม่ยอมต่อไปแล้ว ยืนขึ้นมา พูดด้วยความโมโหว่า “ข้าก็เป็นคนมีการศึกษา แม้ว่าจะเป็นคู่หมั้นกับคุณหนูหลิน แต่ไม่ได้หมายถึงข้าจะยอมถูกพวกท่านพ่อลูกข่มเหงได้……”
ไม่รอเขาพูดจบ ฮูหยินหลิน ก็ตวาดขึ้นมา “หุบปาก!”
หลิวจยาเจิ้งยังพูดไม่จบก็ถูกขัดขึ้น ยกมือชี้ไปที่คนตระกูลหลินทั้งสามคนด้วยความโมโห อ้าปากค้าง โกรธเหมือนไม่ออกไปครู่ใหญ่
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวมองหน้ากัน และขมวดคิ้ว หลิวจยาเจิ้งคนนี้ที่สั่งโจวอันให้ไปดูประกาศผลการสอบในวันนั้น ต้องไม่ใช่คุณชายที่พวกโจวอันบอกว่าสุภาพนอบน้อมคนนั้นอย่างแน่นอน
โจวอันก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แม้ว่าคุณชายหลิวคนนี้จะมีหน้าตาเหมือนกับคุณชายหลิวที่ถูกพวกเขาลักพาตัวไป แต่คำพูดและพฤติกรรมแตกต่างกันมาก เขากล้าใช้หัวของตัวเองเป็นประกันว่าคุณชายหลิวคนนี้ไม่ใช่คุณชายหลิวที่พวกเขาลักพาตัวไปแน่นอน
เมื่อห้ามปรามหลิวจยาเจิ้งแล้ว ฮูหยินหลินลุกขึ้นเดินไปที่ประตูจวนอ๋อง จ้องไปที่ท่านอ๋องฉีและพระชายาฉี “พวกเจ้าจวนอ๋องฉีอย่ารังแกคนอื่นให้มากนัก เรื่องของวันนี้ พวกเราจวนราชเลขาจะไม่ยอมจบกับพวกเจ้าอย่างง่ายๆ แน่”
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เรื่องนี้อย่างไรก็เป็นความผิดของหวงฝู่อวี้ พระชายาฉีก้าวไปข้างหน้า พูดเสียงเบา “เตี๋ยชิง เรื่องมันเกิดไปแล้ว พวกเรา……”
ฮูหยินราชเลขาโบกมือขัดจังหวะนาง “ซู่อิง น้ำใจไมตรีสิบกว่าปีมานี้ของข้ากับเจ้า วันนี้ถือเสียว่าจบสิ้นกันแล้ว นับแต่นี้ต่อไป ข้าและเจ้าหมดสิ้นเยื่อใยต่อกัน”
พระชายาฉีกลืนคำพูดที่เหลือกลับลงไป
หงเอ๋อร์พยุงหลินหันเยียนเดินออกมาจากในจวนอย่างช้าๆ
ฮูหยินหลินมองลูกสาวของตัวเองที่เดินไม่ค่อยไหว ใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวก็เริ่มดุดันขึ้นมาเล็กน้อย รอหลินหันเยียนเดินออกจากประตูจวนอ๋อง ก็เดินไปที่ข้างๆ นาง ดึงแขนของนางไปข้างๆ ตัวเอง “ไป กลับบ้านไปกับแม่”
หลินหันเยียนร่างกายอ่อนแอ บวกกับเพิ่งจะผ่านศึกใหญ่มา พอถูกฮูหยินหลินดึง หน้ามืดไปพักหนึ่ง ร่างกายก็เซไปยังฮูหยินหลิน
ฮูหยินหลินไม่ได้รับ ถูกนางชนเซถอยไปด้านหลังหลายก้าว แม่ลูกทั้งสองคนล้มลงบนพื้นพร้อมกัน
“ฮูหยิน! คุณหนู!” หงเอ๋อร์อุทานด้วยความตกใจ รีบวิ่งไป ย่อตัวลง อยากจะพยุงทั้งสอง
