ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 35-2
ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 35-2 สังหารกลางถนน
หลินหันเยียนปวดใจมาก ยิ่งโกรธเกรี้ยวขึ้นอีกหลายเท่า นางช่วยให้เฉี่ยวไปพิงสาวใช้อีกคน จากนั้นพูดขึ้นพร้อมกับชี้หน้าเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าช่างโหดเ**้ยมอำมหิตยิ่งนัก ลงมืออย่างหนักเช่นนี้ได้อย่างไร”
สายตาอันเย็นชาของเมิ่งเชี่ยนโยวจ้องนางเขม็ง กล่าวว่า “คุณหนูหลิน สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดในชีวิตก็คือคนชี้หน้าใส่ข้า มือข้างนี้เจ้าไม่ต้องการแล้วหรืออย่างไร”
หลินหันเยียนตกใจจากท่าทางเย็นชาของนาง ตัวสั่นสะท้านขึ้นเดี๋ยวนั้น แล้วรีบดึงมือตัวเองกลับ ตะโกนขึ้นว่า “เจ้าช่างอวดดียิ่งนัก ที่กล้ามาทำร้ายสาวใช้ของข้าจนบาดเจ็บสาหัส วันนี้ข้าจัดการจนเจ้าต้องร้องหาบิดามารดา”
เมิ่งเชี่ยนโยวเบะปากดูถูก ถามขึ้นอย่างเยาะเย้ยว่า “เมื่อครู่นี้ที่แม่นางหลินโดนตบหน้าไปสองฉาดนั่นยังน้อยเกินไปหรือ”
หลินหันเยียนลูบใบหน้าของตนโดยไม่รู้ตัว เอ่ยขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “เมื่อครู่นี้ข้าเพียงแต่อ่อนข้อให้เจ้าและประมาทไปเท่านั้น ตอนนี้เจ้ามาทำให้ข้าโกรธ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด”
เมิ่งเชี่ยนโยวกอดอกอย่างหน่ายใจ ไม่ได้เห็นนางอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย พูดเหยียดหยามขึ้นว่า “ถ้าเช่นนั้นก็เข้ามา ทำให้ข้าดูสิว่าคุณหนูหลินจะจัดการให้ข้าร้องไห้หาบิดามารดาอย่างไร”
เดิมทีหลินหานเยียนอายุยังน้อย จึงควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดีนัก เวลานี้โดนเมิ่งเชี่ยนโยวดูถูก กระตุ้นให้รู้สึกโกรธ พออารมณ์คุกรุ่นได้ที่ก็ชักกระบี่พลิ้วไหวออกมาจากเอวของตน ไม่พูดพร่ำทำเพลง จากนั้นก็แทงเข้าไปหาเมิ่งเชี่ยนโยวโดยพลัน
เมิ่งอี้ตัวเย็นเฉียบ ร้องขึ้นด้วยความตื่นตระหนก “น้องโยวเอ๋อร์ระวัง”
เมิ่งเชี่ยนโยวสังเกตทุกอิริยาบถของหลินหันเยียน พอเห็นว่าอยู่ๆ นางก็เล่นของหนัก ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย จนกระทั่งนางใกล้เข้ามา ปลายกระบี่ใกล้จะทิ่มแทงตัวเองแล้วนั้น จึงเบี่ยงตัวหลบ จากนั้นกระบี่ก็ย้อนกลับคืนหลินหันเยียน
ทุกคนเห็นเพียงแค่แสงจ้า
หลินหันเยียนรักษาท่าทางการถือกระบี่ไว้คงเดิมไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย
ส่วนเมิ่งเชี่ยนโยวถือกริชจ่ออยู่บนลำคอขาวผ่องของนาง ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณหนูหลิน ยังอยากจะประลองอยู่ไหม”
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงระยะเวลาไม่นาน กว่าทุกคนจะเห็นอะไรได้ชัดเจนมันก็ตกอยู่ในสภาพการณ์เช่นนี้แล้ว หลังจากสงบเงียบลงไม่นาน กลุ่มคนเหล่านั้นก็ส่งเสียงขึ้นว่า ดี ดี ต่อเนื่องขึ้นเป็นระลอก
