ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 327 ท่านพ่อท่านแม่ข้าเสียชีวิตได้อย่างไร
- Home
- ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]
- ตอนที่ 327 ท่านพ่อท่านแม่ข้าเสียชีวิตได้อย่างไร
ในเรือนเงียบกริบทันที
ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นพระราชเสาวนีย์เยี่ยงนี้ ทุกคนหยุดชะงักทันที
หวงฝู่อวี้เบิกตาโต มองกูกูผู้ดูแลอย่างเหลือเชื่อ “กูกู นี่…เสด็จย่า…เหตุใด…”
กูกูผู้ดูแลขัดจังหวะเขา “คุณชายรอง นี่เป็นคำสั่งของไทเฮา ท่านมีความคิดเห็นอันใดหรือ”
ปากของหวงฝู่อวี้อ้าขึ้นแล้วก็หุบลง เป็นเช่นนั้นอยู่หลายครั้ง สักพักจึงก้มศีรษะลงด้วยความหดหู่ ไม่ได้กล่าวตอบอันใด
หลินหันเยียนก็ไม่อยากเชื่อ สีหน้าซีดเผือดทันที หน้ามืด แล้วสลบไปอีกครั้ง
ชิงหลวนและจูหลีสายตาไวรีบพยุงนางไว้ทันที
กูกูผู้ดูแลแสยะปากด้วยความดูถูก ไม่แม้แต่จะมองนาง หันหลัง ยิ้มแล้วกล่าวกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “ข้าไปทำความเคารพพระชายาก่อน ซื่อจื่อเฟยจะ…”
เมิ่งเชี่ยนโยวขยับตัวออก ทำสัญญาณมือ “เชิญเจ้าค่ะ เชิญกูกูก่อน ข้ามีเรื่องเล็กน้อย จัดการเสร็จแล้วจะมาพูดคุยเป็นเพื่อนกูกูนะเจ้าคะ”
กูกูผู้ดูแลยิ้มรับ หันหลังแล้วนำนางกำนัลในตำหนักทั้งสี่ไปที่เรือนของพระชายาฉี
หวงฝู่อวี้รีบก้าวออกมา แล้วอุ้มหลินหันเยียนที่สลบเข้าไปทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหัวไปมาแล้วถอนหายใจ เดินเข้าไปในห้อง
วางหลินหันเยียนลงบนเตียง หวงฝู่อวี้เงยหน้าขึ้นแล้วขานเรียกด้วยความร้อนใจ “พี่สะใภ้ใหญ่”
“ชิงหลวน เจ้ารีบขี่ม้าไปที่หนานเฉิง นำเข็มเงินชุดนั้นของข้ามา” เมิ่งเชี่ยนโยวสั่ง
ชิงหลวนรับคำสั่ง หันหลังแล้วเดินออกไปทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวปลอบหวงฝู่อวี้ “นางแค่ตั้งรับไม่ทัน จึงสลบไป ไม่มีอะไรรุนแรง เจ้าอย่าร้อนใจไปเลย”
หวงฝู่อวี้แทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว “จะให้ข้าไม่ร้อนใจได้อย่างไร เหตุใดเสด็จย่าจึงมีคำสั่งเยี่ยงนี้ ต่อไปจะให้เยียนเอ๋อร์มีที่ยืนในเมืองหลวงได้อย่างไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “แม้ว่าเจ้าจะเป็นคุณชายรองของจวน แต่ก็เป็นสายเลือดของราชวงศ์ วันนี้คุณหนูหลินทำเยี่ยงนี้ นั่นเท่ากับตบหน้าราชวงศ์ หากมิใช่เพราะไทเฮาเห็นแก่เจ้า วันนี้คุณหนูหลินอาจจะไม่มีชีวิตรอดแล้วก็ได้”
สีหน้าของหวงฝู่อวี้มีความเจ็บปวดขึ้นมาทันที กล่าวโทษตัวเองว่า “ข้าทำร้ายนาง ข้าทำร้ายนาง หากมิใช่เพราะข้าก้าวผ่านความต้องการของใจตัวเองไม่ได้ หากข้าใจแข็งไม่ไปพบนาง นางก็คงไม่ทุ่มสุดตัว ทำเรื่องทำลายชื่อเสียงของตัวเองเยี่ยงนี้ แล้วก็คงไม่ถูกเสด็จย่าตำหนิจนมีคำสั่งเช่นนี้ ต่อไปนางจะเงยหน้ามองคนในเมืองหลวงได้อย่างไร”
“ข้าว่าเจ้าควรดีใจต่างหาก” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว “หากคุณหนูหลินไม่ทำเยี่ยงนี้ นางก็จะต้องแต่งกับผู้อื่น ส่วนเจ้าก็จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เจ้าทั้งสองจะต้องเจ็บปวดมากกว่าตอนนี้”