ฮูหยินหลินทำเรื่องน่าอับอายต่อหน้าผู้คน รู้สึกอับอายมาก โกรธจนตบหน้าหงเอ๋อร์ “เจ้าคนไร้ประโยชน์ จะดูแลคุณหนูได้อย่างไร”
หน้าที่โดนตบของหงเอ๋อร์แดงขึ้นมาทันที ไม่กล้าเอามือมาปิดหน้าไว้ น้ำตาคลอ พยุงหลินหันเยียนยืนขึ้นก่อน หลังจากที่นางยืนขึ้นมาได้ อยากจะไปพยุงฮูหยินหลินอีก
ฮูหยินหลินลุกขึ้นมาด้วยตัวเองจนได้ ตบไปที่หงเอ๋อร์อีกครั้ง “มีตาหามีแววไม่ หลังจากกลับจวนข้าจะขายเจ้า”
หงเอ๋อร์ตกใจคุกเข่าต่อหน้าฮูหยินหลิน “บ่าวสำนึกผิดแล้วเจ้าค่ะ ขอฮูหยินอย่าขายบ่าวไปเลย”
หลินหันเยียนรีบห้าม “ท่านแม่ เป็นความผิดของลูกเอง ถ้าท่านจะโทษก็โทษข้าเถอะ ไม่เกี่ยวกับหงเอ๋อร์”
ฮูหยินไม่ได้สนใจหงเอ๋อร์อีก นางจับมือของหลินหันเยียน “ไป กลับจวนกับแม่”
หลินหันเยียนไม่ขยับ
ฮูหยินหลินโกรธมาก “ไร้ยางอาย เจ้ายังอับอายไม่พอใช่ไหม”
หลินหันเยียนสลัดมือของฮูหยินหลินออก คุกเข่าต่อหน้านาง “ท่านแม่ ลูกและพี่อวี้เรามีอะไรกันแล้ว ชีวิตของข้านี้ หากยังมีลมหายใจอยู่ก็เป็นของเขา ไร้ลมหายไปก็ยังคงเป็นของเขา จะไม่แต่งงานกับคนอื่นอีกแน่นอน ขอให้ท่านแม่ปล่อยข้าไปเถอะ”
ฮูหยินหลินโกรธจนตัวสั่น ตบหลินหันเยียนครั้งแรกในชีวิต ไม่ทันได้พูดต่อ ก็มีคนร้องเสียงหลงดังขึ้นจากข้างหลัง หลิวจยาเจิ้งเดินมาข้างหน้า “คุณหนูหลิน เจ้าเป็นคู่หมั้นของข้า วันนี้เจ้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าผู้คน จะให้ข้าไปยืนอยู่ที่ไหนได้”
ทุกคนที่แอบดูอยู่อย่างเงียบๆ ต่างก็ใช้สายตาแปลกๆ มองเขา ยังไม่ทันได้แต่งงาน ก็โดนสวมเขาแล้ว ไม่ได้มีคำพูดจาถือสาเอาความเลยสักนิด ควรจะบอกว่าคนนี้เป็นคนใจกว้าง หรือว่าเขามีแผนการอย่างอื่นกันแน่
หลินหันเยียนขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ และเม้มปากไม่พูด
หลิวจยาเจิ้งมองสีหน้าของนาง ไม่พอใจ ตำหนิ “คุณหนูหลิน เจ้าหมายความอย่างไร เจ้าทำเรื่องที่ไร้ยางอายเช่นนี้ ข้าไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้า เจ้ากลับดูถูกข้าในทุกๆ ด้าน เจ้าควรรู้ไว้ว่า ภายในหมูบ้านพวกข้า เจ้าทำผิดธรรมเนียมเช่นนี้จะถูกใส่ชะลอมหมูถ่วงน้ำ”
ลูกของนาง นางเลี้ยงมากับมือ นางย่อมมีสิทธิ์ต่อว่า แต่คนอื่นไม่มีสิทธิ์ ฮูหยินหลินฟังที่เขาพูดก็ไม่ยอม กล่าวว่า “พวกเจ้าเพียงแค่หมั้นหมายกันเท่านั้น ยังไม่ได้แต่งงานกัน ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะมาสั่งสอนลูกสาวของข้า”
