ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 340 กักบริเวณ
หวงฝู่อี้เซวียนรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าหลินฉงเหวินคิดจะทำอะไร แต่ที่ถามหลินจ้งเช่นนี้ ก็แค่ต้องการดูอากัปกิริยาของเขา เมื่อได้ยินดังนั้นหวงฝู่อี้เซวียนก็พยักหน้า “ว่ามา”
เมื่อได้ยินว่าหลินจ้งจะเผยความลับของตน หลินฉงเหวินก็โกรธจนร้องคำราม “ไอ้คนอกตัญญู ถ้าเจ้ากล้าพูด ข้าไล่เจ้าออกจากบ้านแน่”
หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้ว
“โจวอัน!”
โจวอันเหาะเหินไปข้างกายหลินฉงเหวิน ขณะที่เขายังไม่ทันตั้งตัว ก็ยื่นมือไปสกัดจุดเขาไว้
หลินฉงเหวินตาแข็งทื่อ พูดอะไรไม่ได้
“จ้งเอ๋อร์” ฮูหยินหลินพูดวิงวอนเขา ส่ายหน้าส่งสัญญาณบอกให้เขาอย่าพูดออกไป
หลินจ้งหันไปมองพ่อของตนครู่หนึ่ง นึกถึงความบ้าบิ่นของเขาที่ผ่านมา หลินจ้งกัดฟันกรอด ชี้ไปที่ชายร่างสูงใหญ่เหล่านั้น “คนกลุ่มนี้คงจะเป็นจอมยุทธ์ที่ท่านพ่อจ้างวานมา จะให้พวกเขาไปสังหารทุกคนในครอบครัวท่านแม่”
หลินฉงเหวินเบิกตาโพลง นัยน์ตาร้อนจนจะลุกเป็นไฟ ราวกับจะเผาหลินจ้งให้ตาย
ฮูหยินหลินฟุบลงบนพื้นอย่างหมดหวัง นางรู้ว่าตอนนี้ทุกอย่างจบแล้ว หลินฉงเหวินในฐานะที่เป็นขุนนางในวัง สมรู้ร่วมคิดกับเหล่าจอมยุทธ์ นี่ก็เป็นโทษหนักหนามาแล้ว แล้วยังคิดกระทำการโหดร้ายเช่นการสังหารคนแบบนี้อีก หากฮ่องเต้รู้เข้า ท่านไม่ปล่อยจวนหลินไปแน่ โทษเบาหน่อยหลินฉงเหวินถูกปลดออกจากตำแหน่ง และเข้ารับราชการไม่ได้อีก ถ้าโทษหนักหน่อย ลูกชายและลูกสาวของเขาก็อาจเดือดร้อนด้วย หลินจ้งอาจถูกขัง ส่วนหลินหันเยียนอาจจะยิ่งน่าอนาถ ลูกในท้องอาจจะไม่รอดด้วยก็ได้
หลินจ้งพูดจบ หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้พูดอะไร
ทั้งลานบ้านเงียบสงัด
เงียบจนทุกคนผวา
หลินจ้งกลับพูดเปิดโปงเรื่องราวทั้งหมด ตอนที่พ่อตัดสินใจทำเรื่องนี้ เขาคัดค้านอยู่หลายครั้ง คอยพูดไกล่เกลี่ยโน้มน้าวเขา ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เขาทำงานอย่างหนักในค่ายทหารราชเลขา เคยกระทำผิดรุนแรงอย่างการฆ่าคน แต่ฮ่องเต้กลับไม่ได้ให้โทษหนัก นั่นหมายความว่าฮ่องเต้ยังให้ความสำคัญกับเขา การลงโทษนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างไม่มีทางเลือก ในเมื่อสายตามากมายจับจ้องอยู่ ฮ่องเต้ก็ไม่ควรลำเอียงมากเกินไป หากต่อไปมีโอกาส ก็ยังให้เขากลับมารับใช้อีกได้ แต่พ่อเอาแต่คิดหาทางแก้แค้นอยู่วันยันค่ำราวกับถูกปีศาจสิงอยู่ในร่าง โดยเฉพาะเมื่อเขาถูกอดีตลูกน้องหัวเราะเยาะเย้ยในค่ายทหาร