หวงฝู่อวี้ไม่รู้ว่าด้านนอกนั้นเกิดอะไรขึ้น รู้สึกกระวนกระวายใจจนมีเหงื่อซึมออกมาเต็มหน้าผาก อ้อนวอนเหวินเปียวขึ้นว่า “เจ้าให้ข้าออกไปดูหน้าประตูเถอะนะ ข้ารับประกันว่าจะไม่ก้าวออกจากประตูนี้ไป”
เหวินเปียวนั่งนิ่งไม่ไหวติง ยังยืนขวางหน้าเขาไม่ยอมถอย
หลินหานเยียนตกใจจนแทบเสียสติ พยายามรักษาท่าทางนั้นไว้โดยไม่กล้าขยับ พอได้ยินคำถามจากเมิ่งเชี่ยนโยวก็กลืนน้ำลายเอื้อกอย่างระวัง พูดขึ้นด้วยความสั่นเทิ้มว่า “ไม่ ไม่…”
ยังไม่ทันได้พูดจบ เสียงแหลมบาดหูของเฉี่ยวเยว่ก็ดังขัดจังหวะขึ้น “รีบปล่อยคุณหนูของเราเดี๋ยวนี้”
สาวใช้อีกคนหนึ่งก็ตกใจจนหน้าซีด นั่งกองอยู่ที่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
เมิ่งเชี่ยนโยวปรายตามองเฉี่ยวเยว่อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง
เฉี่ยวเยว่หดตัวลงโดยไม่รู้ตัว แต่พอคิดถึงฐานะของหลินหันเยียนแล้วก็ยืดตัวขึ้นมา ยืนตัวตรงแล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าคนชั้นต่ำ หากเจ้ากล้าทำร้ายคุณหนูของเรา นายท่านกับฮูหยินของเราไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ จะต้องเฉือนเนื้อแร่กระดูกเจ้าอย่างแน่นอน”
“อ้อ เช่นนั้นหรือ ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าท่านราชเลขามีอำนาจพอที่จะทำอะไรสตรีของข้าได้” เมิ่งเชี่ยนโยวยังไม่ได้พูดอะไร น้ำเสียงอันเย็นชาของหวงฝู่อี้เซวียนก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังฝูงชน
เฉี่ยวเยว่ตื่นตระหนก
หวงฝู่อวี้กลัวจนต้องปิดตาลง ร่ำให้ในใจ แย่แล้ว พี่ใหญ่มาแล้ว คราวนี้ตนต้องถูกลงโทษอีกเป็นแน่
คนที่ห้อมล้อมอยู่ต่างก็ตื่นตกใจ มัวแต่สนใจดูความวุ่นวาย จนไม่รู้ว่าซื่อจื่อมาตั้งแต่เมื่อใด
จึงรีบแหวกให้เป็นทางเดิน หวงฝู่อี้เซวียนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ซื่อ ซื่อจื่อ” เฉี่ยวเยว่ร้องเสียงตะกุกตะกัก พลันนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้ตัวเองมีท่าทางน่าอับอายอยู่ จึงรีบจัดชุดให้เข้าที่เข้าทาง ปัดเศษดินเศษโคลนที่ติดอยู่บนตัวออก แล้วส่งยิ้มให้กับหวงฝู่อี้เซวียนอย่างที่ตัวเองคิดว่าจะทำให้คนหลงเสน่ห์ได้
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ใด้สนใจมองนางแม้แต่น้อย เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวใช้กริชจออยู่ที่ลำคอของหลินหันเยียนก็ขมวดคิ้วมุ่น กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาบางว่า “เก็บกริชลงเสีย”
เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บกริชลงตามที่เขาบอก
หลินหันเยียนถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็ปรับท่าทางให้เป็นปกติ
เฉี่ยวเยว่คิดว่าเขามีใจเข้าข้างหลินหันเยียน จึงรู้สึกดีใจ จึงฉวยโอกาสกล่าวฟ้องด้วยน้ำเสียงหวานหยาดเยิ้มว่า “ซื่อจื่อเจ้าคะ ท่านก็เห็นแล้วว่าเด็กสาวบ้านป่าอย่างนางไม่เพียงแต่ตบหน้าคุณหนู แต่ยังเตะจนข้าตัวลอย…”
“อี้เอ๋อร์!” หวงฝู่อี้เซวียนร้องขึ้น
หวงฝู่อี้รับคำ “ซื่อจื่อ บ่าวรอรับคำสั่ง!”