หลิวจยาเจิ้งร้องเสียงหลงอีกครั้ง “โอ้โห ท่านแม่ยาย คำพูดของท่าน ลูกเขยฟังแล้วไม่รื่นหูเลยสักนิด ในช่วงที่ลูกสาวของท่านแต่งไม่ออก ท่านส่งคนกลับไปที่บ้านข้า มีคนให้เลือกมากมาย สุดท้ายมาเลือกข้า ท่านพูดว่าลูกสาวท่านดีอย่างนู้นดีอย่างนี้ เป็นกุลสตรีจากตระกูลใหญ่ มีการศึกษา สงบเสงี่ยมและมีความสามารถ ข้าเชื่อว่าจริง พอมาเมืองหลวง กลับได้รับรู้ว่านางแท้จริงเป็นคนเช่นนี้ เดิมทีข้าไม่เต็มใจ เป็นท่านและท่านพ่อตาที่ตั้งข้อเสนอกับข้า รับประกันกับข้า บอกว่าหากข้าสอบจอหงวนผ่าน จะช่วยชี้แนะข้า ชี้นำตำแหน่งขุนนางให้ เห็นแก่ตำแหน่งขุนนางชั้นสูง ข้าจึงตกลงเรื่องงานหมั้นนี้อย่างไม่เต็มใจ ตอนนี้ลูกสาวของพวกท่านทำเรื่องไม่ดีกับคนอื่นกลางวันแสกๆ ข้าจะพูดสักคำสองคำไม่ได้เลยเชียวหรือ”
เรื่องที่คู่สามีภรรยาราชเลขาหลินหาสามีให้หลินหันเยียนที่บ้านเกิด ดูเหมือนว่าคนในเมืองหลวงจะไม่รู้เรื่อง ได้ยินว่าหลินหันเยียนหมั้นแล้ว ถึงสืบมาว่าคู่หมั้นเป็นคนมีความสามารถ มีบางคนยังอิจฉา หลินหันเยียนโชคดีอะไรขนาดนี้ ถูกยกเลิกงานแต่งแล้วยังสามารถหาครอบครัวสามีที่ดีขนาดนี้ได้ ตอนนี้ได้ยินที่หลิวจยาเจิ้งพูด ก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ยื่นคอออกไปทันที รอดูว่าฮูหยินหลินจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
เรื่องที่ปิดบังไว้ก็ถูกเปิดเผยออกมา ฮูหยินหลินโกรธจนตัวสั่นไปหมด ยื่นมือไปทางหลิวจยาเจิ้ง อยากจะตีเขา
หลิวจยาเจิ้งยื่นมือไปจับนางไว้ พูดอย่างดูถูกว่า “ท่านแม่ยาย นี่เป็นความผิดของท่านแล้ว แม้ว่าลูกเขยจะ……”
ข้างๆ มีเงาคนวาบมา หลิวจยาเจิ้งไม่ทันได้รู้สึกตัว ก็ถูกถีบกระเด็นออกไปแล้ว
ใบหน้าของหลินจ้งเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต “หลิวจยาเจิ้ง นี่เจ้ารนหาที่ตายเองนะ”
หลิวจยาเจิ้งกระเด็นไปไกลหลายจั้ง ล้มลงพื้นอย่างหนัก กระอักเลือดออกมา ต้องใช้เวลาสักพักจึงจะพยายามยืนขึ้นมาได้ เดินเซไปข้างหน้าสองสามก้าว ถุยเลือดออกมา ชี้ไปทางหลินจ้งและพูดว่า “ข้าโตมาขนาดนี้ เจ้าเป็นคนแรกที่กล้าลงมือกับข้า รอก่อนเถอะ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวมองหน้ากัน หวงฝู่อี้เซวียนกระซิบกำชับกับโจวอัน “ไปตรวจดู ว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