ความตั้งใจของพ่อก็แน่วแน่มากขึ้น จนเขาเกือบจะบ้าคลั่ง และกลายเป็นคนหดหู่หม่นหมองไปมาก เขาใช้เงินทองมากมายจ้างนักฆ่ามา ทั้งยังใส่ยาพิษให้ตนอย่างไม่ลังเล ก่อนที่หลินจ้งจะสลบไป เขาได้แต่คิดว่าไม่รู้ว่าตนจะยังมีโอกาสตื่นมาอีกไหม หรือว่าหลังจากตื่นมาแล้ว จวนหลินจะยังอยู่หรือไม่ แต่ตอนนี้ค่อยยังชั่ว ดีที่ทุกอย่างยังไม่เกิดขึ้น คนในครอบครัวตนก็ยังอยู่ครบดี
“ซื่อจื่อ” หลินจ้งยกศีรษะ มองหวงฝู่อี้เซวียนด้วยสายตาเป็นประกาย พูดอย่างตรงไปตรงมา “หลินจ้งขอร้องซื่อจื่อเรื่องหนึ่งได้ไหมขอรับ”
“ลองพูดมาสิ”
“ก็มีเหตุอันควรที่พ่อข้าคิดกระทำการเช่นนี้นะขอรับ เมื่อซื่อจื่อรายงานฮ่องเต้ ได้โปรดขอร้องให้ไว้ชีวิตในฐานะที่เขายังไม่ได้กระทำอะไรลงไปด้วยเถอะขอรับ จะเป็นพระคุณยิ่ง”
ไม่ทันรอหวงฝู่อี้เซวียนพูด เสียงในลำคอของหลินฉงเหวินก็ดังขึ้น หน้าผากก็เต็มไปด้วยเหงื่อ
หวงฝู่อี้เซวียนมองเขาแวบหนึ่ง
“โจวอัน!”
โจวอันเดินขึ้นไป คลายจุดให้หลินฉงเหวิน
หลินฉงเหวินกระโดดไปข้างหน้าหลินจ้งทันที ตบตีเขาอย่างไม่ยั้งมือ “ไอ้ลูกอกตัญญู ฟ้องร้องพ่อตัวเองได้อย่างไร ข้าจะตีเจ้าให้ตาย”
หลินจ้งไม่หลบ ปล่อยให้เขาตบตีและด่าว่า
ฮูหยินหลินวิ่งกรีดร้องไป ดึงรั้งแขนของหลินฉงเหวินไว้อย่างสุดชีวิต “ท่านพี่ สงบสติอารมณ์หน่อย นี่ไม่ใช่ความผิดของจ้งเอ๋อร์เลยนะเจ้าคะ”
หลินฉงเหวินปิดหูปิดตา ทั้งเตะและต่อยหลินจ้งราวกับคนเสียสติ
ฮูหยินหลินดึงรั้งไว้ไม่อยู่ รีบตะโกนหลินจ้งว่า “จ้งเอ๋อร์ เจ้าหลบไปสิ พ่อจะเอาชีวิตเจ้าเสียนะ”
หลินจ้งยืดอกขึ้น ไม่ขยับไม่ไหน
ทุกคนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตกตะลึง หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ให้ตายก็ไม่คิดว่าราชเลขาในค่ายทหารจะลงมือทุบตีลูกชายเพียงคนเดียวของตน
หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้ว สีหน้าหลินฉงเหวินดูผิดปกติ ราวกับตกอยู่ในความคุ้มคลั่ง
หวงฝู่อี้เซวียนโบกมือ
โจวอันเดินขึ้นหน้า รีบสกัดจุดหลินฉงเหวินไว้อีกครั้ง
หลินฉงเหวินหยุดอยู่กับที่
ฮูหยินหลินถอนหายใจ
หน้าผากและใบหน้าของหลินจ้งปรากฏรอยฟกช้ำ
“โจวอัน ไปเรียกกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองมา”
หลังจากสงบลง หวงฝู่อี้เซวียนก็ออกคำสั่ง
โจวอันขานรับ เดินสาวท้าวออกไป