“ตบปาก!”หวงฝู่อี้เซวียนสั่ง
“ขอรับ!”
หวงฝู่อี้รับคำสั่ง แล้วก็ก้าวเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเฉี่ยวเยว่อย่างรวดเร็ว นางยังไม่รู้สึกตัวเขาก็เงื้อมือขึ้นตบนางซ้ายขวาหลายต่อหลายครั้ง
เฉี่ยวเยว่แม้แต่ส่งเสียงร้องก็ยังไม่มี ก็โดนตบจนปากบวมเจ่อ
หลินหันเยียนอยากจะขอร้อง แต่กลับถูกไอสังหารที่อยู่รอบกายของหวงฝู่อี้เซวียนกดไว้จนรู้สึกหนาวเข้ากระดูก ตกใจจนถอยออกมาก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
หวงฝู่อี้เซวียนกวาดตามองกัวเฟยกับองครักษ์แวบหนึ่ง แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “เรื่องเล็กแค่นี้ยังต้องให้ถึงมือโยวเอ๋อร์ พวกเจ้าเป็นเพียงของตกแต่งหรืออย่างไร”
กัวเฟยกับองครักษ์ทุกคนต่างก็คุกเข่าลงทันที กล่าวขึ้นอย่างพร้อมเพรียงว่า “ผู้น้อยผิดไปแล้ว เชิญซื่อจื่อลงโทษ”
เมิ่งเชี่ยนโยววางกริชไว้กลางอก ยิ้มแล้วกล่าวขึ้นว่า “เรื่องนี้โทษพวกเจ้ามิได้ แต่เป็นว่าที่ภรรยาที่มีสกุลรุนช่องของเจ้าอยากจะมาประลองฝีมือกับข้าหน่อย”
หวงฝู่อี้เซวียนได้ยินดังนั้นจึงเดินมาหยุดตรงหน้าของนาง สำรวจตรวจตราดูนางตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าอย่างละเอียด แล้วถามขึ้นว่า “บาดเจ็บตรงไหนบ้าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วถามกลับว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”
เฉี่ยวเยว่ถูกตบจนปากบวมเจ่อขึ้น หวงฝู่อี้จึงหยุดแล้วมารายงานด้วยความนอบน้อมว่า “ซื่อจื่อ ตบเรียบร้อยแล้วขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นปากเฉี่ยวเยว่บวมขึ้น ส่งเสียงจิ๊จ๊ะดังขึ้นสองครั้ง จงใจกล่าวขึ้นว่า “สาวใช้อ่อนหวานคนนี้เป็นถึงคนที่ฮูหยินราชเลขาเตรียมไว้มอบให้แก่ซื่อจื่อ ซื่อจื่อช่างไม่รู้จักถนอมบุปผางามบ้างเลยหรือ พอมาถึงถึงสั่งให้คนตบตีจนแทบจะกลายเป็นหัวหมู”
“พูดจาเหลวไหลอะไร” หวงฝู่อี้เซวียนตำหนินาง
“ข้าไม่ได้พูดจาเหลวไหล คุณหนูหลินกับสาวใช้คนนั้นเป็นคนบอกข้าเอง” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว
หวงฝู่อี้เซวียนหันไปมองหน้าหลินหันเยียน
หลินหันเยียนพูดตะกุกตะกักขึ้นว่า “ท่าน ท่านแม่บอกว่าเฉี่ยวเยว่เป็นคนที่ต้องแต่งไปพร้อมกับข้า เป็น…”
ประโยคต่อไปนางไม่กล้าพูดต่อ
หวงฝู่อี้เซวียนกลับทำหน้าทมึงถึง หันกลับไปมองเฉี่ยวเยว่
เฉี่ยวเยว่ยังไม่รู้ว่าความตายกำลังเข้ามาเยือน มิหนำซ้ำยังคิดว่าหวงฝู่อี้เซวียนนั้นเสียใจที่สั่งให้คนมาตบตีนาง จึงส่งสายตาอันน่าหลงใหลให้กับหวงฝู่อี้เซวียน ร้องขึ้นเสียงแผ่วเบาว่า “ซื่อ ซื่อจื่อ ข้า…”
“กัวเฟย!” หวงฝู่อี้เซวียนร้องเรียกด้วยน้ำเสียงเย็นชา
กัวเฟยตอบรับ “ผู้น้อยรอรับคำสั่ง!”