โจวอันตอบกลับ โบกมือให้สัญญาณกับองครักษ์ลับแล้วก็รีบรุดไป
ราชเลขาหลินก็ได้สติ รู้สึกว่าหลิวจยาเจิ้งตรงหน้าไม่เหมือนกับคนในจวนของตนเอง มือกุมหน้าอก ก้าวไปข้างหน้าอย่างโซเซ เริ่มหรี่ตา กวาดสายตามองขึ้นๆ ลงๆ มองซ้าย มองขวา จ้องดูคนตรงหน้า ถามอย่างเสียงดัง “เจ้าเป็นใคร”
หลิวจยาเจิ้งหัวเราะเสียงดัง “ท่านพ่อตา ลูกเขยสับสนกับคำถามนี้ของท่านแล้ว อยู่ในจวนราชเลขาเป็นเวลานาน ท่านยังแกล้งทำเป็นไม่รู้จักลูกเขยอีกงั้นหรือ”
ด้านหลังมีเสียงแสดงความคิดเห็นดังมาเป็นระยะ ราชเลขาหลินไม่มีเวลาแล้ว กำชับหลินจ้ง “จ้งเอ๋อร์ เขาไม่ใช่คุณชายหลิวแน่ ดูทีว่าเขาเป็นใคร”
หลินจ้งพยักหน้า เดินไปข้างหน้า จับหลิวจยาเจิ้งไว้ ยื่นมือไปจับทั่วๆ หน้าของเขา ก็ไม่ได้รู้สึกผิดปกติ ส่ายหัวไปที่ราชเลขาหลิน
สีหน้าของราชเลขาหลินตึงเครียด หลิวจยาเจิ้งวันนี้กับวันธรรมดาแตกต่างกันราวกับเป็นคนละคน ถ้าไม่ได้เจตนา เช่นนั้น… ราชเลขาหลินไม่กล้าคิดต่อไปแล้ว ที่เขามีตำแหน่งจนถึงทุกวันนี้ได้จากสองมือเปล่า โดยหลักแล้วก็เพราะเขาจะทำการต่างๆ ต้องระมัดระวังในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่เรื่องของหลิวจยาเจิ้ง ตอนนั้นเขาใจร้อนไปบ้าง ไม่ได้ส่งคนไปสืบสวนอย่างละเอียด ตอนนี้……
นึกถึงตรงนี้ ราชเลขาหลินไม่กล้าคิดต่อไปแล้ว แม้ความคิดโต้เถียงกับท่านอ๋องฉีก็ไม่มีแล้ว กำชับ “จ้งเอ๋อร์ พยุงน้องสาวเจ้ามา พวกเรากลับจวนกัน”
หลินจ้งปล่อยหลิวจยาเจิ้ง เดินไปตรงหน้าหลินหันเยียน “เยียนเอ๋อร์ กลับจวนกับพี่เถอะ มีเรื่องอะไรพวกเรากลับจวนไปค่อยคุยกัน”
หลินหันเยียนส่ายหัว “พี่ใหญ่ ข้าไม่กลับ”
ถูกคนจับคลำหน้าอย่างไร้เหตุไร้ผล ความโกรธของหลิวจยาเจิ้งก็พุ่งขึ้น เขาก้มหัวแล้วพุ่งใส่หลิงจ้งจากด้านหลัง “กล้าทำข้างั้นหรือ วันนี้ข้าจะสู้กับเจ้าสักตั้ง”
ความสนใจของผู้คนไปอยู่ที่หลินจ้งและหลินหันเยียน ไม่ได้สนใจเขา เมื่อเห็นการกระทำของเขา ส่งเสียงอุทานขึ้นมาพร้อมกัน
หลินจ้งรู้สึกถึงเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านหลังเขา หันกลับอยากจะตรวจดูเสียก่อน เมื่อมองเห็นชัดว่าเป็นหลิวจยาเจิ้งพุ่งเข้ามา อยากจะหลบ แต่ไม่ทันแล้ว ถูกเขาชนจนหงายล้มไปทางข้างหลัง