ตอนนี้หวงฝู่อวี้จะฟังเข้าหูได้อย่างไร ทึ้งผมตัวเองด้วยความเสียใจ “ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ข้าทำผิดต่อเยียนเอ๋อร์ ข้าทำร้ายนาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว ตำหนิเขา “การฝึกฝนในระยะเวลาหนึ่งปีกว่านี้ของเจ้าถือว่าสูญเปล่า ยังคงควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เรื่องราวยังไม่ถึงขั้นที่กู้กลับมาไม่ได้ เจ้าลนลานเช่นนี้ได้อย่างไร”
หวงฝู่อวี้หยุดท่าทางของตัวเอง แล้วมองไปหานางด้วยความตื่นเต้น “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านมีวิธีแก้ปัญหานี้ใช่หรือไม่ รีบบอกข้าเถิด จะต้องแก้ปัญหาอย่างไร รีบบอกข้าที”
ในขณะที่เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังจะตอบเขา ก็มีเสียง ตึกตัก เหมือนมีคนคุกเข่าลงบนพื้นดังมาจากข้างนอก ตามด้วยเสียงสะอึกสะอื้นของหงเอ๋อร์ดังขึ้นมา “คุณชายรอง เป็นความผิดของบ่าวเองเจ้าค่ะ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ยาปลุกกำหนดนั้นเป็นข้าที่ฉวยโอกาสใส่ลงไปในสุราตอนที่คุณหนูไม่ทันสังเกต”
หวงฝู่อวี้เดิน ตึกตึก สองก้าวแล้วออกมานอกประตูทันที ตะคอกถามว่า “เจ้าพูดว่าอะไร พูดอีกครั้งสิ”
ศีรษะของหงเอ๋อร์คำนับลงบนพื้นแรงๆ “คุณชายรอง เป็นข้าเองที่ทำร้ายคุณหนูของข้า ยาปลุกกำหนัดนั้นเป็นข้าที่แอบใส่ลงไปในกาสุรา คุณหนูนาง นางไม่รู้เรื่อง หากนางรู้ จะต้องไม่ให้ข้าทำเช่นนี้แน่ๆ”
“เจ้า…” หวงฝู่อวี้โมโหมาก เดินก้าวขายาวมาข้างหน้านาง ยกขาขึ้นแล้วเตะลงไป “เจ้ามันไร้สมอง เจ้าทำร้ายคุณหนูของเจ้า”
ในระหว่างที่โมโหอยู่ การเตะครั้งนี้ของหวงฝู่อวี้นั้นใช้พลังอย่างมาก หงเอ๋อร์ถูกเตะจนหงายตัว กลิ้งหลายตลบจึงจะหยุดลง มีเลือดพุ่งออกมาจากปาก ล้มลงบนพื้นเป็นเวลานานก็ยังไม่รู้สึกตัว
หวงฝู่อวี้ยังไม่หายโมโห จะลุกขึ้นมาเตะนางอีกหลายที เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกมาจากห้องห้ามเขาไว้ “พอแล้ว อวี้อ๋อร์ หากไม่ใช่เพราะนาง ต่อไปเจ้ากับคุณหนูหลินก็อาจจะทำได้แค่ต่างฝ่ายต่างแต่งงานกันไป ไม่เกี่ยวข้องกัน จะมีการแต่งงานของพวกเจ้าได้อย่างไร จะว่าไปแล้ว เจ้าเด็กคนนี้ก็ถือว่าทำเรื่องดีหนึ่งเรื่องก็ว่าได้”
“แต่นางทำให้เยียนเอ๋อร์เป็นได้แค่อนุภรรยาตลอดชีวิต” หวงฝู่อวี้โกรธมาก กล่าวด้วยความโมโห
“เป็นภรรยาเอกหรืออนุภรรยา นั้นมิใช่ขึ้นอยู่กับเจ้าหรือ หากต่อไปเจ้าไม่สู่ขอผู้อื่น ภรรยาเอกกับอนุภรรยาจะแตกต่างกันอย่างไร”
หวงฝู่อวี้ตาโตขึ้นมาทันที ไม่นานก็เงียบไป “พี่สะใภ้ใหญ่ไม่รู้ อนุภรรยาไม่มีแม้แต่โอกาสร่วมงานกลางคืนของราชวงศ์”
“แล้วอย่างไร คุณหนูหลินอาจจะไม่สนใจก็ได้ คิดดูสิ เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ข้าและพี่ใหญ่ของเจ้าต้องเฝ้าขุนนางจอมปลอมทั้งหลาย กินอาหารอย่างไม่มีรสชาติ บางครั้งยังต้องรับมือกับขุนนางและบรรดาฮูหยินของขุนนางทั้งหลายที่ไม่คุ้นเคย ยังไม่ดีเท่ากับพวกเจ้าที่อยู่ในจวน แล้วพลอดรักกัน”