“มอบความตาย!”
“ขอรับ!”
พูดจบ บริเวณรอบๆ ก็ตกอยู่ในความเงียบสงบ ทุกคนที่อยู่ในถนนเส้นนั้นต่างก็เงียบกริบ
หลินหันเยียนเบิกตากว้างอย่างโง่งม
เฉี่ยวเยว่มึนงง
ทว่าหวงฝู่อวี้ก็ร้องเสียงหลงดังขึ้นมาจากในห้องว่า “พี่ใหญ่ ไม่ได้!”
หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้วแล้วถามว่า “อวี้เอ๋อร์ก็อยู่หรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ตอบ ตะโกนบอกคนที่อยู่ในห้องว่า “เหวินเปี่ยว ให้คุณชายรองออกมา!”
เหวินเปี่ยวได้ยินเสียงก็ไม่ขวางทางแล้ว หวงฝู่อวี้สาวเท้าออกมาสองก้าวก็พ้นจากประตูแล้ว เอ่ยขึ้นอย่างร้อนรนว่า “พี่ใหญ่ ไม่ได้เด็ดขาด”
หวงฝู่อี้เซวียนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เพราะเหตุใด”
“เพราะว่านางเป็นสาวใช้ที่ติดตามเยียนเอ๋อร์ เติบโตมาพร้อมกับเยียนเอ๋อร์ หากท่านมอบความตายให้แก่นาง เยียนเอ๋อร์จะต้องเสียใจมาก” หวงฝู่อวี้ตอบกลับโดยเร็ว
น้ำเสียงของหวงฝู่อี้เซวียนเย็นชาขึ้นหลายส่วน “เจ้ากำลังสอนข้าอยู่ใช่ไหม”
หวงฝู่อวี้ตกใจจนมือไม้สั่น “ไม่ใช่ พี่ใหญ่ ถึงแม้เฉี่ยวเยว่จะทำผิดไป แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงถึงขึ้นต้องตาย ท่านปล่อยนางไปเถิด”
หวงฝู่อี้เซวียนปรายตามองหลินหันเยียนแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นอย่างมีนัยแอบแฝงว่า “ไม่ว่าผู้ใดที่อาจเอื้อมต้องการข้ามันผู้นั้นสมควรตาย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงสาวใช้เพียงคนเดียว”
แต่ก่อนหลินหันเยียนเคยเห็นแต่ว่าหวงฝู่อี้เซวียนนั้นอบอุ่นอ่อนโยนมีมารยาท แต่ไม่เคยเห็นด้านมืดของเขาเช่นนี้ ทำให้ตกใจแทบแย่ เวลานี้ถูกเขาปรายตามองเพียงแวบเดียวก็ตกใจจนต้องเดินถอยหลัง แล้วทรุดกายนั่งลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
“เยี่ยนเอ๋อร์!” หวงฝู่อวี้ร้องเรียกขึ้นมา คิดจะเข้าไปประคองนางขึ้นแต่ก็รู้ตัวว่าไม่เหมาะสม จึงชะงัก แล้วหันไปสั่งสาวใช้อีกคนที่กำลังตกใจ “ยังไม่รีบเข้าไปพยุงคุณหนูของเจ้าขึ้นมาอีก!”
สาวใช้ก็ตกใจจนแทบสิ้นสติ เดินออกไปด้วยขาอันสั่นเทา คุกเข่าลงคิดจะพยุงหลินหันเยียนขึ้นมา แต่ทว่าร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรง แทนที่จะได้ช่วยพยุงแต่กลับนั่งกองอยู่ที่พื้นด้วยกันกับหลินหันเยียน
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ใส่ใจพวกนาง สั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “กัวเฟย ลงโทษประหารชีวิต!”
—————————-