“พี่ใหญ่” หลินหันเยียนอุทาน อยากช่วยดึงมือเขา
จนปัญญาแรงมีน้อยเกินไป ไม่เพียงแต่ดึงเขาไม่ขึ้น กลับถูกเขาทำให้ล้มลงบนพื้นไปด้วย
หลิวจยาเจิ้งก็หยุดไม่ได้ เซทับไปตามร่างของหลินหันเยียน ทับไปบนร่างของนาง
เสียงอุทานของผู้คนดังขึ้นอีกครั้ง
หลินหันเยียนไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหน กระวนกระวาย ยื่นขาออกมา ถีบไปที่หลิวจยาเจิ้งอย่างสุดแรง
หลิวจยาเจิ้งไม่ได้ถูกเตะกระเด็น แค่ถูกเตะออกไป จะทับไปบนร่างของหลินจ้ง
หลินจ้งกลิ้งหลบเขา
หลิวจยาเจิ้งร่วงลงบนพื้นอย่างแรง ตั้งนานก็ไม่ขยับ
หลินจ้งตกใจรีบลุกขึ้นมา ไม่ได้มองหลิวจยาเจิ้งด้วยซ้ำ กำชับหงเอ๋อร์ “พยุงคุณหนู กลับจวนกับข้า”
หงเอ๋อร์ตอบกลับ รีบยืนขึ้น ไปพยุงหลินหันเยียน
ลูกเตะนั้นของหลินหันเยียนใช้แรงทั้งหมดที่มี ตอนนี้ไม่มีแรงดิ้นรน ให้หงเอ๋อร์พยุงนางลุกขึ้นนั่ง แต่กลับไม่ได้ยืนขึ้นมา นางร้องขอ “ท่านพี่ พี่อวี้บอกว่าจะรับผิดชอบข้า ท่านพี่ปล่อยข้าไปเถอะ”
วันนี้หลินหันเยียนนับว่าทำจวนราชเลขาขายขี้หน้าไปหมดแล้ว สายใยรักระหว่างพ่อกับลูกสาวของราชเลขาถูกนางทำลายจนเกือบจะหมดแล้ว ราชเลขาหลินพูดด้วยความโกรธ “นังลูกเนรคุณ วันนี้หากเจ้าไม่กลับจวนกับพวกข้า ต่อไปเจ้าก็ไม่ใช่ลูกของข้าหลินฉงเหวิน”
นี่เป็นการตัดความสัมพันธ์พ่อลูกแล้ว เสียงผู้คนสูดลมหายใจต่างก็ดังขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดอีกครั้ง
ฮูหยินหลินหน้าถอดสี รีบตะโกน “ท่านพี่”
หลินจ้งก็ตกใจ อุทานออกไป “ท่านพ่อ”
ราชเลขาหลินไม่อ่อนไหวตาม จ้องหลินหันเยียน
หลินหันเยียนผลักหงเอ๋อร์ออกไป คุกเข่าลงอย่างช้าๆ คุกเข่าคำนับให้ราชเลขาหลินและฮูหยินหลิน “ลูกอกตัญญู ทำให้ท่านพ่อ ท่านแม่อับอาย จากนี้ไป ท่านทั้งสองไม่มีข้าเป็นลูกสาวแล้ว”
ร่างกายของฮูหยินหลินโซเซ แทบจะทรงตัวไม่อยู่ ตาเบิกโตไม่อยากจะเชื่อ มองหลินหันเยียน “เยียนเอ๋อร์ เจ้า……”
หลินจ้งก็มองหลินหันเยียนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เยียนเอ๋อร์ นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรือ”
หลิวจยาเจิ้งก็ลุกขึ้นมาจากพื้น มีเลือดเปื้อนทั้งหน้า เดินไปตรงหน้าหลินหันเยียนอย่างโซเซ “หึ เจ้าฝันไปเถอะ ชีวิตเจ้า ยามเป็นก็เป็นของข้า ยามตายก็เป็นของข้า”