หวงฝู่อวี้ตาเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง “พี่สะใภ้ใหญ่คิดเยี่ยงนี้จริงหรือ”
เขม่นมองเขาหนึ่งที เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้กล่าวตอบ
หงเอ๋อร์รู้สึกตัวขึ้นมา คลานขึ้นมาจากพื้น คำนับขอประทานโทษ “คุณชายรองไว้ชีวิตข้าเถิด คุณชายรองไว้ชีวิตข้าเถิด ข้าเห็นว่าคุณหนูน่าสงสารจริงๆ นางไม่ยอมกินอะไรเลย เอาแต่คิดถึงคุณชายรอง ข้าจึงโน้มน้าวให้คุณหนูออกมาพบท่านเป็นครั้งสุดท้าย ข้าจะได้หาโอกาสใส่ยาลงไปในสุราได้ ตอนนั้นข้าไม่ได้คิดอะไรมากมาย แล้วก็ไม่ได้คิดว่าจะสร้างปัญหาใหญ่เยี่ยงนี้ให้กับคุณหนู หากข้ารู้ ให้ตายข้าก็ไม่ทำเด็ดขาด”
พอฟังเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนั้นแล้ว ความโกรธของหวงฝู่อวี้ลดลงไปไม่น้อย น้ำเสียงไม่ดุดันเท่าเมื่อครู่ “เห็นแก่ความจริงใจของเจ้า ครั้งนี้ไว้ชีวิตเจ้าก่อน หากต่อไปเจ้ายังกล้าทำอะไรตามความคิดของตัวเองอีก จะถูกโบยด้วยไม้ยี่สิบที แล้วขายออกไปทันที”
หงเอ๋อร์พยักหน้าหงึกๆ “ขอบพระคุณคุณชายรอง ขอบพระคุณคุณชายรอง”
ไม่นานชิงหลวนก็นำเข็มเงินมา เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา เดินมานั่งข้างเตียงแล้วเปิดชุดเข็มออก แสดงเข็มเงินเป็นประกายเงาทั้งชุดออกมา แล้วหยิบเข็มที่อยู่ตรงกลางออกมาหนึ่งเล่ม
หวงฝู่อวี้ตกใจจนสูดหายใจเข้าลึกๆ “พี่สะใภ้ใหญ่ นี่ท่าน…”
เมิ่งเชี่ยนโยวค้อนเขาหนึ่งที
หวงฝู่อวี้ปิดปากทันที ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก
เมิ่งเชี่ยนโยวฝังเข็มลงบนจุดกึ่งกลางระหว่างจมูกกับริมฝีปากบนของหลินหันเยียน กดเบาๆ หลายครั้ง หลังจากนั้นก็หยิบเข็มที่มีความยาวพอๆ กันออกมาสองเล่ม ฝังลงไปบนสองข้างของหน้าผาก
หลินหันเยียนค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา บนใบหน้าเริ่มมีสีเลือดขึ้นมาเล็กน้อย ไม่นานก็ค่อยๆ กลายเป็นสีแดงก่ำ มองหวงฝู่อวี้ที่อยู่ด้านหน้า น้ำตาก็ไหลลงมาทันที “พี่อวี้ ข้า…”
หวงฝู่อวี้กุมมือหลินหันเยียนทันที วางลงบนอกของตน “เยียนเอ๋อร์ เจ้าอย่ากังวล ข้าคิดวิธีที่ดีออกแล้ว ไม่ทำให้เจ้าต้องเสียใจอย่างแน่นอน”
เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บชุดเข็มเงิน ถือไว้ แล้วลุกขึ้นยืน หลีกทางให้กับหวงฝู่อวี้ แล้วเดินออกจากห้องอย่างเงียบๆ
ชิงหลวนและจูหลีเดินตามหลังนาง
ไม่รู้ว่าหวงฝู่อี้เซวียนยืนรออยู่ในเรือนตั้งแต่เมื่อไหร่ สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามาได้อย่างไร ข้ากำลังจะกลับไปแล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนมองชุดเข็มเงินในมือนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบยื่นให้จูหลีทันที “พระราชเสาวนีย์ของไทเฮามากะทันหัน คุณหนูหลินรับไม่ไหวสลบไป ข้าใช้เข็มเงินทำให้นางฟื้นขึ้นมา เจ้าวางใจเถิด ไม่เหนื่อยเลยสักนิด”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่พูดอะไร จูงนางออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ยังไม่ได้ดึงเข็มของคุณหนูหลินออกมาเลย รอสักพัก เราค่อย…”