หวงฝู่อี้เซวียนนำองครักษ์ลับนับร้อยนายมาล้อมจวนหลินไว้ การเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ กองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองจะไม่รู้ได้อย่างไร พวกเขาจึงส่งคนมาตรวจดูแล้ว เมื่อถามจนได้ความว่าคนเหล่านั้นเป็นองครักษ์ลับ และหวงฝู่อี้เซวียนอยู่ในจวนหลิน ก็ตกใจจนผู้บัญชาการจางพาคนถอยกลับไปอย่างเงียบๆ เรื่องใดที่ซื่อจื่อต้องออกโรงด้วยตนเองแสดงว่าเรื่องนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพื่อรักษาชีวิตน้อยๆ ของตน ทหารชั้นผู้น้อยอย่างพวกเขาไม่เข้าไปยุ่งจะดีกว่า แต่ก็ต้องทำให้ซื่อจื่อรู้ว่าพวกเขามาแล้ว หลังจากที่ถอยกลับไปได้หลายสิบเมตร ผู้บัญชาการจางก็สั่งคนล้อมด้านนอกไว้ ไล่คนที่เดินผ่านไปมารวมถึงคนที่มามุงดูออกไปจากบริเวณนี้
โจวอันเดินออกจากประตูจวนหลิน เห็นกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองที่อยู่ไกลออกไป ก็สาวเท้าเดินไปหาพวกเขา
โจวอันอยู่ข้างกายหวงฝู่อี้เซวียนตลอดเวลา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเขาไปแล้ว คนในเมืองหลวงทุกคนต่างรู้จักเขา ผู้บัญชาการก็เช่นกัน เมื่อเห็นโจวอันเดินมาหาเขา ก็รีบเดินขึ้นไปต้อนรับ ถามขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “พี่โจว ซื่อจื่อมีคำสั่งอะไรหรือขอรับ”
“มีจอมยุทธ์บังอาจบุกเข้าจวนหลิน หวังจะฆ่าชิงทรัพย์ ตอนนี้ถูกเราจับตัวไว้แล้ว ซื่อจื่อสั่งให้เจ้านำตัวพวกเขาไป”
ผู้บัญชาการจางเชื่อตามนั้น เขาตกใจพลางคิดในใจว่า นี่มันเสือลำบากถูกสุนัขรังแกชัดๆ หลินฉงเหวินเพิ่งลงจากตำแหน่งราชเลขา ก็มีโจรเข้ามาปล้นทรัพย์ เขากล้าใช้ศีรษะของตนเป็นประกันเลยว่านี่ต้องเป็นคนที่หลินฉงเหวินเคยทำผิดด้วยไว้แน่ๆ เขาจึงถือโอกาสแก้แค้น แต่คนกลุ่มนี้ก็กล้าหาญนัก บุกเข้าจวนหลินกลางวันแสกๆ โชคดีที่ซื่อจื่อมาพบเข้า ไม่เช่นนั้นคงเกิดการสังหารหมู่ในเมืองหลวงแห่งนี้อีก
เขายืดอกแล้วโบกมือเรียกไปทางข้างหลัง ทหารกลุ่มหนึ่งวิ่งเหยาะๆ มา
“พวกเจ้าไปจวนหลินกับข้า ที่เหลือเฝ้าอยู่ที่เดิม ห้ามให้ใครเข้าใกล้จวนหลินแม้แต่ก้าวเดียว” ผู้บัญชาการจางสั่ง
ทุกคนขานรับ
โจวอันหันหลังเดินกลับไป
ผู้บัญชาการจางนำทหารกลุ่มหนึ่งเดินตามหลังไปติดๆ
เมื่อเข้าไปในจวนหลิน ก็ได้เห็นภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าชัดเจน ผู้บัญชาการจางก็งงงวย กลุ่มคนบนพื้นนั้นเป็นจอมยุทธ์จริง แต่หลินฉงเหวินและหลินจ้งเป็นอะไรไป คนหนึ่งโมโหเบิกตาโต ยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่ขยับไปไหนเลย อีกคนเปียกโชก ราวกับว่าเพิ่งเก็บขึ้นมาจากบ่อน้ำ หรือว่าหลินฉงเหวินพ่อลูกต่อสู้กับพวกเขาแล้ว แต่ดูเสื้อผ้าพวกเขา ก็ไม่เหมือนกับต่อสู้กับใครมา ในใจคิดพลางเดินสาวเท้าไปหาหวงฝู่อี้เซวียนพลาง แล้วคารวะ “ซื่อจื่อ”