“จูหลี เจ้าอยู่ต่อ เดี๋ยวดึงเข็มออกมาให้นางด้วย” หวงฝู่อี้เซวียนสั่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
จูหลีหยุดชะงักไป
“ไม่ได้ นางไม่เคย…ทำ” เห็นหวงฝู่อี้เซวียนหยุดเดิน สายตาเหมือนจะมีไฟพุ่งออกมา เมิ่งเชี่ยนโยวรีบเปลี่ยนคำพูดทันที “จูหลี หลังจากเวลาสองก้านธูป เจ้าช่วยคุณหนูหลินดึงออกมา อย่าสนใจว่านางจะเจ็บหรือไม่ หากคุณชายรองถามขึ้นมา เจ้าบอกว่าข้าร่างกายอ่อนเพลีย กลับไปพักผ่อนแล้ว”
จูหลีกลืนน้ำลายลงไป รับคำสั่งอย่างยากเย็น มองดูเมิ่งเชี่ยนโยวเอาใจหวงฝู่อี้เซวียนด้วยการควงแขนแล้วเดินออกไปไกล ชิงหลวนยิ้มมุมปากแล้วเดินตามหลัง
จูหลีกระทืบเท้าเหมือนเด็กหนึ่งครั้ง แล้วอยู่ในเรือนต่อด้วยความโมโห
เมิ่งเชี่ยนโยวควงแขนหวงฝู่อี้เซวียนที่ไม่พูดจาตลอดทางกลับมาที่ห้องของตน ทันทีที่เข้าห้อง ก็โอบคอของเขาทันที พิงตัวลงบนร่างกายของเขา รีบปลอบด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ เจ้าอย่าทำสีหน้าเยี่ยงนี้ จะทำให้ลูกกลัวได้”
“เจ้ายังรู้ว่ามีลูกในท้องของเจ้าอยู่หรือ ตอนที่ฝังเข็มให้นาง ทำไมเจ้าคิดไม่ได้ว่ามีลูกอยู่ในท้องเจ้า” หวงฝู่อี้เซวียนยังคงสีหน้าไม่ดี กล่าวถามนางด้วยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
หวงฝู่อี้เซวียนไม่เคยเห็นนางฝังเข็มให้ใคร ทำให้คิดว่าน่าจะใช้พลังงานเยอะ จึงเป็นห่วงตน ในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวนั้นเข้าใจ ยิ้มแล้วปลอบว่า “ข้ารู้ ข้าจึงฝังให้นางแค่สามเข็ม ไม่ได้ใช้กำลังอะไร แล้วก็ไม่ได้ทำให้ลูกเหนื่อย หากไม่เชื่อ เจ้าลองจับดู ลูกทั้งสองเป็นเด็กดีมาก ไม่ขยับแม้แต่น้อย” พูดจบ จับมือขวาของหวงฝู่อี้เซวียนขึ้นมาวางลงบนท้องของตน
ราวกับว่าลูกในท้องต่อต้านตน ทันใดนั้นก็เตะสองครั้ง หวงฝู่อี้เซวียนรับรู้ทันที สีหน้ายิ่งไม่ดีขึ้นไปอีก
เมิ่งเชี่ยนโยวอยากจะดึงเด็กทั้งสองออกมาแล้วตีจริงๆ พวกเจ้าไม่เตะเช้าเตะเย็น ดันรอให้ข้าพูดประโยคนี้ก่อนแล้วค่อยเตะ นี่มันจงใจแกล้งกันชัดๆ
สัมผัสได้ถึงความเย็นจากบนตัวของหวงฝู่อี้เซวียน เมิ่งเชี่ยนโยวจึงหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความเขิน
หวงฝู่อี้เซวียนมองไปที่ตาของนาง กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าผู้ใด เจ้าอย่าได้ยื่นมืออีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บรอยยิ้มทันที ยกมือขวาของตัวเองขึ้น สาบานอย่างจริงจังว่า “ได้ ข้าฟังสามีของข้า ตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าผู้ใด จะเป็นจะตายร้ายดีอย่างไร ข้าจะไม่ยุ่งอีก”
สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนจึงจะอ่อนลงเล็กน้อย ปล่อยมือนาง ให้นางนั่งลงบนเก้าอี้ดีๆ แล้วเทน้ำให้นางหนึ่งแก้วด้วยตัวเอง กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “กระหายน้ำแล้วล่ะสิ รีบดื่มน้ำเถิด”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา เงยหน้าแล้วดื่มลงไปจนหมด รีบประจบสอพลอเอาใจว่า “ก็มีแต่สามีของข้าที่เป็นห่วงข้า”
รู้ว่านางตั้งใจเอาใจตัวเอง หวงฝู่อี้เซวียนค่อยแสดงรอยยิ้มออกมา ยื่นมือออกมาลูบศีรษะนาง
หลายวันหลังจากนั้น เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ไปดูหลินหันเยียนที่เรือนของหวงฝู่อวี้จริงๆ แม้ว่าหวงฝู่อวี้จะมาเชิญด้วยตัวเอง นางก็ปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าร่างกายไม่สบาย แต่ก็ยังคงเขียนสูตรยาให้
เห็นแก่นางที่เชื่อฟัง หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่ได้ว่าอะไรนางอีก
หลายวันผ่านไป อาการของหลินหันเยียนดีขึ้นพอสมควรแล้ว หวงฝู่อี้ก็กลับมาแล้ว หยิบจดหมายหลายฉบับออกมาจากกระเป๋าที่ตนสะพายไว้ตลอด ยื่นมาที่ด้านหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยว ยิ้มแล้วกล่าวว่า “นี่เป็นจดหมายที่ท่านอาเมิ่ง พี่เมิ่ง แล้วก็เส้าเอ๋อร์ให้พี่”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมาด้วยความดีใจ ยิ้มแล้วกล่าวถามว่า “พวกเขาสบายดีหรือไม่”
“ทุกคนสบายดีขอรับ ท่านปู่เมิ่งและท่านย่าต่างก็สบายดี ฝากมาบอกกับว่าอย่ากังวลเกี่ยวกับพวกเขา รอตอนที่ท่านคลอดลูก พวกเขาทุกคนจะมาหาที่เมืองหลวง”
หลังจากนั้นก็หยิบกระเป๋าอีกใบวางลงตรงหน้านาง เปิดออก “นี่เป็นเสื้อผ้าที่อาสะใภ้สามทำให้เด็กๆ ให้ข้าเอามาด้วย บอกว่างานเย็บปักถักร้อยของนางไม่ค่อยดี ขออย่าได้รังเกียจขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบขึ้นมาทีละตัว แล้วดู กล่าวว่า “ไม่เจอกันหนึ่งปี อาสะใภ้สามก็พูดคำพูดที่มีพิธีรีตองเยี่ยงนี้เป็นแล้ว ใครจะไม่รู้ว่าฝีมือเย็บปักถักร้อยของนางไม่เป็นรองใครในหมู่บ้าน หากนางยังทำได้ไม่ดี ผ้าที่ข้า แม่ของเด็กพวกนี้เย็บเองก็สมควรโยนทิ้งแล้ว”
หวงฝู่อี้หัวเราะออกมา “อาสะใภ้ใหญ่พอได้ยินคำพูดของอาสะใภ้สาม ก็ยิ้มแล้วบอกว่าหลังจากที่ฟังแล้วต้องเอาคำพูดที่นางพูดมาบอกท่านให้ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งยิ้มกว้างขึ้นไปอีก “ยังคงเป็นอาสะใภ้ใหญ่ที่เข้าใจข้าจริงๆ”
รอให้เมิ่งเชี่ยนโยวดูเสื้อผ้าทั้งหมดแล้ว ก็พับเก็บอีกครั้ง แล้ววางลงบนโต๊ะ หวงฝู่อี้เก็บรอยยิ้ม เพ่งมองไปที่หวงฝู่อี้เซวียน “พี่ใหญ่ ข้าอยากถามพี่หนึ่งเรื่องขอรับ”
“พูดเถอะ”
ใจของเมิ่งเชี่ยนโยวกระตุกหนึ่งครั้ง
“ครั้งนี้ที่ข้ากลับบ้าน พักที่บ้านท่านอาของข้า เขาบอกข้าว่า การเสียชีวิตของท่านพ่อท่านแม่ข้าตอนนั้นแปลกๆ ข้าจึงหวนนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นอย่างละเอียด ก็รู้สึกแปลกอยู่ไม่น้อย พี่ใหญ่ พี่รู้หรือไม่ว่าตอนนั้นท่านพ่อท่านแม่ข้าเสียชีวิตได้อย่างไร”