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าขอฝากคนกลุ่มนี้ไว้กับเจ้า จำไว้ว่า พวกเขาเป็นขุนโจรที่อาจหาญและบ้าระห่ำ ห้ามให้โอกาสพวกเขาอีกเด็ดขาด”
หวงฝู่อี้เซวียนพูดขนาดนี้ มีหรือที่ผู้บัญชาการจางจะไม่เข้าใจ เขารู้ว่าซื่อจื่อกำลังบอกเขาอ้อมๆ ว่า ไม่ต้องสอบสวนพวกเขาแล้ว ฆ่าเสียให้จบเรื่องจะง่ายกว่า สำหรับเขาแล้วอย่างอื่นเขาอาจไม่เก่งนัก แต่เรื่องฆ่าคนเป็นสิ่งที่ตนถนัด แค่พาไปแถวสุสานรกร้าง ฆ่าเสียให้สิ้นเรื่อง เขาจึงรีบตอบกลับทันทีว่า “ซื่อจื่อวางใจเถอะขอรับ ข้าน้อยจะจัดการให้เรียบร้อยแน่นอน”
“ในตัวพวกเขาน่าจะมีทรัพย์สินที่ขโมยมาจากจวนหลิน ไม่ว่ามากน้อยแค่ไหน ข้าขอเป็นผู้ตัดสินใจเองแล้วกัน หลังจากค้นตัวหมดแล้วของทั้งหมดเป็นของพวกเจ้า”
ทีนี้ก็จะรวยเละแล้ว ผู้บัญชาการจางดีใจจนแทบจะคุกเข่าให้หวงฝู่อี้เซวียน เปล่งเสียงดังกังวาน “ขอบพระคุณซื่อจื่อขอรับ”
หวงฝู่อี้เซวียนโบกมือ
เหล่าทหารเดินขึ้นหน้า เตะคนที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ตะโกนไล่ให้พวกเขาเดินออกไปข้างนอก
หวงฝู่อวี้ส่งสัญญาณให้โจวอัน
โจวอันรับทราบ หันหลังเดินตามออกไป เมื่อเดินถึงข้างนอกก็ออกคำสั่งซุบซิบข้างหูองครักษ์ลับนายหนึ่ง
องครักษ์ลับพยักหน้า โบกมือให้องครักษ์ลับอีกสิบนายเดินตามหลังทหารไป
จวนหลินสงบลง
หวงฝู่อี้เซวียนเอ่ยปาก “หลินจ้ง ข้าหิวน้ำ เจ้าไปชงชาให้ข้าดื่มหน่อย”
หลินจ้งไม่เข้าใจความหมายในคำพูดเขา ยกศีรษะมองเขาอย่างงุนงง
“ทำไม เจ้าไม่อยากชงชารึ”
หลินจ้งตั้งสติได้ ก็รับผายมือทำท่าเชิญ “เชิญซื่อจื่อตามข้ามาขอรับ”
หวงฝู่อี้เซวียนเดินข้างหน้าอย่างไม่เร่งรีบ หลินจ้งเดินตามหลัง
โจวอันตามหลังสองคน
ส่วนหลินฉงเหวินและฮูหยินหลินถูกปล่อยทิ้งไว้ที่เดิม ไม่มีใครสนใจ
ทั้งสองมาถึงเรือนรับรอง หวงฝู่อี้เซวียนนั่งบนเก้าอี้ตรงกลางห้อง หลินจ้งพูด “ซื่อจื่อ เชิญนั่งก่อนขอรับ ข้าจะไปชงชาให้เดี๋ยวนี้ขอรับ”
หวงฝู่อี้เซวียนพูดห้าม “ไม่เป็นไรหรอก ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า”
หลินจ้งไม่กล้านั่งลง ยืนโค้งศีรษะอย่างนอบน้อม “ซื่อจื่อ เชิญพูดขอรับ หลินจ้งตั้งใจฟังอยู่ขอรับ”
“เรื่องวันนี้ในจวนหลินของเจ้า ข้ามิได้จะรายงานฮ่องเต้”
หลินจ้งชะงัก แล้วดีใจคุกเข่าลงบนพื้น ก้มศีรษะติดพื้น “หลินจ้งขอบคุณซื่อจื่อที่เมตตาขอรับ”
“แต่ข้ามีเงื่อนไข”
น้ำเสียงหลินจ้งดีใจ “ซื่อจื่อเชิญพูดขอรับ ขอแค่เป็นเรื่องที่หลินจ้งทำได้ จะให้บุกน้ำลุยไฟข้าน้อยก็ไม่เกี่ยงขอรับ”
“เจ้าจงกักบริเวณหลินฉงเหวินไว้ ตลอดชีวิตนี้ห้ามเขาออกจวนหลินแม้เพียงก้าวเดียว”